รีวิวหนัง Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์ สู่สงครามโลกครั้งที่ 2 ฉบับฟิสิกส์..จึ้ง!
"Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์" และนี่คือหนังอีกเรื่องหนึ่งในปีนี้ที่ถูกหมายตาและจับตามองมาตั้งแต่ประกาศสร้าง ผลงานล่าสุดของนักสร้างหนังรุ่นใหม่ที่มีเทคนิคแพรวพราว สร้างความตื่นตาให้กับวงการเสมอ ๆ หนังแนวชีวประวัติเกี่ยวกับสงครามโลกที่เต็มไปด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดและทฤษฎีศาสตร์ฟิสิกส์ที่เข้มข้นแน่นจอ
Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์
Oppenheimer เป็นเรื่องราวชีวิตของ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ชายผู้มีปัญหาในตัวเองมากมาย แต่ก็ถูกมองข้ามไปด้วยความปราดเปรื่องของตัวเขา เมื่อเขาถูกขอความช่วยเหลือให้หาหนทางยุติสงครามโลกครั้งที่สอง เขาก็ชี้ไปที่ความหวังเดียวเท่านั้น คือ อาวุธปรมาณูที่มีพลังทำลายล้างรุนแรงจนสามารถยับยั้งไม่ให้ทุกฝ่ายต่อสู้กันต่อไปได้อีก
"คริสโตเฟอร์ โนแลน" ก็คือยังเป็น คริสโตเฟอร์ โนแลน ความเสด็จพ่อยังคงสร้างสรรค์ผลงานระดับมาสเตอร์พีชออกมาได้ไม่ผิดหวังอีกเหมือนเคย นี่คือหนังที่กลั่นกรองมาจากไอเดียและแนวคิดของโนแลนอย่างเต็มที่อีกครั้ง แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นการทำงานแบบย้ายสถานที่ จาก วอร์เนอร์ บราเธอร์ส มาเป็น ยูนิเวอร์แซล แต่ความสร้างสรรค์ของเขาก็ยังชัดเจนและได้การยอมรับในการบีบอัดออกมาเป็นผลงานระดับเทพ
แน่นอนว่าในหนังเรื่องนี้ คริสโตเฟอร์ โนแลน ก็ยังคงรับหน้าที่ร่วมเขียนบทหนังกับ "ไค เบิร์ด" นักเขียนหน้าใหม่ ที่อ้างอิงมาจากงานเขียนระดับตำนานของ "มาร์ติน เชอร์วิน" ผู้ที่หยิบเอาตำนานของออพเพนไฮเมอร์นำมาร้อยเรียงเขึยนเป็นสิ่งพิมพ์นั่นเอง และนี่ก็ยังจัดได้ว่าเป็นงานบทหนังที่แสนคมคามอีกครั้ง ตามสไตล์เสด็จพ่อโนแลน บทที่เต็มไปด้วยมิติและชั้นเชิงมากมาย ยืนอยู่ที่ทฤษฎีที่ท้าทายคนดูไปตลอดทั้ง 3 ชั่วโมง
แต่เอาจริง ๆ หนังอย่าง Oppenheimer คงจะไม่เหมาะกับทุกคน ถึงมันจะเป็นหนังที่เข้าข่ายยอดเยี่ยมอีกเรื่องของปีนี้ แต่มันไม่ใช่หนังที่เหมาะกับการมาแสวงหาความบันเทิงอะไร เพราะเรื่องนี้มาด้วยโทนของความขึงขัง จริงจัง และดุเดือด แทบจะตลอดเวลาที่ร้อยเรียงเรื่องตามลำดับ เป็นหนังที่เต็มไปด้วยบทพูดมากมาย บอกได้เลยว่ากว่า 98 เปอร์เซนต์ของหนังเรื่องนี้เป็นวลีพูดต่าง ๆ ที่แทบจะไม่มีการเว้นช่องไฟให้ได้หยุดหายใจเลย
Oppenheimer ยังเป็นการเล่าเรื่องด้วยชั้นเชิงและความซับซ้อนของทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์กับฟิสิกส์ที่ถูกหยิบนำมาใช้ ซึ่งก็แน่นอนว่ามันเป็นองค์ประกอบที่ไม่ใช่คนดูทุกคนจะเข้าใจและแทรกซึมไปได้ง่าย ๆ และจังหวะต่าง ๆ เหล่านี้ยังเกาะหนังไปทั้งเรื่องในเวลา 180 นาที ดังนั้นนี่จึงเป็นหนังที่ค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะ และคนดูต้องตั้งรับและรับมือกับข้อมูลต่าง ๆ ที่จะพรั่งพรูใส่ใน 3 ชั่วโมงระหว่างที่หนังดำเนินไป เพราะไม่เช่นนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมานั้น...อาจจะกลายเป็นหนังที่ชวนหลับไปได้
แต่กระนั้นหนังก็ยังมีช่วยซัพพอร์ตที่ดีงามมาก ๆ นั่นก็คือกองทัพนักแสดงในเรื่อง ที่ใช้คำว่า กองทัพ ก็คงจะไม่เกินจริงเท่าไหร่ เพราะหากว่าหนังคู่แข่ง "Barbie" ขนดารามาเยอะแยะแล้ว Oppenheimer เรื่องนี้ก็ไม่น้อยหน้ากันเลย เพราะนี่คือหนังที่เต็มไปด้วยนักแสดงคุณภาพเน้น ๆ ออกมาซีนมากซีนน้อยก็ใส่เต็มทั้งหมด และมันกลายเป็นหนังที่ทรงพลังได้ด้วยดีจากองค์ประกอบการแสดงของมืออาชีพ
ปรบมือให้ดัง ๆ กับการแสดงของ "คิลเลียน เมอร์ฟีย์" และนี่คือหนึ่งในบทบาทการแสดงที่ดีที่สุดในอาชีพนักแสดงของเขาเลยก็ว่าได้ บทนี้เหมือนเกิดมาเพื่อเขาจริง ๆ เขาแสดงออกมาเหมือนกับทำออกมาง่าย แต่ด้วยการตีความเป็นการ เจ. ออพเพนไฮเมอร์ ในรูปแบบที่เขาวิเคราะห์เอง มันจึงเต็มไปด้วยเสน่ห์และจุดที่น่าค้นหาไปตลอดทั้งเรื่อง เขาน่าจะได้ที่นั่งแถวหน้าของเวทีรางวัลปีหน้าเอาไว้แล้ว
นักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ใน Oppenheimer ก็ทำให้เราขนลุกไปตามกัน ไม่ว่าจะเป็น "เอมิลี บลันต์", "แมตต์ เดมอน", "เจสัน คลาร์ก", "อัลเดน เออเรนริช", "ฟลอเรนซ์ พิวจ์" หรือ "เคนเนธ บรานาห์" พวกเขาใส่เต็มและจัดเต็มในทุก ๆ ซีน ไม่ว่าจะซีนใหญ่หรือซีนเล็ก แต่คนที่ทำได้เด็ดดวงสุด ๆ ต้องยกให้ "โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์" และนี่คือหนึ่งในงานแสดงชิ้นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพของเขาเช่นเดียวกัน การแสดงของเขาน่าทึ่ง และถ่ายทอดออกมาด้วยมิติที่หลากหลายจนต้องร้องว้าว
และที่ขาดไปไม่ได้เลย ก็คือองค์ประกอบที่เป็นเสน่ห์ของงานหนังโนแลนในยุคหลัง ๆ กับงานสร้างสุดบรรจง ที่มักจะใส่ใจในรายละเอียดงานภาพและงานเสียงได้อย่างน่าอัศจรรย์ และเรื่องนี้ก็ทำให้เราแทบจะลุกขึ้นยืนปรบมือให้มาก ๆ ยิ่งได้รู้รายละเอียดเบื้องหลังงานสร้างของหนังเรื่องนี้ที่ไม่ใช่เทคนิคพิเศษและซีจีใด ๆ มาช่วยเลย ก็ยิ่งทึ่งกับความสามารถของ คริสโตเฟอร์ โนแลน มากยิ่งขึ้นอีก
Oppenheimer เต็มไปด้วยเสน่ห์ด้านงานออกแบบภาพ มุมกล้อง การจัดแสง และการดีไซน์วิชชั่นต่าง ๆ ด้วยภาพนั้น ทำออกมาได้ค่อนข้างยอดเยี่ยม ท่ามกลางเส้นเรื่องและการเล่าเรื่องที่ดุดันตลอดทั้งเรื่อง แต่ก็มีงานภาพของโนแลนที่มาช่วยคอนทราสอารมณ์ได้ด้วยดี แค่ได้นั่งดูองค์ประกอบสุดพิถีพิภันและละเอียดของเขาตรงนี้ก็คุ้มค่าแล้ว ยิ่งมาสมทบด้วยงานออกแบบเสียงที่สั่นสะเทือนไปทุกอวัยวะของร่างกาย มันเป็นกำไรของคนดูที่ต้องดูหนังเรื่องนี้ได้ถึงอรรถรสได้เฉพาะในโรงภาพยนตร์เท่านั้นจริง ๆ
ดังนั้นโดยสรุปแล้ว Oppenheimer ก็ยังจัดเป็นหนึ่งในผลงานอันทรงคุณภาพของ คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่งานสร้างแทบจะไม่มีอะไรให้ติเลยสักนิดเดียว มันใกล้เคียงกับคำว่าสมบูรณ์แบบมาก ๆ และนี่น่าจะเป็นหนังเรื่องแรก ๆ ของปีนี้ที่จับจองพื้นที่บนเวทีรางวัลต่าง ๆ เอาไว้แล้ว แม้ว่าอุปสรรคเดียวของหนังเรื่องนี้จะเป็นการร้อยเรียงและส่งสารไปถึงคนดู ที่ค่อนข้างยากที่จะเจาะไปถึงกลุ่มคนดูได้ เพราะเนื้อหาของหนังค่อนข้างเฉพาะตัว จะว่าไปก็เป็นหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เข้มข้นเรื่องหนึ่ง เพียงแต่เลือกจะนำเสนอภาพสงครามในมุมมองทางฟิสิกส์แทนเท่านั้นเอง
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์
- ประเภท: ดราม่า
- ผู้กำกับ: คริสโตเฟอร์ โนแลน
- นำแสดงโดย: คิลเลียน เมอร์ฟีย์, เอมิลี บลันต์, โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์, แมตต์ เดมอน
- ความยาว: 180 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 20 กรกฎาคม 2023
Movie.TrueID METRIC: Oppenheimer ออพเพนไฮเมอร์
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰ (8/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐ (10/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰ (9/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa