ร่างทรง มีองค์ หรือแค่อำ แง่คิดจากซีรีส์ เพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอน ตอน ปู่โสม
ตอนที่ผ่านมา ซีรีส์ชวนหลอน เพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอน นำเสนอตอนปู่โสม เล่าถึงร่างทรงฤาษี ที่ถูกเรียกว่าปู่โสม นำความเชื่อต่างๆ มาหลอกให้คนงมงาย แท้จริงแล้วล้วนแต่เป็นการโกหก วันนี้เราจะมาเจาะขยายเพื่อความเข้าใจ ถึงคำว่าร่างทรง ความเชื่อที่ถูกสานต่อกันมาอย่างยาวนาน ถึงร่างทรงองค์เทพ ที่ลงมาช่วยมนุษย์ เพื่อให้ได้ให้มี หรือหายสงสัยในสิ่งที่กังวล ยังไม่มีการพิสูจน์อย่างเป็นทางการวิทยาศาสตร์ว่า ร่างทรง มีเรื่องจริงหรือแค่เรื่องที่มาหลอกให้มนุษย์อย่างเราคล้อยตาม
เวปไซค์ http://www.siamganesh.com/ ให้ข้อมูลกล่าวถึงว่า มีคนไทยนับล้านคนที่ถูกครอบงำ ชักจูง ล่อลวง ข่มขู่….จากบรรดาร่างทรง และตำหนักทรงต่างๆ ที่แอบอ้างสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อหาผลประโยชน์เข้าใส่ตนเอง ล่อลวงเอาทรัพย์ สมบัติ เงินสด บ้าน รถ ที่ดิน ทรัพย์สินเงินทองที่หามาทั้งชีวิต ไปเป็นของตน…แม้กระทั่ง..การลักพาตัว!!
ผู้ที่ถูกล่อลวงให้ไปนับถือร่างทรง หลายคนสิ้นเนื้อประดาตัว ผู้ที่เปิดโปงหรือต้องการถอนตัวหลายคนถูกข่มขู่ หลายคนถูกทำร้ายจนบาดเจ็บ และบางกรณีก็รุนแรงถึงชีวิต… มีคนเสียโอกาส เสียอนาคต เสียคนที่รัก จากการถูกชักจูงให้เข้าไปข้องเกี่ยวกับตำหนักทรง ที่มีอยู่เกลื่อนทั่วประเทศไทย
เวปไซค์นี้ยังให้ความรู้เกี่ยวกับว่า เทพ เทวดาทั้งหลาย ที่อยู่บนสวรรค์ชั้นต่างๆ ล้วนแล้วแต่รังเกียจร่างกายของมนุษย์ เพราะกายของมนุษย์นั้นหยาบ จิตของมนุษย์ก็ยิ่งหยาบกว่าหลายเท่า จึงไม่มีความจำเป็นต้องมาเข้าทรง เทวดานั้นอยู่บนสวรรค์ ท่านทั้งหลายจะไม่ลงมาเด็ดขาด ยิ่งถ้าเป็น พระพิฆเนศ พระพรหม พระศิวะ พระวิษณุ และพระแม่ที่เป็นมเหสีของมหาเทพทั้ง 3 นั้นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะไม่มีมนุษย์คนไหนมีบุญบารมีมากพอที่องค์ท่านจะมาประทับได้ (ในสมัยโบราณนั้นมีอยู่ แต่ปัจจุบันร่างทรงมหาเทพและมหาเทวีได้หมดไปจากโลกนี้แล้วโดยสิ้นเชิง)
สำหรับกรณีร่างทรงในวัดแขก สีลม ที่เป็นพราหมณ์จากอินเดียนั้น ขอให้ผู้อ่านเข้าใจไว้ว่า พระแม่อุมา พระแม่กาลี และพระขันธกุมาร องค์ท่านไม่ได้มา “เข้าทรง” ที่ร่างของพราหมณ์ผู้นั้น แต่เป็นการที่พราหมณ์ผู้นั้น ได้กำหนดจิตตั้งมั่นไปยังพระแม่อุมา จีงเกิดสมาธิ เกิดการระบำร่ายรำ เพื่อถวายพระแม่ และทำการโปรยผงธูปให้เป็นสิริมงคลแก่ผู้ที่มาเข้าเฝ้า พิธีกรรมทรงเจ้าแบบนี้ จะมีขึ้นเฉพาะชาวทมิฬ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอินเดียเท่านั้น มีการปฏิบัติ ถือศีล อดอาหาร ถูกต้องตามตำราโบราณ ซึ่งทีมงานของเราก็ให้ความเคารพและไม่ได้ต่อต้าน มีความแตกต่างจากร่างทรงคนไทย จึงขอให้แยกแยะให้ถูกด้วย
ข้อมูลดังกล่าว สำหรับคนที่มีความเชื่อ อาจจะบอกว่า มันเป็นการดูถูกหรือดูหมิ่น ความเชื่อของพวกเขามากเกินไป แต่ก็มีไม่น้อยที่เคยมีคดีทางกฎหมาย ที่เกี่ยวกับการหลอกลวงของร่างทรงเช่นกัน วันนี้เราจะยกตัวอย่างให้เห็นกัน
หนังสือพิมพ์ข่าวสด พาดหัว “จับร่างทรงสาว เปิดสำนักพิลึก ร่วมกับ”พระลาว” ตั้งตนเป็น”เจ้าปู่”
ตร.อุดรฯ บุกรวบพระลาวกับ สาวไทยเปิดบ้านตั้งตนเป็นคนทรงเจ้า “หลวงปู่หนองจอก” หลังได้รับการร้องเรียนสงสัยหลอกลวงต้มตุ๋น คุมตัวมาสอบ ฝ่ายหญิงอ้างศึกษาธรรมะ ดูดวงชะตา นั่งสมาธิจนเข้าทรงได้ กระทั่งไปเจอรู้จักกับพระลาว เลยชวนมาอยู่ที่บ้าน เปิดเป็นสำนัก คอยให้คำปรึกษาและจัดคิว ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงจะมาบนบานขอให้ได้ผัวฝรั่ง ไปทำงานต่างประเทศ คนที่สมหวังเลยจัดมหรสพมาแก้บนเกือบทุกคืน เบื้องต้นเอาผิดได้แค่ข้อหาให้ที่พักพิงต่างด้าว ส่วนคดีต้มตุ๋นต้องรอให้เจ้าทุกข์มาแจ้ง
เมื่อ ไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้าน 2 ชั้น ชั้นล่างเป็นคอนกรีต ชั้นบนเป็นไม้แบบเรือนไทยภาคอีสาน มีห้องพระ ตั้งโต๊ะหมู่บูชา จุดธูปเทียน ควันฟุ้งไปทั่วห้อง มีร่างทรงเป็นหญิงสาวสวมชุดขาวทำพิธีกรรมไหว้พระอยู่ในห้อง สอบถามทราบชื่อว่านางพิมล พิมพ์สกุล อายุ 48 ปี เป็นเจ้าของบ้าน และในห้องพระบริเวณชั้น 2 ด้านหลังสุดของตัวบ้าน มีพระภิกษุพักอาศัยอยู่ ตรวจสอบทราบชื่อว่า พระพุทธสอน ละครคำ อายุ 36 ปี เป็นพระลูกวัดจากวัดป่าหนองโมง ต.ด่านช้าง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา และยังพบหนังสือเดินทางของประเทศลาว ระบุชื่อ นายพุทธสอน ละครคำ อายุ 36 ปี อยู่บ้านหนองแต่ง เมืองสีโคตรตะบอง แขวงกำแพงนครเวียงจันทน์ ประเทศลาว
จาก การสอบสวนนางพิมลให้การว่า ก่อนหน้านี้แต่งงานอยู่กินกับนายสามารถ พิมพ์สกุล เป็นนายช่างอยู่องค์การโทรศัพท์อุดรธานี ประมาณ 7 ปีที่ผ่านมา ป่วยเป็นโรคเนื้องอกในมดลูก ได้รับการผ่าตัดแต่ไม่ทุเลา จึงตัดสินใจไปทำบุญตามวัดต่างๆ กระทั่งไปพบพระพุทธสอน ที่วัดโคกหัวโพธิ์ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เมื่อประมาณ 2 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากศึกษาธรรมะ ดูดวงชะตา นั่งสมาธิ เข้าทรงกับเจ้าปู่ได้ จึงชักชวนกันมาอยู่ที่บ้านพัก โดยให้เป็นที่ปรึกษาคอยจัดคิวผู้ที่ต้องการมาเข้าทรง อีกทั้งพระพุทธสอน มีความรู้เรื่องช่างไฟฟ้า และก่อสร้าง จึงมาควบคุมการต่อเติมบ้านให้ด้วย และอยู่ด้วยกันมาประมาณ 1 ปี ตนพักอยู่ชั้นล่างกับญาติๆ ส่วนสามีไปๆ มาๆ ที่บ้าน ส่วนพระอยู่ที่ชั้น 2 ในห้องพระ ใกล้กับห้องที่ใช้เป็นร่างทรง
นาง พิมล ให้การต่อว่า แต่ละวันจะมีชาวบ้านที่มาขอช่วยให้เป็นร่างทรงของหลวงปู่หนองจอก ที่สิงสถิตอยู่บริเวณท้ายหมู่บ้าน ใครมาบนบานขออะไรก็ได้ดั่งใจ เลยมีคนมาบนบานกันทุกวัน ส่วนมากแล้วจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางไปทำงานที่ต่างประเทศ เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปก็มีคนมาขอให้เป็นร่างทรง ขอหลวงปู่ให้ได้สามีเป็นชาวต่างประเทศ หลายคนได้สามีชาวต่างประเทศ มีฐานะดีขึ้น จะมาแก้บนด้วยการจ้างหมอลำ มาแสดงให้ชาวบ้านดูกันที่บริเวณใกล้ศาลหลวงปู่หนองจอก โดยเรียกเก็บค่าเข้าทรงเพียงครั้งละ 24 บาท จะมีดอกไม้ธูปเทียนบูชา
ด้าน พระพุทธสอน ให้การว่า เดิมบวชอยู่ที่ประเทศลาว ที่วัดบ้านหนองด้วง และเดินทางเข้ามาประเทศไทยเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา บวชที่วัดป่าประชาธรรมนิคม ต.ด่านช้าง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา แต่ไปจำพรรษาที่วัดป่าหนองโมง อยู่ใกล้ๆ กัน รู้จักกับนางพิมลมาประมาณ 2 ปี จึงชวนมาอยู่ด้วย โดยนางพิมลทำหน้าที่เป็นร่างทรงปู่หนองจอก
พ.ต.ท.ณัฐนนท์ เปิดเผยภายหลังการสอบสวนว่า ในเบื้องต้นแจ้งข้อหาให้ที่พักพิงคนต่างด้าว แก่นางพิมล ส่วนพระพุทธสอนแจ้งข้อหาเป็นคนต่างด้าวสัญชาติลาวพักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักร ไทย เกินกว่าเวลากำหนด ส่วนเรื่องบวชถูกต้องหรือไม่นั้น คงต้องตรวจสอบอีกที และเรื่องเข้าข่ายการหลอกลวงต้มตุ๋นหรือไม่นั้น จะต้องมีผู้เสียหายมาแจ้งความดำเนินคดี จึงจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายได้
เรื่องราวที่กล่าวข้างต้นนั้น เป็นเพียงการยกตัวอย่างให้เห็นถึงการหลงเชื่อโดยไม่ใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจ แต่ความเชื่อเหล่าก็ถือเป็นความเชื่อส่วนบุคคลที่ถูกปลูกฝังมารุ่นต่อรุ่นจนทำให้บางเรื่องกลายเป็นตำนาน แต่เมื่อวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ การหลงเชื่ออะไรไปหมดใจนั้น อาจนำมาถึงการสูญเสียทรัพย์ หรือร่างกายได้ คิดทบทวนก่อนจะเชื่ออะไรง่ายๆ
ขอบคุณเนื้อเรื่องจาก http://www.siamganesh.com/, หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ขอบคุณภาพประกอบจาก ซีรีส์ เพื่อนเฮี้ยนโรงเรียนหลอน ตอน ปู่โสม
ชมทีวีออนไลน์ช่อง GMM Channel แบบสดๆ ได้ที่นี่ |
ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety |