มีเหตุผลมากมาย ที่ทำให้เราเลือกดูละครสักเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการชอบที่ชื่อเรื่อง อยากรู้เนื้อหาของเรื่อง มีคนแนะนำให้ดู ติดตามข่าวสารแล้วเห็นว่าน่าสนใจ ชอบนักแสดง มั่นใจในฝีมือการทำงานของทีมสร้าง อยากเห็นโปรดักชั่นที่อลังการงานสร้าง เปิดโทรทัศน์แล้วเจอพอดี เลยขอดูสักหน่อย พอดูแล้วก็อยากจะรู้เรื่องต่อ จึงดูไปยาว ๆ จนจบ ฯลฯ ด้วยเหตุผลมากมาย ที่ในที่สุดการติดตามละครเรื่องนั้น ๆ ก็เป็นไปด้วยความสนุกที่จะได้ชมกันต่อ ดังนั้นเราขออยู่ในโหมดเป็นคนแนะนำให้ดูก็แล้วกันนะคะ และก็ขอแนะนำละครแนวอิงประวัติศาสตร์ พีเรียด ดราม่า แฟนตาซี เรื่อง "บุหลันมันตรา" ผลงานการแสดง "นิว วงศกร" และ "ชิปปี้ ศิรินทร์" ซึ่งเป็นละครที่สนุก ดูเพลินมาก ๆ กับเรื่องราวมหากาพย์ของความรัก 3 ยุค 3 ชาติ อันเกิดจาก "บุหลันมันตรา" หรือ "มนตราแห่งดวงจันทร์" นั่นเองเรื่องย่อละคร "บุหลันมันตรา"พศ. 2543 "แสงสูรย์" (นิว วงศกร) เจ้าของบทประพันธ์นวนิยายแนวโรแมนติก อิงประวัติศาสตร์ในยุคสมัยของสมเด็จพระเอกาทศรถเรื่อง "บุหลันมันตรา" ได้จัดงานพบนักอ่านที่บ้านของเขา ที่จังหวัดอยุธยา "บัวระวง" (ชิปปี้ ศิรินทร์) ลูกสาวนักธุรกิจผู้ร่ำรวย ได้มาร่วมงานเพราะ "ลลิตา" (ยีน เกวลิน) ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้อง ที่แอบชอบแสงสูรย์ เป็นคนชวนมา โดย "ทับทิม" (ตังเม เมธาวี) เพื่อนสนิทอีกคนได้มาร่วมงานด้วย การมาครั้งนี้ของบัวระวงไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะแสงสูรย์ในปัจจุบันนั้นคือ "ออกจันทร์" หัวหน้ากองอารักขาเจ้าฟ้าสุทัศน์ ผู้ซึ่งมีชีวิตผ่านช่วงเวลามาตั้งแต่ยุคสมัยพระเอกกาทศรถ เพื่อตามหา "แม่บัว" ในยุตสมัยของเขา ซึ่งก็คือบัวระวงที่เคยข้ามกาลเวลากลับไปในอดีต ได้พบและรักกัน แต่มีเหตุให้ต้องพลัดพรากจากกัน ออกจันทร์นั้นได้ร่ำเรียนมนตราจาก "ท้าวจำปา" (เจี๊ยบ ปวีณา) จึงทำให้เป็นอมตะ และได้นำพาบัวระวงข้ามประตูเวลากลับไปสมัยอยุธยาอีกครั้ง จนจดจำเรื่องทั้งหมดได้ แต่เมื่อบัวระวงกลับมาในปัจจุบันของตัวเองก็ไม่สามารถสมหวังในความรักกับแสงสูรย์ เพราะผู้คนในอดีตที่ผูกกรรม เป็นเจ้ากรรมนายเวรต่อกัน ทำให้บัวระวงต้องจบชีวิตลง กระทั่งปี พ.ศ. 2565 ที่แสงสูรย์ยังคงรอคอยแม่บัวของเขาอยู่ ก็ได้พบเธออีกครั้ง ที่เกิดใหม่มาเป็น "สโชา" วัย 21 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านพิษวิทยา ที่ศัตรูเก่าผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรยังคงตามเล่นงาน และครั้งนี้แสงสูรย์ก็พยายามปกป้องเธออย่างที่สุดอีกคราว!!5 เหตุผลที่ควรดู "บุหลันมันตรา"1. "นิว วงศกร" กับหลายคาแรคเตอร์ ในบทบาท "ออกจันทร์" และ "แสงสูรย์""นิว วงศกร" เป็นทั้งนักร้อง นักแสดง นายแบบ ที่มีผลงานในแวดวงบันเทิงมานานกว่า 18 ปี ตั้งแต่ปี 2006 จากละครเรื่องแรก "สายน้ำสามชีวิต" มีผลงานทั้งละครและภาพยนตร์มากว่า 40 เรื่อง ผ่านมาหลากหลายบทบาท ที่โชว์ความสามารถมาโดยตลอด จนทำให้ "นิว" เป็นนักแสดงที่แฟน ๆ ยอมรับในความสามารถว่ายอดเยี่ยมมาก ๆ และทำให้ติดตามผลงานกันมาโดยตลอด และสำหรับ 2 บทบาท "ออกจันทร์" ผู้ซึ่งมีชีวิตเป็นอมตะ มีชีวิตมายาวนานดกว่า 300 ปี และเปลี่ยนชื่อมาเป็น "แสงสูรย์" ในบทบาทการแสดงนั้น หลากหลายคาแรคเตอร์มาก ๆ ในบทบาทออกจันทร์ คือนักรบผู้แกร่งกล้า มีคาถาอาคม มาดนิ่ง แข็งกร้าว ส่วนแสงสูรย์นั้นเป็นนักเขียนที่มีความเป็นกันเอง อ่อนโยน มีเสน่ห์เป็นที่ชื่นชอบของผู้คน ด้วยคาแรคเตอร์หลัก ๆ ก็ทำให้เป็นตัวละครที่น่าติดตามมาก แต่มีอีกคาแรคเตอร์ที่ยิ่งทำให้ต้องติดตามกัน ก็คือบทเมาแล้วรั่วได้อย่างสุด ๆ ไม่เหลือมาดใด ๆ ไม่นึกว่าจะทำไปด้ายยย เรียกว่าหลุดคาแรคเตอร์พระเอกสุด ๆ แต่ทำให้ประทับใจในความเป็นหนุ่มอยุธยา ที่ร้องเพลงในยุค Y2K ที่เศร้าด้วย ฮาด้วย 2. เคมี "พระ-นาง"ต่างยุค ต่างชาติ "แสงสูรย์/ออกจันทร์-บังระวง/บัว""บุหลันมันตรา" เล่าเรื่องราวของความรักระหว่าง "ออกจันทร์" ในยุคสมัยอยุธยา และ "บัวระวง" ในยุคสมัยรัตนโกสินทร์ ที่มีชีวิตห่างกันกว่า 300 ปี แต่เพราะการข้ามเวลากลับไปในอดีตของบัวระวง ซึ่งใช้ชื่อ "บัว" ในยุคนั้น เป็นความมหัศจรรย์ของชีวิต ที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้เลยว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็ต้องใช้ชีวิตต่อไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ ความสนุกของการได้ติดตามละครก็เห็นจะเป็นเคมีความเข้ากันระหว่างพระ-นาง ที่ "นิว" และ "ชิปปี้" ที่ต้องผลัดกันมึนงงว่าคุณเป็นใครกันแน่! บัวระวงที่สงสัยว่าแสงสูรย์เป็นใครในขณะที่แสงสูรย์รู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในอดีต ส่วนออกจันทร์สงสัยว่าบัวเป็นใครในขณะที่บัวรู้เรื่องราวในอนาคต ด้วยความซับซ้อนของบทละครที่ทำให้ตัวละครผลัดกันมึนงงในชีวิต จึงเป็นเรื่องราวที่ทำให้สนุกชวนติดตาม อยากจะรู้ต่อเลยว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไรต่อไป 3. เรียนรู้เกร็ดประวัติศาสตร์ ผ่าน "ยี่สุ่น"ละคร "บุหลันมันตรา" เป็นละครแนวอิงประวัติศาสตร์ จึงมีชื่อของบุคคลสำคัญในอดีตเกี่ยวข้อง และเพิ่มเติมให้ละครน่าสนใจ และได้ความรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในอดีตผ่านบทบาทของตัวละคร "ยีน เกวลิน" ในบทบาท "ยี่สุ่น" ในชาติอดีต และบท "ลลิตา" ในชาติปัจจุบัน เป็นตัวละครที่ทำให้แฟน ๆ ที่ติดตามกัน ได้เรียนรู้เกร็ดประวัติศาสตร์ผ่านการแสดงของเธอหลาย ๆ เรื่องราวด้วยกัน "ยี่สุ่น" นั้นเป็นบุตรสาวของออกญากรมไวย ซึ่งเป็นคนรักของออกจันทร์ แต่เพราะความทะเยอทะยาน ต้องการมีอำนาจเหนือใคร ๆ จึงเลือกที่จะเป็นสนมของ "เจ้าฟ้าสุทัศน์" (โอ อนุชิต) ซึ่งฉากเกร็ดประวัติศาสตร์ที่ได้แทรกเข้ามาคือการเข้าพิธีถวายตัวเป็นบาทบริจาริกาของเจ้าฟ้าสุทัศน์ หรือวังหน้า ทั้งในเรื่องการแต่งตัว การแต่งหน้าที่ต้องทาหน้าขาว เขียนคิ้วโก่ง ทาปากแดง ตามความเชื่อที่ว่า ผู้หญิงที่จะเข้าถวายตัวต่อกษัตริย์ ต้องแต่งตัวที่เปรียบเสมือนนางฟ้าบนสวรรค์ลงมาปรนนิบัติรับใช้กษัตริย์ที่เปรียบดั่งองค์สมมติเทพ ซึ่งการถ่ายทำโชว์ทุก ๆ ขั้นตอน ตั้งแต่ช่วงแต่งตัว แต่งหน้า รวมไปถึงช่วงถวายตัว ที่ไม่เพียงแต่ในบทของ "ยี่สุ่น" ยังรวมถึงพระมเหสี และสนมที่เคยถวายตัวมาก่อนหน้านี้ ที่ต้องอยู่ในขั้นตอนพิธี ฉากในการถ่ายทำก็ถูกสร้างอย่างสมจริง เป็นการเรียนประวัติศาสตร์ผ่านละครอย่างน่าสนใจ 4. การเดินทางไกล ผ่านเรื่องราวของ ออกจันทร์ บัวระวง และ องค์ชายทองขาวตัวละครหลักที่เดินเรื่องผ่านการเดินทางใน "บุหลันมันตรา" เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ละครน่าติดตามมาก ๆ ก็คือการเดินทางของ ออกจันทร์, บัวระวง และองค์ชายทองขาว ที่แตกต่างกันมาก ๆ แต่ทำให้ละครสนุกก็คือ "ออกจันทร์" ผู้ซึ่งมีชีวิตอมตะ เขาใช้ชีวิตมาอย่างยาวนานผ่านทุก ๆ วันจากอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของบัวระวงที่ตายแล้วเกิดใหม่ โดยมีเจ้าขนุน (เด็กชายณัชชวกร ศิริรักษ์) ซึ่งเป็นกุมารทองที่อยู่ด้วยเท่านั้น เป็นการใช้ชีวิตผ่านการเดินทางไกลที่ยาวนานกว่า 300 ปี "บัวระวง" การเดินทางไกลของเธอเป็นการย้อนกลับไปในอดีต ผ่านประตูกาลเวลา ซึ่งต้องตามดูกันในละครเลยว่าประตูแห่งนี้อยู่ที่ไหน จะเดินทางกลับไปได้อย่างไร น่าติดตามมากกก "องค์ชายทองขาว" (ภูมิ ภูริพันธ์) เป็นโอรสของ "ขุนหลวงเอกาทศรถ" (พันเอก วินธัย สุวารี) และ "สนมเอี่ยม" (อรอนงค์ ปัญญาวงศ์) ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และเป็น "ภควัตร" ในชาติปัจจุบัน ซึ่งไม่ว่าชาติไหน ก็เป็นคนที่ต้องการจะเป็นใหญ่ พร้อมที่จะครอบครองทุกอย่างที่ไม่ใช่ของตนเอง ซึ่งการเดินทางไกลขององค์ชายทองขาวนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ข้ามภพข้ามชาติอย่างบัวระวง แต่การเดินทางของเขาก็เป็นช่วงที่ทำให้ละครสนุก ตื่นเต้น เร้าใจมาก ๆ ในบทบาทของการเป็นทูตคณะแรกที่ขุนหลวงเอกาทศรถส่งไปติดต่อการค้ากับวิลันดา ซึ่งเขาใช้โอกาสนี้ไปที่เกาะนากินี เพื่อนำพิษนากินี (ฌาร์ม โอสถานนท์) มาทำลายศัตรูที่กรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นใหญ่ เป็นฉากที่สนุก ลุ้นระทึก และสยองงงงกับเหล่างูพฺิษมากมายมหาศาล น่าติดตามว่าการเดินทางไกลขององค์ชายทองขาวจะลงเอยอย่างไร5. รวมนักแสดงฝีมีคุณภาพ และ รวมนางงามจากหลายเวที"บุหลันมันตรา" เป็นละครที่มีนักแสดงเยอะมาก ๆ นอกจากที่เอ่ยชื่อกันไปแล้ว ก็ยังมี "เต้ ปิติศักดิ์" ในบทบาท "ออกญากรมไวย" และ "ไวยวิทย์" ที่ไม่ว่าชาติไหนก็ร้าย เป็นตัวละครสำคัญ ที่ส่งผลให้เกิดเรื่องราวขึ้นมากมาย, "มาร์ค อภิวิชญ์" ในบทบาท "พร้าว" ทหารคู่ใจของออกจันทร์ ในอดีต และในบทบาท "พฤกษ์" นักวิทยาศาสตร์หนุ่ม คนรักของทับทิม, "อาร์ม สุกวิณ" ในบทบาท "แช่ม" ลูกชายของท้าวจำปา ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน หักหลังออกจันทร์ผู้เป็นนาย เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง นอกจากนี้ก็ยังมีนักแสดงฝีมือคุณภาพอีกคับคั่ง และที่น่าสนใจมาก ๆ ก็คือเป็นละครที่รวมนางงามไว้ถึง 5 คนด้วยกัน เริ่มจาก "อรอนงค์ ปัญญาวงศ์" นางสาวไทย ปี 1992 , "ยีน เกวลิน" รองชนะเลิศอันดับ 2 มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ปี 2021, "ตังเม เมธวี" รองชนะเลิศอันดับ 4 มิสแกรนด์ไทยแลนด์ ปี 2018, "น้ำหวาน รักษ์ณภัค" (น้ำหวาน เดอะเฟซ) รองชนะเลิศอันดับ 2 Miss Motorshow ปี 2013 และ "ฌาร์ม โอสถานนท์" มิสไทยแลนด์ยูนิเวิร์ส ปี 2006 ทุกคนต่างก็พร้อมใจในการโชว์ความสามารถด้านการแสดงอย่างเต็มที่ เพื่อให้ ละครสนุก ชวนติดตามในทุก ๆ ฉาก ทุก ๆ ตอน - อรอนงค์ ปัญญาวงศ์- ยีน เกวลิน- ตังเม เมธวี- น้ำหวาน รักษ์ณภัค- ฌาร์ม โอสถานนท์ดูละคร บุหลันมันตรา >>> ที่ทรูไอดี - รู้จัก ภูมิ ภูริพันธ์ 2 บทบาทร้าย ๆ องค์ชายทองขาว และ ภควัตร ในละครบุหลันมันตรา ดูฟรีทรูไอดี ขอบคุณภาพประกอบจาก ช่อง8 / thaich8 / charm.os / namwan_raknapak / ornanong_panyawong/ tm.mataweeภาพปก ภาพที่1 ภาพที่2ภาพที่1 ภาพที่2 ภาพที่3 ภาพที่4 ภาพที่5 ภาพที่6-7 ภาพที่8-9 ภาพที่10-12 ภาพที่13 ภาพที่14-18 ภาพที่19 ภาพที่20 ภาพที่21 ภาพที่22 ภาพที่23 ภาพที่24 ภาพที่25 ภาพที่26 ภาพที่27คอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง เพลงดังฟังไม่หยุด ศิลปินหน้าใหม่โดนใจ หวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน