"การให้" คือสิ่งที่เราหลายคนทราบดีว่าเป็นสิ่งที่พึงกระทำ "ผู้ให้" ถือเป็นผู้เสียสละและจิตใจกว้างขวาง อีกทั้งการให้ยังช่วยลดโลภะในใจ ลดความโลภ ความอยากมีอยากได้ของเราลง แต่ทราบไหมคะว่า การให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือ "การให้อภัย" นั่นเอง ซึ่งการให้นี้แสนยิ่งใหญ่และน่ายกย่อง จิตใจของผู้ที่ถูกกระทำ แน่นอนว่าอาจจะมีการอาฆาตแค้น การผูกใจเจ็บ แต่การกระทำเช่นนั้นเปรียบเสมือนการเผาใจของตัวเองให้รุ่มร้อนอยู่แทบทุกเวลา วันนี้ Sunnysister จะมารีวิวและแนะนำหนังฮิตติดกระแสอีกเรื่องหนึ่งบน Netflix ซึ่งบอกเลยว่าทำให้เห็นคำความสำคัญของการให้อภัย การยกโทษได้อย่างดี ใครที่ทำผิดจนรู้สึกละอายใจ คนที่อาฆาตเกินกว่าจะรับฟัง เมื่อได้รับชมหนังเรื่องนี้แล้ว หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากำแพงเหล่านั้นจะทลายเพราะชีวิตนั้นแสนสั้น ไม่มีใครที่จะอยู่ค้ำฟ้าไปตลอดกาลเรื่องย่อ : เป็นการเล่าเรื่องต่อจากภาคที่ 1 ในรูปแบบเส้นเวลาแบบต่อเนื่อง ไม่ใช่การเล่าเรื่องใหม่ แต่เป็นการเลือกเล่าเรื่องในประเด็นที่ไม่ได้บอกเอาไว้ในภาคแรก โดยเทพผู้พิทักษ์ทั้งสาม คังลิม รับบทบาทโดย ฮาจุงวู เฮวอนเมก รับบทบาทโดย จูจีฮุน และดัคชุน รับบทบาทโดย คิมฮยางกี ร่วมตัดสินใจเพื่อรับโอกาสไปเกิดใหม่ด้วยการพา คิมซูฮง รับบทบาทโดย คิมดองวุก วิญญาณอาฆาตที่ต้องตายอย่างไม่เป็นธรรม (น้องชายของคิมจาฮง ที่ได้ไปเกิดใหม่แล้วจากภาคแรก) สามารถผ่านการพิพากษาจากเทวดาประจำนรกแต่ละขุมไปได้ ภายใน 49 วันเพื่อไปเกิดใหม่ แต่เรื่องราวไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เมื่อราชันยอมรา (อีจุงแจ) ได้ยื่นข้อเสนอใหม่ให้สามเทพผู้พิทักษ์ นั่นคือไปนำดวงวิญญาณของชายชราคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่เลยกำหนดเวลามาเพื่อถูกตัดสิน แต่นอกจากการที่ต้องเลี้ยงดูหลานชายตัวน้อยที่กำลังจะเข้าโรงเรียน ยังไม่พร้อมที่จะเผชิญปัญหาต่าง ๆ คนเดียว ยังมีเทพประจำตระกูล (มาดงซอก) ค่อยปกปักษ์ไว้ทำให้ไม่มีเทพพิทักษ์ใดมาพาดวงวิญญาณของชายผู้นี้ไปได้ นอกจากนั้นแล้วยังเป็นผู้ที่กุมความลับสำคัญของเทพพิทักษ์ทั้งสามตอนยังเป็นมนุษย์ ที่อาจจะพลิกผันให้ชีวิตของพวกเขาเปลี่ยนไปตลอดกาล เวลาที่เดินถอยหลังทำให้ทั้งสามรู้สึกกดดันไปหมด นี่เป็นโอกาสสำคัญในการได้ไปเกิดใหม่ตามที่พวกเขาประสงค์ แต่หากทำไม่สำเร็จความหายนะต้องมาเยือนพวกเขาอย่างเร็วพลันความโดดเด่นของหนัง : ยังคงความเข้มข้นของเนื้อเรื่องไว้ค่อนข้างดี ภาคนี้เหมือนเป็นการเฉลยบทบาทความเป็นมาของตัวละครในภาคแรก โดยการเล่าเรื่องจะค่อย ๆ คลายปมทีละนิด พร้อมกับการเล่าเรื่องราวในอดีตขนานไปกับเวลาปัจจุบัน พาร์ทดราม่ายังคงทำออกมาได้ดี จัดหนัก จัดเต็ม เรียกได้ว่าทำเอาน้ำตาแตกไปหลายฉากเหมือนกัน โดยภาคนี้จะแตกต่างจากภาคแรกตรงที่เน้นไปทางชีวิตความเป็นมาของตัวละครเทพผู้พิทักษ์ทั้งสามมากกว่า ทำให้บทบาทของภารกิจการนำดวงวิญญาณคิมซูฮงไปเกิดใหม่จะอ่อนกว่าภาคแรกอยู่บ้างเหตุผลที่พลาดไม่ได้ : หนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่มักสอดแทรกปรัญชาการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าขณะที่มีชีวิตอยู่ได้อย่างแยบคลาย ทำให้คนดูรู้สึกอยากเป็นคนที่ดีขึ้นต่อไป ทำให้เราเกรงกลัวที่จะกระทำบาป การพยายามเข้าใจว่ามนุษย์ทุกคนไม่ได้เกิดมาพร้อมความชั่วในจิตใจหรอก แต่แท้จริงแล้วคือสภาพแวดล้อมและปัจจัยหลายสิ่งก็มีส่วนในการตัดสินใจกระทำสิ่งต่าง ๆ ของคนหนึ่งได้ความรู้สึกหลังได้ชม : หนังเรื่องนี้ทำให้รู้สึกตื้นตันใจเมื่อเห็นคนทำสิ่งดี ๆ ให้แก่กัน แก่นเรื่อง ถือว่าสามารถถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ แต่อาจจะต้องพัฒนาเรื่องการเล่าเรื่องให้มีความสมูทมากยิ่งขึ้น การเลือกที่จะเล่าเหตุการณ์ในอดีตแบบขนานไปกับเส้นเวลาปัจจุบันอาจส่งผลให้โทนหนังค่อนข้างเสียหาย หนังเปลี่ยนอารมณ์รวดเร็วเกินทำให้หนังไปไม่ค่อยสุด ในขณะที่ภาคแรกมีการตัดสลับฉากที่ค่อนข้างสมูท ลื่นไหล ดูน่าลุ้นกว่า แต่โดยรวมก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่าดูอีกหนึ่งเรื่องเนื่องจากเป็นการถ่ายทำที่ละเอียด และฝีมือการแสดงของนักแสดงก็ไร้ที่ติเลยก็ว่าได้ เรทคะแนน 8.5/10รับชมได้ทาง Netflix Thailand และสามารถชม Netflix ผ่านกล่อง TrueID ได้ด้วย ขอบคุณภาพหน้าปกจาก Netflix Thailandขอบคุณภาพประกอบที่ 1-6 จาก Official Trailerhashtag#หนังเกาหลี #แนะนำหนัง #หนังNetflixน่าดู #รีวิวหนัง #แฟนตาซี #โลกหลังความตาย #ดราม่าเกาหลี