จำต้องฟ้องหย่า! ทิม พิธา เปิดใจเคลียร์ปัญหา ต่าย ชุติมา หลังศาลพิพากษาแล้ว สิทธิดูแลลูกอยู่ที่พ่อ! (มีคลิป)
ยกลูกออกจากปัญหาของพ่อแม่! “ทิม พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” นักธุรกิจนักการเมืองชื่อดัง สามีของ “ต่าย ชุติมา” หรือ “ต่าย ซีซันเชนจ์” แถลงเปิดใจ ว่าฟ้องหย่ากับภรรยา เพราะมีปัญหาเรื่องการดูแลลูก ไม่อยากให้ต้องย้ายบ้านทุก 5 วัน รอพร้อมแล้วคุยนางเอกดังอีกครั้ง ยันทำทุกอย่างเพื่อความสุขของลูก ไม่เคยกีดกัน พร้อมแจงให้แม่มาหาได้ทุกเมื่อ หลังศาลตัดสินให้พ่อดูแลลูกได้ตามสิทธิ ซึ่งต่ายจะขอรื้อคดีอีกครั้ง
ต่าย ชุติมา โพสต์ขอโทษงานที่ตกลงไว้ แต่หาลูกไม่เจอ ด้าน ทิม พิธา แถลงข่าววันนี้!
ขอบคุณข้อมูลและคลิปจาก True Inside HD
เจ้าตัวเปิดใจด้วยน้ำเสียงเรียบ สั่นเครือบางช่วงของการให้สัมภาษณ์ พยายามอธิบายถึงเรื่องราวข่าวที่เกิดขึ้นของปมปัญหาของครอบครัว ที่ตลอดการสัมภาษณ์เจ้าตัว ยืนยันว่าอยากเห็นความผาสุกของลูกเป็นหลัก
“ชีวิตคนเรานี่ก็สัจธรรมจริงๆ เลย จะถึงวันนี้ที่ต้องมาพมาพูดกับพี่ๆ สื่อมวลชนด้วยรอยยิ้มที่ฝืนและใจที่หนักอึ้ง ครั้งสุดท้ายที่บรรยากาศแบบนี้คืองานแต่งงาน ยังจำหน้าพี่ๆ บางคนได้อยู่ มาร่วมงานตอนที่แต่งงานครั้งนั้น สาเหตุที่คิดว่าคงจะต้องอธิบายให้พี่ๆ สื่อมวลชนฟังเพราะว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา ความรักของผม จากตอนนั้นมันถึงทางตัน มาเป็นระยะเวลานาน 14 เดือน แล้ว ยังจำได้ตอนงานแต่งงานก็ให้คำสัญญาว่าจะซื่อสัตย์และสม่ำเสมอ และเสียสละให้ชีวิตคู่ไปต่อได้ พยายามทำแบบนั้นมาตลอด แต่เรื่องความรักมันไม่มีเหตุผล ไม่มีใครจะอยากให้ออกมาลักษณะนี้ ต้องยอมรับ ว่าตั้งแต่มีปัญหาก็ไม่มีโอกาสคุยกับพี่ๆ สื่อมวลชนเลย ตอน ต.ค.กับ พ.ย. ต้องยอมรับว่า พยายามเต็มที่แล้ว ที่จะประคับประคองได้ มีผู้ใหญ่ที่เคารพมาช่วย ด้วยการหาผู้เชี่ยวชาญต้องกระทบต่อครอบครัวและลูกสาวผม”
“ต้องขอความกรุณา ผู้เชี่ยวชาญในการสมรสมาตลอด บทบาทของการเป็นสามีภรรยาก็คงยุติลง ตามกฎหมายยังไม่ได้ไปเซ็นใบหย่าแต่อย่างใด พอมันไปไม่ได้ก็มองไปข้างหน้า จำบรรยากาศดีๆ หวังว่าจะมีบทบาทของการสามีภรรยา ความเป็นพ่อเป็นแม่ยังมีอยู่ อยากเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันไปให้ได้
“สิ่งที่โฟกัส คือต้องการที่จะดูแลพิพิม ลูกสาวอย่างมีเสถียรภาพ ตอนที่รักกันใหม่ๆ เริ่มคบหาดูใจกัน ทุกวันนี้เสิร์ชดูข่าวนั้นเมื่อ 10 ปีก็ยังอยู่ 10 ปีในอนาคต สิ่งที่ออกไปในสื่อก็ยังจะอยู่อีกเช่นเดียวกัน มันคือสิทธิของเด็กที่ควรที่จะเขาเองก็สิทธิที่ไม่อยากอยู่บนความขัดแย้งของพ่อแม่ และจรรยาบรรณของสื่อ ผมพยายามเลี่ยงเอาความขัดแย้งเป็นเรื่องภายในครอบครัวมากที่สุด ในเมื่อควบคุมไม่ได้ก็ต้องว่ากันต่อไป”
“สำหรับพิพิมสิทธิของเขา ถึงผมเป็นพ่อเขาแต่ก็ไม่สิทธิเผยแพร่ สาธยายเรื่องราวของเขา ผลกระทบที่เกิดของลูก พ่อกับแม่ ผมเป็นห่วงลูกสาวเป็นหลัก ผมยังไปต่อ อยู่คนเดียวก็มีความสุข มีคู่ก็มีความสุข มันอยู่ที่ใจเรา แต่ห่วงสุดคือลูก สถานการณ์ที่มันเกิดขึ้น อยู่ในชั้นศาลหมดแล้ว พิพิมได้รับผลกระทบ แต่ปกติเขาก็เป็นเด็กร่าเริง มีความสุขดี น้องได้รับผลกระทบพอสมควร ความสับสนจากความผิดของพ่อและแม่เอง โดยเนื้อแท้เขาคือเด็กสดใส แบบในไอจีแหละครับ 6-7 เดือนแยกบ้านกัน ผมมีจดหมายใบรับรองแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กการที่ลูกได้รับผล ผมควรปกป้องลูก จะปล่อยให้ลูกมารับกรรมจากความขัดแย้งของผู้ใหญ่ไม่ได้อีกต่อไป และไม่ใช่ครั้งเดียว”
“คือคุณต่ายแยกบ้านออกไป มีใครอยากย้ายบ้านทุก 5 วันมั้ยครับ ใครอยากใช้ชีวิตอยู่ในกระเป๋าเดินทาง เก็บของ เก็บตุ๊กตา ย้ายไปอีกบ้าน โดยไม่มีคำอธิบาย ในใบรับรองแพทย์พูดถึงความผาสุก ความมั่นคงทางอารมณ์ของลูก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญจะเกิดผลระยะยาว ผมพยายามจะพูดคุยกับทางคุณแม่ กำหนดวิธีเลี้ยงดูลูกกัน เขาไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ที่บ้านผมมีเพื่อน มีเด็กไล่เลี่ยกัน ทำไมเขาต้องย้ายไปจากตรงนี้ เราเป็นผู้ใหญ่เรายังทนไม่ได้เลย ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา”
“หลายคนอาจจะบอกว่าคุณพ่อใจเสาะจัง คิดมากไปมั้ย แพทย์ 7 คนที่ให้ดูว่ามันเกินไปมั้ย ถ้าไม่เกินไปลูกปรับตัวได้ก็ไม่เป็นไร พ่อแม่อยู่คนละบ้านไปมาก็ไม่ถูกต้อง พยายามพูดคุยกันก็ไม่สำเร็จ ผมก็คุยกับหมอที่ดูกับพิพิมมาตลอด มันถึงจุดที่ต้องเลือก พูดคุยต่อไป ปกป้องลูก ทางผู้เชี่ยวชาญก็บอกว่าต้องพึ่งคนกลาง ฟ้องหย่า พ.ย.ที่ผ่านมา ทะเบียนสมรสก็แค่ใบใบหนึ่ง คนที่หย่ากันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่มันมีความจำเป็นที่ต้องฟ้องหย่าเพื่อปกป้องลูกได้ ขอสิทธิในการเลี้ยงดูบุตร ไม่ใช่บังคับ”
“สำหรับผลพิพากษาในชั้นศาลวันไต่สวนเมื่อเดือนก.พ.ที่ผ่านมา คุณต่ายขาดนัดศาล เขาดูหลักฐานผมฝ่ายเดียว ศาลพิพากษาให้หย่าขาดจากกัน แต่ยังไม่ได้ไปจดทะเบียนที่เขต แล้วก็ให้สิทธิปกครองบุตรกับผมแต่เพียงผู้เดียว ย้ำว่าคุณต่ายขาดศาล อาจจะรื้อคดีใหม่อีกรอบหนึ่งตั้งแต่ 11 ก.พ.ที่ผ่านมา คำพิพากษาคือผมเป็นโจทก์ คุณต่ายเป็นจำเลย ขอให้ผมได้มีโอกาส ดูแลปกครองมากำหนดวิธีการเลี้ยงดูบุตร ขอความกรุณาทุกท่านนะครับ ตอนที่รักกัน ผมไม่เคยคิดว่าจะมีวันนี้ ต้องทำแบบนี้ 13 เดือนที่ผ่านมาพยายามแล้ว แต่มันก็ไม่ได้ เมื่อเป็นแบบนี้แล้วก็พูดคุยกันต่อไป”
“ส่วนเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นผมไปเซ็นทรัลเวิลด์ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย อย่างที่คุณต่ายได้พูดที่สน. มีปัญหานิดหน่อยในการส่งมอบลูกกัน ที่เขาพูด จริง ถ้าพิพิมอยากไปผมโอเค”
“สำหรับผมสิทธิจะอยู่ที่ลูกว่าอยากไปหรือไม่อยากไป คำนึงของความต้องการของลูกเป็นหลัก ถ้ายิ้มแย้มแจ่มใสก็ไป ถ้ามีปัญหาก็ไม่ให้ไป ถ้าส่งมอบครั้งนี้มีปัญหา ก็ยอมไม่ได้ มาหาที่บ้านแล้วกัน ไม่ได้กีดกัน ต้องการให้แม่เป็นส่วนหนึ่งในการเติบโต เราล้มเหลวเรื่องการเลี้ยงดู ตอนนี้ถึงเวลาที่รีสตาร์ทกันใหม่”
“เขาก็พูดแล้วเรื่อง 5 วัน เขาโอเค แต่ผมว่าไม่โอเค ผมไม่เห็นด้วยไง หลังจาก 11ก.พ. ลูกอยู่ที่ผม ก่อนหน้านั้น 50-50 (อ่านคำวินิจฉัยในศาลให้สื่อฟัง) ทางคุณต่ายไม่ยอม จะอุทธรณ์ กระบวนการ อยากจะรื้อ ก็ยินดีไม่เป็นไร สิทธิของเขา จริงๆ อย่างที่บอกคนเรามีสิทธิ ผมอะลุ้มอล่วยได้ หลังๆ ก็มีขอบเขต และมันมากพอแล้ว หลายเดือนแล้ว ลูกต้องทนมา 6 เดือน อธิบายไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น ขอให้มันจบได้แล้ว”
แสดงว่าน้องพิพิมจะอยู่กับทิม?
“ความรู้สึกของลูกเป็นหลัก ตามความรู้สึกเขา ว่าอยากอยู่ตรงไหน”
เรื่องมันบานปลายไปที่สน.แล้ว?
“ไม่มีใครอยากย้ายบ้านไป 5 วัน ก่อนหน้านี้ก็ยอม แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว อยากให้พอได้แล้ว มาหาที่บ้านได้ตลอด เราเป็นผู้ใหญ่ย้ายแทนแล้วกัน”
“อีกหนึ่งความขัดแย้ง คือ พิพิมมี 2 โรงเรียนคือตั้งแต่ ต.ค.-พ.ย. 2 – 3 สวบครึ่งมีความตั้งใจต้องหาโรงเรียนใกล้บ้านที่ชอบ ไปดูแถวสุขุมวิทแถวบ้าน แล้วก็ได้โรงเรียนที่ลูกชอบ พี่เลี้ยงของคุณต่ายไม่ได้ว่างมา แจ้งไป สมัครเรียนไปโรงเรียนนานาชาติที่มาจากญี่ปุ่นโดยตรง ลูกชอบบรรยากาศดี สอนสไตล์ฝรั่ง วินัยแบบญี่ปุ่น คิดว่าคุณต่ายก็คงชอบ ไม่น่ามีปํญหาอะไร สมัครไป พ.ย.โอนเงินจัดการไป จ่ายเงินแล้ว จะเริ่มเรียนแล้ว เขาพาไปสมัครอีกที่ ที่บ้านเขาอีกที่นึง แล้วใครจะรับผิดชอบของความสับสนจะเกิดกับลูกสาวมีสองโรงเรียน เปิดเทอมเมษายนนี้แล้ว มีความจำเป็นที่ต้องพูดคุยกันได้แล้ว
นัดคุยกันได้แล้ว เรียกทนายนัดคุย มันต้องคุยกัน ปล่อยให้ไปเรียน 2 โรงเรียนไม่ได้ เราต้องคุยในที่ลับเป็นส่วนตัว ผมก็เลยบอกว่าแบตกำลังจะหมดมีอะไรให้คุยกับทนายได้เลย เขาก็โทร.หาส่งถึงเซ็นทรัลเวิลด์ไปตั้งแต่ 6 โมง ทนายก็ติดธุระ เปิดขึ้นมาก็เป็นเรื่องแล้ว ต้องขอโทษ และเข้าใจยอมรับว่ามันเป็นอุบัติเหตุขึ้นมาจริงๆ เปิดมาเป็นเรื่องใหญ่ก็เลยคุยกันไม่ได้ ยกเขาออกจากความขัดแย้ง วันที่เกิดเรื่องก็ยังคุยและชี้แจง ไม่ใช่ปิดเครื่องหนี ลูกยังอยู่ ปลอดภัย โทรศัพท์แบตมันหมด พอจะชาร์ตแก้ไขไม่ทันแล้ว แต่แจ้งเขาก่อนแล้ว”
เรื่องที่เกิดเหมือนทั้งสองฝ่าย เอาลูกเป็นตัวประกัน?
“รักลูกทั้งคู่ แล้วพูดคุยกันไม่ได้ ในอนาคตก็คืออยากจะบอกเขาว่าต้องมานั่งคุยกันแล้ว เสนอกับเขาไปว่า เอากองเชียร์ออกทั้งสองฝ่าย มันยุ่งยากมันถึงเวลาแล้วต้องมาคุยกัน เราเคยรักกันมาก่อน เอากองเชียร์ออกไปก่อน เอาสติมาคุยกัน ลองกันอีกทีหนึ่ง ยังไงก๋ต้องคุย ถ้าคุยไม่ได้ก็ตามกระบวนการของศาล”
ต่ายอยากหย่ามั้ย?
“ต้องถามเขา ไม่เหมาะอีกเช่น ผมพูดแทนเขาไม่ได้ ตามเอกสารอยู่ที่พ่อ เขาอาจจะแปลเอกสารนี้อีกแบบหนึ่ง สิทธิปกครองลูกกับทะเบียนสมรสคนละเรื่อง เขาอาจจะแปลไปอีกอย่าง แต่ไม่อยากยัดคำพูดใส่ปากใคร”
“ผมไม่เคยอ้างเรื่องเอกสาร ยังอยากให้คุณแม่เป็นส่วนสำคัญในส่วนสำคัญของพิพิม ผมอยู่กับพ่อแม่ครอบครัวอบอุ่นมีความสุข ในวงการก็มีเยอะ พ่อแม่มีส่วนดูแลอย่างไรคุณต่ายก็ต้องส่วนดูแลพิพิม 50-50 มันดูดีแต่มันตกลงไม่ได้ แย่งกันก็ไม่เหมาะเลยต้องหาวิธี ยังยินดีที่จะเป็นเพื่อนกับเขาอยู่ แล้วชีวิตผมก็ต้องดำเนินต่อไป เลี้ยงเดี่ยวก็ไม่มีปัญหา อาจจะเพราะผมโตมาจากต่างประเทศ พ่อแม่มีสิทธิเท่ากัน”
อยากให้ต่ายอยู่ในช่วงชีวิตของลูก?
“ใช่ครับ”
ยังรักต่ายอยู่มั้ยครับ?
“มันคงเป็นความหวังดีที่มีต่อกันแล้วกัน บทบาทของสามีภรรยาก็คงยุติ ความรักมีหลายแบบ ไม่ใช่เชิงโรแมนติก อย่างที่บอกคุณต้องเข้าใจก่อนว่า ครอบครัวผมมันคือทางตันไปต่อไม่ได้ ถอยกันคนละก้าว ยังยินดีที่อยากจะเป็นเพื่อนฝูงและรู้จักกัน คอยช่วยเหลือดูแลซึ่งกันและกันมากกว่า แต่คงเป็นไปไม่ได้กับการเป็นสามีภรรยา”
คิดว่าแถลงแล้วจะจบมั้ย?
“ก่อนจะมานี่มันเป็นเรื่องใหญ่หรือเล็ก อันนี้ภายในหรือนอก ส่วนตัวหรือสาธารณะ ไม่ใช่ขุดชนวน 13 เดือนนี่ครั้ง ที่ 2 ครั้งแรกก็หนีเต็มที่แล้ว อย่างที่เรียนไปว่าสิ่งทีเกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้วเสิร์ชไปก็ยังหาเจอ อีก 10 ปีมันก็ขึ้นมาอีก เขาก็มีสิทธิที่จะอยู่ตรงนั้นอย่างผาสุก มันคือเรื่องของผู้ใหญ่”
ข่าวกระทบกับงานใหม่ ด้านการเมืองมั้ย?
“ขอความกรุณาให้แยกแยะมา ที่นี่ในฐานะคุณพ่ออย่างเดียว ไม่ได้มาในฐานะอื่น ผมยังมีความเชื่อว่ายังสามารถที่จะแก้ไขปัญหาได้ อย่างที่บอกมันก็ผ่านมาพอสมควร ยังต้องมีการตกลงกันอีก เดี๋ยวเขาไปโรงเรียนก็ต้องแก้กันต่อไป”
ต่ายไม่ขอพูดอะไรมาก เพราะบอกว่าทิมทำงานการเมือง?
“ต้องขอบคุณ เพราะทิมเล่นการเมือง ครอบครัวก็ไม่อยากพูดเลยด้วยซ้ำไป เมื่อวานที่ไม่อยากให้ไปงานดิสนีย์เพราะไม่อยากให้นักข่าวไปรุมลูกสาว”
เคยหาตัวกลาง ช่วยคุยมั้ย?
“ก็มีความพยายาม”
ฝากอะไรถึงต่ายมั้ย?
“มานั่งคุยกันเถอะ 2 คน นึกถึงตอนที่เริ่มรักกันใหม่ๆ ก็ได้ เราก็ไม่มีใครสมบูรณ์ไปทุกอย่าง มีข้อดีอยู่บ้างก็มองในนั้น ลองพยายามพูดคุยกันอีกซักรอบ มันเรื่องครอบครัว ไม่ใช่เรื่องของคนอื่นอีกแล้ว มีสติเยอะแล้วลองมาพูดคุยกัน กำหนดกันแล้วเป็นเพื่อนกันได้ น่าจะทำได้อยู่นะ อยากจะพูดกับเขาว่าเราทำได้ดีกว่านี้ เรายังแก้ปัญหาได้ดีกว่านี้ ความมั่นคงทางอารมณ์ของลูกสำคัญที่สุด อะไรที่เกิดกับลูกคงยอมให้ไม่ได้แล้ว”
ขอบคุณภาพจากไอจีดารา tye_chutima , tim_pita
อัพเดทชีวิตคนดัง ครบครันเรื่องบันเทิง เพลิดเพลินไปกับบทละคร ติดตาม Dara.trueid.net ได้อีกช่องทางที่ TrueID App หรือร่วมพูดคุยกันผ่านทาง Line @TrueID