รีเซต

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ รู้สึกขอบคุณและมองเป็นเรื่องดี ที่ชวดออสการ์จากหนัง "Chaplin"

โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ รู้สึกขอบคุณและมองเป็นเรื่องดี ที่ชวดออสการ์จากหนัง "Chaplin"
แบไต๋
29 มกราคม 2567 ( 07:00 )
75

เชื่อว่าในอนาคตภายภาคหน้า เส้นทางชีวิตการแสดงของ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) น่าจะยังพุ่งขึ้นต่อไปแบบไม่มีอะไรมาทำให้สะดุดอีก เพราะแม้ว่าเขาจะวางมือจากการรับบทเป็น โทนี สตาร์ก (Tony Stark) หรือ ไอรอนแมน (Iron Man) ซูเปอร์ฮีโรของ MCU ที่ทำให้คนทั้งโลกรู้จักและกลับมายอมรับในตัวเขา ก่อนจะเริ่มมีผลงานในหนังเรื่องอื่น ๆ ที่ทำให้เขากลายมาเป็นนักแสดงนักแสดงมากประสบการณ์เบอร์ต้น ๆ ของฮอลลีวูด

ล่าสุด ในการรับบทเป็น ลูอิส สเตราส์ (Lewis Strauss) จากหนัง ‘Oppenheimer’ (2023) ก็เพิ่งได้รับรางวัลนักแสดงภาพยนตร์สมทบชายยอดเยี่ยม จากเวทีลูกโลกทองคำ และรางวัล Critics’ Choice Award จากสาขาเดียวกันมาหมาด ๆ และเป็นอีก 1 ตัวเก็งเข้าชิงรางวัลในสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมจากเวทีออสการ์ ที่กำลังจะประกาศผลในเดือนมีนาคมนี้อีกด้วย

ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้ไปร่วมให้สัมภาษณ์กับ วูปปี โกลด์เบิร์ก (Whoopi Goldberg) และผู้ดำเนินรายการคนอื่น ๆ ในรายการ ‘The View’ ของทางสถานทีโทรทัศน์ ABC เกี่ยวกับประเด็นต่าง ๆ ตั้งแต่การย้อนความทรงจำและความประทับใจของเขาและโกลด์เบิร์ก ที่เคยร่วมแสดงหนังตลก ‘Soapdish’ (1991) รวมทั้งการได้เข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งล่าสุด ที่นับเป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตของเขา

และย้อนไปถึงเรื่องราวเมื่อคราวที่ดาวนีย์ จูเนียร์มีโอกาสรับบทเป็น ชาร์ลี แชปปลิน (Charlie Chaplin) ดาวตลกในตำนาน จากหนัง Biopic ‘Chaplin’ (1992) ที่เขาทุ่มทุนฝีกฝนในการสวมวิญญาณเป็นนักแสดงตลก จนทำให้การแสดงของเขาเริ่มแจ้งเกิด จากการเลียนแบบท่าทางของแชปปลินที่เหมือนตัวจริงอย่างกับมาแสดงเอง และส่งให้ได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม รางวัลออสการ์เป็นครั้งแรก เมื่อตอนที่เขามีอายุครบ 27 ปี

แม้การชวดรางวัลออสการ์ของดาวนีย์ จูเนียร์ ในครั้งนั้นจะเป็นเรื่องที่น่าผิดหวัง และอาจจะถือเป็นสิ่งที่เจ็บปวดในฐานะนักแสดง แต่เขาเองก็ยังรู้สึกดี และรู้สึกขอบคุณจากการพลาดรางวัลออสการ์ตัวนั้นไป เพราะถ้าหากเขาได้รับรางวัลใหญ่ติดมือกลับบ้านตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เข้าชิง ชีวิตบนเส้นทางบันเทิงของเขาอาจไม่ได้เป็นแบบที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ก็เป็นได้

“ตอนนั้นผมยังเด็ก และยังบ้าคลั่งมาก (ถ้าเกิดได้รางวัลออสการ์ในตอนนั้น) มันคงทำให้ผมรู้สึกว่าผมมาถูกทางแล้ว”

หลังจากพลาดรางวัลให้กับ อัล ปาชิโน (Al Pacino) จากหนังเรื่อง ‘Scent of a Woman’ (1992) ดาวนีย์ จูเนียร์ ยังคงมีผลงานการแสดงอยู่เรื่อง ๆ แต่สุดท้าย ชีวิตในวัยย่างเข้าเลข 3 จะค่อย ๆ ถอยหลังตกเหวลึกจากพิษภัยของยาเสพติดจนเกือบขึ้นมาไม่ได้ ปี 1996 เป็นปีที่สื่อประโคมข่าวว่าเขาเริ่มเข้าไปพัวพันกับยาเสพติดหลายชนิด

ในปีนั้น เขาถูกจับกุมหลายครั้งในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ตั้งแต่โคเคน เฮโรอีน และกัญชา คดีที่โด่งดังที่สุดของเขาในตอนนั้นก็คือ เขาถูกจับกุมบนซันเซ็ตบูเลอร์วาร์ด ลอสแองเจลิส หลังจากเปลือยกายขับรถปอร์เช พร้อมทั้งพกพายาเสพติดและอาวุธปืน เขาถูกตัดสินให้ติดทัณฑ์บน 3 ปี ก่อนจะถูกสั่งจำคุกเพราะฝ่าฝืนข้อบังคับทัณฑ์บน เขายังคงถูกจับกุมอีกหลายครั้ง ก่อนจะได้รับการปล่อยตัว

ชีวิตที่ดำดิ่งลงเหวทำให้เขาแทบจะหมดอนาคต แต่สุดท้าย เขาเองก็ปินขึ้นจากหุบเหว เริ่มหันหลังให้ยาเสพติดอย่างถาวร ก่อนจะได้รับโอกาสจาก เมล กิบสัน (Mel Gibson) ที่วางตัวเองเป็นประกัน ให้เขาได้กลับมาเล่นหนังอินดี้ฟอร์มเล็ก ๆ ทั้ง ‘The Singing Detective’ (2003) และ ‘Kiss Kiss Bang Bang’ (2005) ค่อย ๆ กลับเข้ามาในวงของฮอลลีวูดทีละน้อย

จนกระทั่ง Marvel Studios ที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งเพื่อทำหนังของตัวเอง กำลังจะเริ่มต้นโปรเจกต์หนัง ‘Iron Man’ ซึ่งดาวนีย์ จูเนียร์ ก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งในบทบาทนี้ แม้คณะกรรมการของบริษัทจะมองว่าเป็นเรื่องเสี่ยง ที่จะมอบอนาคตและบทบาทนี้ให้กับนักแสดงที่เคยมีอดีตเป็นคนติดยาเสพติด แต่คนหนึ่งที่เชื่อมั่นในตัวเขาก็คือ เดวิด ไมเซล (David Maisel) อดีตประธานของ Marvel Studios ในเวลานั้นที่มองว่าเขาเหมาะสมกับบทบาทนี้ รวมทั้งตัวของ จอน ฟาฟโรว์ (Jon Favreau) ผู้กำกับ ที่มองว่าเขาเหมาะสมกับบทบาทนี้ จนในที่สุด ‘Iron Man’ (2008) ก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม และทำให้ Marvel Studios โด่งดังได้ในที่สุด

ดาวนีย์ จูเนียร์ ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ครั้งที่ 2 จากหนังตลกจิกกัดวงการฮอลลีวูด ล้อหนังสงคราม ‘Tropic Thunder’ (2008) ผลงานการกำกับ ร่วมเขียนบท และร่วมแสดงของ เบน สติลเลอร์ (Ben Stiller) ที่ส่งให้เขาได้เข้าชิงรางวัลนักแสดงสมทบชายเป็นครั้งแรก แต่สุดท้ายรางวัลนี้ก็ตกเป็นของ ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) ผู้ล่วงลับ หลังจากการแสดงเป็นโจ๊กเกอร์ใน ‘The Dark Knight’ (2008)

ไมเซล อดีตประธานของ Marvel Studios ก่อนจะส่งต่อให้กับ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ในยุคหลังจากการเข้าซื้อของ Disney เคยกล่าวถึงดาวนีย์ จูเนียร์ ในช่วงแรกที่เขาต้องต่อสู้เพื่อให้คณะกรรมการเชื่อมั่นว่า นักแสดงหนุ่มผู้มีอดีตคนนี้จะสามารถรับบทบาทเป็น โทนี สตาร์ก ได้อย่างยอดเยี่ยม และสร้างชื่อมาจนถึงทุกวันนี้ได้จริง ๆ

“คณะกรรมการของผมคิดว่า ผมคงบ้าไปแล้วที่จะมอบอนาคตของบริษัทให้ตกอยู่ในมือของคนติดยา แต่ผมเป็นคนบอกให้พวกเขาเข้าใจว่า เขา (ดาวนีย์ จูเนียร์) เก่งมากแค่ไหนสำหรับบทบาทนี้ เราทุกคนมั่นใจว่าเขาสะอาด และจะสะอาดไปตลอด”


ที่มา: Variety, Variety(2), Insider