ถอดรหัสความสำเร็จของดาบพิฆาตอสูร ทำไม Demon Slayer ถึงดังเป็นพลุแตก
Demon Slayer หรือในชื่อไทยอย่าง ดาบพิฆาตอสูร เป็นอนิเมะที่สร้างจากมังงะซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อปี 2016 โดยเล่าเรื่องถึงคามาโดะ ทันจิโร่ เด็กหนุ่มผู้ที่กลายเป็นนักล่าอสูร และออกเดินทางเพื่อหาวิธีทำให้น้องสาวกลับมาเป็นมนุษย์ดังเดิม แน่นอนว่าในเวลานั้น ไม่มีใครคาดคิดเลยว่า อีกไม่กี่ปีข้างหน้า Demon Slayer จะกลายเป็นปรากฏการณ์ทั่วโลก จนสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้สำนักพิมพ์และผู้สร้างอย่าง โคโยฮารุ โกโตะเกะ (Koyoharu Gotouge) แบบทุกวันนี้
เราเชื่อเหลือเกินว่าถ้าใครที่เล่นโซเชียลมีเดีย ต้องเคยเห็นภาพจาก Demon Slayer โผล่ขึ้นมาในหน้าฟีดอย่างแน่นอน และหลายคนที่ไม่ได้ติดตามเรื่องนี้คงสงสัยกันล่ะสิ ว่าทำไมการ์ตูนหน้าตาธรรมดาแบบนี้ ถึงได้มีคนรักเยอะนัก และวันนี้เราจะมาถอดรหัสความสำเร็จถึงปรากฏการณ์ของ Demon Slayer
การเปิดเรื่องที่ฮุกได้อยู่หมัด
ในตอนเริ่มเรื่องของ Demon Slayer เราจะเห็นตัวเอกอย่างทันจิโร่กลับมาบ้าน แล้วพบว่าครอบครัวของเขาถูกสังหารหมด ลงท้ายด้วยการที่เนซึโกะ น้องสาวของเขาต้องกลายเป็นอสูร เหตุการณ์อันสยองขวัญนั้นเป็นการแนะนำผู้ชมตั้งแต่แรกเริ่มเลยว่า ต่อจากนี้ไปโทนเรื่องจะเป็นยังไง ต้องพบกับความเศร้าโศกแบบไหน และช่วยปูให้คนอ่านเกิดความรู้สึกอยากติดตามด้วยว่าตัวเอกจะไปพบเจออะไรนับจากนี้
หมัดฮุกนี้ เป็นกรณีเดียวกับ Attack on Titan ที่ลั่นไกกระสุน ด้วยความสูญเสียบ้านกับคนสำคัญของเหล่าตัวละครหลัก แถมยังสร้างเงื่อนไขที่ทำให้ตัวเอกต้องทำภารกิจและพบเจอผู้คนมากมาย เสมือนว่าให้เติบโตไปพร้อมคนอ่านอย่างไรอย่างนั้น
แม้ว่าเนื้อหาที่เล่าถึงการแก้แค้นของตัวเอก จะเป็นอะไรที่ถูกยกมาใช้บ่อยก็ตาม แต่สิ่งที่ทำให้ Demon Slayer แตกต่างไปก็คือ ในระหว่างทางนั้นเนื้อเรื่องยังแวะสำรวจประเด็นต่าง ๆ ที่ทัชใจคนอ่าน อาทิ ครอบครัว ความรัก และการสูญเสีย
สำรวจยุคไทโช
เรื่องราวใน Demon Slayer เกิดในยุคไทโชของญี่ปุ่น ซึ่งยุคไทโชเป็นช่วงเวลาพิเศษที่ดำรงอยู่เพียง 14 ปี และแน่นอนว่าไม่ค่อยมีการ์ตูนโชเน็นเลือกช่วงเวลานี้มาสร้างเป็นเรื่องราวเท่าไหร่ ทว่ายุคไทโชเองก็มีเสน่ห์ของมัน เพราะยุคสมัยนี้เป็นช่วงที่วัฒนธรรมของตะวันตกค่อย ๆ เข้ามาเปลี่ยนแปลงญี่ปุ่น ทำให้ผู้คนสัมผัสกับเทคโนโลยีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์หรือไฟฟ้าก็ตาม
นอกจากนั้นยุคไทโช ยังเป็นช่วงเวลาที่เมืองหลวงเริ่มมีความศิวิไลซ์ มีผู้อยู่อาศัยหนาแน่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ผู้คนไม่ค่อยกลัวสิ่งเหนือธรรมชาติ ซึ่งแตกต่างจากชนบทที่วิถีชีวิตเหมือนยังถูกแช่แข็งไว้ ผู้คนไม่มีไฟฟ้า อาศัยการจุดฟืน แถมยังเชื่อในเรื่องสิ่งลี้ลับ
ความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงนี้เอง ทำให้ยุคไทโชเป็นช่วงที่เหมือนมีโลกสองใบในเวลาเดียวกัน คนอ่านจึงได้เห็นบางตอนที่มีเมืองอันศิวิไลซ์ แต่ตอนถัดไปดันกลายเป็นภูเขาที่มีแต่ปีศาจร้าย ซึ่งสิ่งนี้ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สร้างเสน่ห์ให้กับซีรีส์มหาศาล
มีมาสคอตสุดน่ารัก
ตัวละครมาสคอตเป็นหนึ่งในวิธีทำมาร์เก็ตติงของการ์ตูนที่ได้ผลมาโดยตลอด ตั้งแต่ พิคาจู ใน Pokemon, เจ้าคอน จาก Bleach หรือกระทั่ง โทนี่ โทนี่ ช็อปเปอร์ ใน One Piece ก็ตาม ตัวละครมาสคอตเหล่านี้เป็นกลยุทธ์การตลาดที่การ์ตูนมากมายนำมาใช้ ซึ่งสามารถดึงดูดคนที่ชอบอะไรน่ารัก ๆ ให้มาติดตามได้ด้วย
และ Demon Slayer เองก็มีเนซึโกะ น้องสาวของพระเอกที่กลายเป็นอสูร ซึ่งในร่างอสูรนั้น เนซึโกะสามารถแปลงร่างกายของเธอให้กลายเป็นเด็กได้ แถมยังคาบกระบอกไม้ไผ่ไว้อีก ซึ่งสร้างเอกลักษณ์อันน่าจดจำให้คาแร็กเตอร์ของเธอเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเนซึโกะจะมีหน้าตาเหมือนเด็ก แต่เธอก็สามารถเปลี่ยนไปเป็นร่างอสูรผู้ใหญ่ได้ เหตุนี้ทำให้เธอเป็นหนึ่งในตัวละครที่ทรงพลังที่สุด ซึ่งองค์ประกอบเหล่านี้ก็ควรค่าพอให้เนซึโกะ กลายเป็นมาสคอตที่สมบูรณ์แบบของเรื่องเลยล่ะ
ดีไซน์งานศิลป์ที่ง่ายต่อการจดจำ
ไม่ว่าการ์ตูนจะดีเพียงใด ก็ไม่มีเรื่องไหนที่อยู่ได้โดยที่ไม่สร้างความเชื่อมโยงกับแฟนคลับหรอก ซึ่ง Demon Slayer เองก็มีจุดนี้เหมือนกัน ด้วยการเชื่อมโยงแฟนคลับจากงานศิลป์บนเสื้อผ้ายังไงล่ะ
ถ้าเราสังเกตดูดี ๆ จะเห็นได้ว่าตัวละครแต่ละตัว ต่างมีแฟชั่นผ้าคลุมที่น่าจดจำทั้งสิ้น และเอกลักษณ์อันงดงามนี้ก็ทำให้แฟนคลับสามารถนำลวดลายไปต่อยอดเป็นอย่างอื่นได้ด้วย โดยอย่างแรกคือแฟนคลับสามารถนำลวดลายบนผ้าคลุมมาแต่งคอสเพลย์กันได้ นอกจากนั้นลวดลายบนผ้าคลุมก็สามารถนำไปลงกับเสื้อธรรมดา เคสโทรศัพท์ และสินค้าอื่น ๆ ได้ด้วย
จะเห็นได้เลยว่า ต่อให้เราไม่ได้ไปงานคอสเพลย์ ก็จะเห็นผู้คนใส่ชุดที่มีงานศิลป์จาก Demon Slayer เดินตามห้างหรือพื้นที่สาธารณะเต็มไปหมด
แอนิเมชันขั้นเทพ
เมื่อพูดถึงสาเหตุที่ Demon Slayer ดังเป็นพลุแตกแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ต้องยกความดีความชอบให้เลยก็คือแอนิเมชันที่ถูกสร้างโดยสตูดิโอ Ufotable นั่นเอง เรียกได้ว่านอกจากจะทำให้มังงะของ Demon Slayer มีชีวิตชีวาแล้ว ยังช่วยเสริมรอยต่อของเนื้อหาได้อย่างดีเยี่ยม ดีซะจนผู้แต่งต้องออกมาชมเลย เพราะเนื้อหาเพียงหนึ่งหน้าในมังงะนั้น สตูดิโอ Ufotable ก็สามารถขยายออกเป็นฉากที่งดงามได้ถึงหนึ่งนาทีเลยล่ะ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงฉากการใช้ปราณ อันเป็นเอกลักษณ์ของสมาชิกหน่วยพิฆาตอสูรนั้น ก็ทำให้เรื่องนี้โดดเด่นขึ้นกว่าเดิม เพราะฉากแอ็กชันปกติของอนิเมะเรื่องอื่น มักจะใช้เทคนิควาดทับหรือเติมแสงประกายเข้าไป แต่ Ufotable กลับสร้างฉากใช้ปราณด้วยเทคนิค CG ที่เหมือนพู่กันตวัดสีน้ำ ซึ่งสร้างความพลิ้วไหวให้กับงานภาพเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นการรังสรรค์ฉากต่อสู้ก็ทำได้อย่างระทึกใจและสะเทือนอารมณ์ ที่แม้จะเป็นแอนิเมชัน แต่งานภาพก็สามารถนำมาฉายโรงหนังได้อย่างสบายเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็น ฉากเสาหลักเพลิงเรนโงคุ ปะทะ อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 3 อาคาสะ หรือ ฉากเสาหลักเสียงอุซุย ปะทะ อสูรข้างขึ้นลำดับที่ 6 กิวทาโร่ ที่ได้ใจคนดูจนกลายเป็นตำนานของฉากแอ็กชันในโลกอนิเมะ นอกจากนั้นแล้ว ภาพที่สวยงามก็ทำให้หลายคนติดใจอนิเมะเรื่องนี้ เพราะความประณีตของงานภาพเลยล่ะ
เพลงประกอบปลุกพลัง
เพลงประกอบซีรีส์ Demon Slayer ขึ้นชื่อในแง่ของความไพเราะเป็นอย่างมาก แถมยังขับเคลื่อนธีมและเรื่องราวออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตั้งแต่เพลงแรกอย่าง Gurenge ที่ฮิตติดชาร์ต จนมียอดดาวน์โหลดสูงสุดตลอดกาลในญี่ปุ่น ซึ่งแม้แต่คนไทยอย่างเรา ก็เอามาเป็นมีมอย่าง ‘ซื้อยาคูลท์’ แถมเพลงประกอบในภาคต่อมา ยังได้ Aimer และ Man With A Mission มาร้องเพลงประกอบให้ด้วย
ถ้าดูให้ดี คนที่มาร้องเพลงประกอบให้ Demon Slayer ล้วนเป็นตัวท็อปของวงการอนิซองในญี่ปุ่นเลยนะ เรียกได้ว่ายังไม่ได้ฟังเพลง แค่เห็นคนร้องก็อุ่นใจได้เลยว่างานเพลงคุณภาพแน่นอน
มูฟวี่ศึกรถไฟสู่นิรันดร์
Demon Slayer The Movie ภาคศึกรถไฟสู่นิรันดร์ เป็นการต่อยอดเนื้อหาหลังซีรีส์จบ กล่าวคือปกติการ์ตูนโชเน็นมักจะนำเรื่องราวใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน มาสร้างเป็นเนื้อเรื่องของเดอะมูฟวี่ ทำให้หลายคนรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องดู เพราะไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องหลัก แต่สำหรับมูฟวี่ศึกรถไฟสู่นิรันดร์ คือการนำเนื้อเรื่องหลักที่ต่อจากตอนจบของซีซันแรกมาสร้างเป็นมูฟวี่ ซึ่งเป็นแกมบังคับว่า ถ้าอยากรู้ว่าตอนต่อจากซีรีส์จะเป็นยังไง ก็ต้องมาดูในเดอะมูฟวี่ เพราะไม่อย่างนั้นจะดูซีซัน 2 ไม่รู้เรื่องอย่างแน่นอน
โดยหนังโรงภาคศึกรถไฟสู่นิรันดร์ก็ประสบความสำเร็จมหาศาล กลายเป็นหนึ่งในอนิเมะที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาลในญี่ปุ่น ทำรายได้ทั่วโลกไปถึง 507.1 ล้านเหรียญ (โดยในไทย ทำรายได้ทะลุ 120 ล้านบาท ซึ่งถือว่ามหาศาลสำหรับอนิเมะ) กระแสของเดอะมูฟวี่ภาคนี้เรียกได้ว่าโด่งดังในไทยมาก ถึงขนาดคนที่ ไม่เคยดู Demon Slayer สักตอน ก็ยังทนไม่ไหวเพราะกระแสปากต่อปากเลยทีเดียว
ความสำเร็จของ Demon Slayer นั้นมาจากปัจจัยมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาที่น่าติดตาม แอนิเมชันที่งดงาม เพลงประกอบฮอตติดหู ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรม จนส่งให้ยอดขายหนังสือทะลุ 150 ล้านเล่ม ซึ่งเราเชื่อเหลือเกินว่า เมื่ออนิเมะเรื่องนี้สร้างจบครบทุกตอน มันจะถูกบรรจุไว้ในธรรมเนียบแอนิเมชันที่สุดตลอดกาลอย่างแน่นอน
ที่มา: thepopverse, nippon, sportskeeda, cbr