ฤดูกาล ... จานข้าว ... และตัวฉันการใช้ชีวิตอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีแม่ การกลับไปอยู่บ้าน ทั้งที่เรายังไม่อยากกลับ"ตัวตน" ของเราอยู่ที่ไหนกันแน่ ... หรือมีแค่ "ป่าผืนเล็ก" แห่งนี้ที่เป็นคำตอบ "Little Forest" เป็นการ์ตูนญี่ปุ่นหรือมังงะ (Manga) ที่ผลิตออกมาในช่วงปี 2002-2005 โดย Daisuke Igarashi ซึ่งเล่าเรื่องราวของ "อิชิโกะ" สาวบ้านนาคนหนึ่งที่ไปใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวง แต่วันนึงเธอต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านเกิดโดยที่ไม่รู้ว่าแม่ของเธอหายไปไหน แบ็กกราวด์ของเรื่องเกิดขึ้นที่เมืองชนบทแห่งหนึ่งในญี่ปุ่นที่มีชื่อว่า Komari มีความหมายว่า "ป่าเล็ก" หรือ Little Forest ซึ่งเป็นที่มาของชื่อเรื่องนั่นเองมังงะเรื่อง Little Forest ถูกนำมาผลิตเป็นภาพยนตร์ญี่ปุ่นขนาดยาว เขียนบทและกำกับโดย Junichi Mori โดยแบ่งเป็น 2 ภาค ภาคละ 2 ฤดูได้แก่ Little Forest: Summer/Autumn (リトル・フォレスト 夏・秋 2014) และ Little Forest: Winter/Spring (リトル・フォレスト 冬編・春編 2015)Little Forest คือ ธรรมชาติที่งดงามทุกฤดูกาลภาพยนตร์เรื่อง Little Forest ฉบับญี่ปุ่นทั้งสองภาค อิชิโกะ รับบทโดย ฮาชิโมโตะ ไอ (Hashimoto Ai) สาวหน้านิ่งที่เก็บงำความรู้สึก เธอโตมากับแม่ที่โคมาริซึ่งเป็นเมืองบนภูเขา แต่จู่ๆ วันนึงในวัยที่อิชิโกะกำลังเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย แม่ของเธอกลับหายออกจากบ้านไปอย่างเงียบๆ เหลือทิ้งไว้เพียงกับข้าวเมนูผักจานหนึ่งที่เธอชอบทานวางอยู่บนโต๊ะ อิชิโกะไม่รู้ว่าแม่หายไปไหนและทำไมหลังเรียนจบ อิชิโกะก็ออกจากโคมาริไปใช้ชีวิตอยู่ที่โตเกียว แต่อยู่ได้ไม่กี่ปีเธอก็กลับมาอยู่ที่โคมาริตามลำพัง เธอทำทุกอย่างด้วยตัวเองอย่างทะมัดทะแมงอย่างคนที่โตมาในชนบท ทั้งทำนา ปลูกผัก ทำอาหาร จับปลา ผ่าฟืน ฯลฯ เธอใช้ชีวิตอย่างลื่นไหลไปตามธรรมชาติและฤดูกาล เริ่มตั้งแต่ฤดูร้อน ฤดูใบไม้ร่วง ฤดูหนาว และไปจบที่ฤดูใบไม้ผลิซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดอกซากุระบานสะพรั่งทั่วทุกพื้นที่ภาพยนตร์ฉบับญี่ปุ่นเล่าเรื่องค่อนข้างเนิบช้า มีการนำเสนอชีวิตคนธรรมดาแบบ Slice of life ที่ไม่ได้มีปมขัดแย้งเป็นสำคัญ แต่เน้นการถ่ายทอดรายละเอียดและวิถีชีวิตชนบทญี่ปุ่นได้อย่างน่าสนใจ จากโปสเตอร์ภาพยนตร์จะเห็นได้ว่าหนังเรื่องนี้มีจุดเด่นที่ การพึ่งพาตัวเอง สีสันของฤดูกาล และอาหารจากธรรมชาติ ตลอดทั้งเรื่องอิชิโกะจะหาทำของกินจากสิ่งที่มี ไม่ว่าจะเป็น มะเขือเทศ ข้าว เกาลัด ลูกพลับ ถั่วแดง เป็ด กะหล่ำปลี และผักอื่นๆ ตามฤดูกาล ซึ่งภาพยนตร์นำเสนออาหารแต่ละอย่างออกมาได้ดูสดสะอาดน่าลิ้มลองมากๆนอกจากนี้ เรายังได้เห็นบรรยากาศของผู้คนในชนบทที่อยู่กันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย แต่ก็มีระเบียบวินัยอย่างคนญี่ปุ่นแฝงอยู่ ภายในเรื่องเราจะเห็นแมวตัวหนึ่งที่แวบไปแวบมาอยู่ในบ้านของอิชิโกะ แต่เธอก็ไม่ได้เลี้ยงมันไว้จริงจัง ซึ่งก็เปรียบเหมือนชีวิตของอิชิโกะที่มีอิสระที่จะทำตามใจ แม้ว่าการหายตัวไปของแม่จะทำให้ชีวิตเธอว่างเปล่า แต่เธอก็ค้นพบหนทางใหม่เป็นของตัวเองผ่านการเรียนรู้ในแต่ละวันในป่าผืนเล็กแห่งนี้ภาพยนตร์เรื่อง Little Forest ฉบับญี่ปุ่นได้รับการตอบรับที่ดีในกลุ่มผู้ชมชาวไทย ด้วยประเด็นการหวนคืนสู่ธรรมชาติและการใช้ชีวิตอย่างออร์แกนิกกำลังกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ภาพยนตร์เรื่องนี้ทำให้คนมองเห็นคุณค่าในสิ่งธรรมดา และทำให้ใครหลายคนอยากกลับบ้านไปทำสวนขึ้นมาจริงๆ แต่อาจจะแตกต่างตรงที่เมืองไทยนั้นมีฤดูร้อนแสนโหดซึ่งทำให้โรแมนติกยากอยู่พอสมควร (แต่ถ้าใจเราโรแมนติกมากพอ แดดเมืองไทยก็ทำอะไรเราไม่ได้หรอก)สามปีหลังจาก Little Forest ฉบับญี่ปุ่นออกฉาย ทางเกาหลีใต้ก็ได้ซื้อลิขสิทธิ์เรื่องนี้มารีเมค โดยทำออกมาเพียงภาคเดียวเท่านั้น คือ Little Forest (리틀 포레스트 2018) จากโปสเตอร์ภาพยนตร์ฉบับเกาหลี จะเห็นได้ว่าหนังมีจุดเด่นที่การเล่าเรื่อง ความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อน และความสนุกสนานของชีวิตในต่างจังหวัด มากกว่าที่จะเน้นไปที่การใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวของตัวละครหลักซึ่งรับบทโดย คิมแทรี (Kim Tae-ri) อิชิโกะหรือ ฮเยวอน ในเวอร์ชั่นเกาหลี เป็นหญิงสาวที่มีความร่าเริง สดใส และเปิดเผยมากกว่าฉบับญี่ปุ่น ทำให้ผู้ชมยิ้มตามด้วยความ Feel good ได้ตลอดทั้งเรื่องLittle Forest ฉบับเกาหลีเริ่มต้นที่ฤดูหนาว ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูร้อน และจบที่ฤดูใบไม้ร่วง หนังเปิดมาที่ฮเยวอนกำลังเดินโซเซกลับบ้านด้วยแววตาเคว้งคว้าง เธอเหนื่อยจากการใช้ชีวิตในเมืองหลวง และต้องการหลบหนาวจากมรสุมของชีวิตเพียงชั่วคราวเท่านั้นเรายังได้ภาพของหญิงสาวที่ทำนา ปลูกผัก ประกอบอาหารด้วยตัวเองจากสิ่งรอบตัวตามฤดูกาลในแบบฉบับเกาหลี แต่เรื่องของฮเยวอนดำเนินอย่างกระชับมากขึ้น มีบทน่ารักกุ๊กกิ๊กระหว่างเธอกับชายหนุ่มเพื่อนเก่าที่ผันตัวมาเป็นเกษตรกรอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน ต่างจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่ชายหนุ่มในหมู่บ้านจะโผล่มานานๆ ทีและเป็นเพียงเพื่อนบ้านที่แสนดีเท่านั้น นอกจากนี้ ในเวอร์ชั่นเกาหลียังมีการปรับประเด็นปมการหายตัวของแม่ให้ดูมีเหตุผลมากขึ้น ในฉบับเกาหลีเราจะเห็นว่าฮเยวอนเลี้ยงสุนัขอยู่เป็นเพื่อน ซึ่งเปรียบเหมือนตัวฮเยวอนเองที่ดูร่าเริง เป็นมิตร และมีความสุขง่าย เสน่ห์ของ Little Forest ในแบบเกาหลีจึงค่อนข้างไปทาง Romantic Comedy ซึ่งมีสีสันแตกต่างจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นอยู่ไม่น้อยส่วนตัวผู้เขียนชอบภาพยนตร์เรื่อง Little Forest ทั้งสองฉบับ แต่อาจจะให้คะแนนฉบับญี่ปุ่นมากกว่าเล็กน้อย เพราะเสน่ห์ของการเล่าเรื่องแบบญี่ปุ่นนั้นมีรายละเอียดพิถีพิถันในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ทำให้เราอิ่มเอิบกับความงามของชีวิตและธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ในขณะที่ฉบับเกาหลีนั้นก็เล่าเรื่องได้สนุกและน่ารัก ซึ่งเราแอบคิดสนุกว่าถ้าหากมีการผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ในเวอร์ชั่นไทยขึ้นมา เรื่องราวของสาวบ้านนาคนนี้ก็คงมีรสชาติของชีวิตในแบบที่ต่างออกไปอย่างน้อยก็ต้องมีซีนกินต้มยำ ส้มตำ หมูกระทะ ... อื้มมม แค่คิดก็หิวขึ้นมาแล้วสิเครดิตภาพประกอบจาก Official Trailerภาพปก https://www.youtube.com/watch?v=Vhp1r060Pmk / https://www.youtube.com/watch?v=r4z1h0XDw80ภาพที่ 1 https://www.imdb.com/title/tt3474600/ภาพที่ 2 https://www.imdb.com/title/tt3474602/mediaviewer/rm2086134784ภาพที่ 3-6 https://www.youtube.com/watch?v=Vhp1r060Pmkภาพที่ 7 https://www.imdb.com/title/tt6083230/mediaviewer/rm1642026496ภาพที่ 8-10 https://www.youtube.com/watch?v=r4z1h0XDw80