[รีวิวซีรีส์] The Glory : บทแก้แค้นที่เลือดเย็น กรีดลึกถึงขั้วหัวใจ
ซีรีส์ปั่นประสาทป่วนจิตเรื่องใหม่ของเกาหลีมาแล้วจ้ะ และมาแบบกระชับฉับไวปั่นกันยิกตลอดทั้งเรื่องซะด้วยสิ ‘The Glory’ ซีรีส์เสียดสีกัดเจ็บ ที่โชว์บาดแผลร้าวลึกของ “เหยื่อ” ที่ถูกกระทำและไม่มีวันลืม ผ่านเรื่องราวของผู้หญิงคนหนึ่งที่ยอม “ทนอยู่” และทำทุกวิถีทางอย่างใจเย็น เพื่อบ่มเพาะประสบการณ์ผ่านวันเวลาจนสุกงอม ใช้ความแค้นเป็นพลังเพื่อต่อลมหายใจ ให้ถึงวันที่เธอได้แก้แค้นกลุ่มคนที่ทำร้ายเธอในวัยเด็กจนชีวิตของเธอต้องพังทลาย
The Glory : เล่าเรื่องราวของ ‘มุนดงอึน’ (ซงฮเยคโย) หญิงสาววัย 36 ที่ก่อนหน้านั้นมีความใฝ่ฝันอยากเป็นสถาปนิก แต่ต้องลาออกจากโรงเรียนก่อนที่จะจบมัธยมปลาย เพราะทนต่อความรุนแรงในโรงเรียนไม่ไหวอีกต่อไป ซึ่งกลุ่มคนเหล่านั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเธอเอง การถูกกลั่นแกล้งอย่างโหดเหี้ยมจาก ‘พัคยองจิน’ (อิมจียอน) เพื่อนสาวร่วมชั้นที่เป็นหัวโจกในเวลานั้นและเติบโตมาเป็นผู้ประกาศข่าว ได้สร้างบาดแผลทั้งกายและใจให้กับเธออย่างสาหัส
ไม่มีใครเลยสักคนที่จะอยู่ข้างเธอ พ่อ แม่ ครูหรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ มากกว่านั้นพัคยองจินยังมี ‘จอนแจจุน’ (พัคซองฮุน) เพื่อนนักเรียนชายจอมวายร้ายที่คิดว่าความร่ำรวยของครอบครัวจะทำให้เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ เป็นพรรคพวก รวมทั้งมีลูกสมุนที่ยอมทำตามคำสั่งของเธอทุกอย่าง แม้ว่ามันจะเลวร้ายสักแค่ไหนอย่าง ‘ชเวฮเยจอง’ (ชายองอู) แอร์โฮสเตสสาว ‘อีซารา’ (คิมฮีออรา) ศิลปินวาดภาพ และ ‘ซนมยองโอ’ (คิมกอนอู) ลูกกระจ๊อกของจอนแจจุน
เมื่อความฝันของพัคยองจินคือแต่งงานมีลูกตั้งแต่ยังสาวยังสวยกับผู้ชายโพรไฟล์เลิศสักคน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขบนกองเงินและกองโชคชะตา เธอจึงเฝ้ารอให้พัคยองจินเดินทางไปถึงความฝันนั้น คือแต่งงานและมีลูก เพื่อการแก้แค้นของเธอจะได้เริ่มต้นขึ้น และค่อย ๆ มอบความเจ็บปวด กระวนกระวายให้กับคู่กรณีของเธออย่างใจเย็น เพราะความฝันหนึ่งเดียวของเธอ คือความเจ็บปวดของผู้หญิงที่ชื่อพัคยองจิน
*คำเตือน รีวิวนี้เปิดเผยเนื้อหาบางส่วนแต่ไม่เป็นผลกับอรรถรสในการรับชม
18 ปี แค้นนี้ไม่มีคำว่าสาย
ความรุนแรงในโรงเรียนของวัยรุ่นเกาหลี มักถูกนำเสนอผ่านหนังและซีรีส์ให้เราได้เห็นมากมายหลายต่อหลายเรื่อง แม้แต่ในเรื่องนี้ก็เช่นกัน และสาวกเกาหลีน่าจะทราบดีว่าทางฝั่งเกาเขามีดราม่าทำนองนี้อยู่เนือง ๆ ยิ่งช่วง1-2 ปีที่ผ่านมาฝั่งบันเทิงเกาหลีก็มีดาวรุ่งที่กำลังพุ่งแรงโดนสอยร่วงกลางอากาศกันมาแล้ว เหตุเพราะมีผู้ออกมาเปิดเผยว่าเขาเคยเป็นหัวโจกคอยสร้างความรุนแรงต่าง ๆ ในโรงเรียนมาก่อน ซึ่งการแฉของเหยื่อความรุนแรงในครั้งนั้น ก็อาศัยจังหวะที่เขากำลังมีความสุขที่สุดแลัวพังมันลงมาให้ราบคาบ ไม่ต่างกับวิธีการของมุนดงอึน นางเอกในเรื่องนี้
แต่ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดนั่นก็คือ เราไม่เคยรู้เลยว่าเหยื่อจะรู้สึกเจ็บปวดขนาดไหน ไม่มีใครเคยรู้ว่าการรอคอยช่วงเวลาที่ดีที่สุดเพื่อการแก้แค้นนั้น เหยื่อแต่ละคนต้องผ่านอะไรมาบ้าง เพราะต่อให้ตั้งใจจินตนาการก็ไม่มีทางที่ใครจะนึกภาพออกได้เลย ถ้าไม่มีผู้เชี่ยวชาญมาถ่ายทอดความรู้สึกนั้นให้เราได้ชม ซึ่งคิมอึนซุก ผู้เขียนบทเรื่องนี้ได้บรรยายเอาไว้หมดแล้ว และถ่ายทอดออกมาด้วยผลงานกำกับของอันกิลโฮและการแสดงของซงฮเยคโย นางเอกเบอร์ต้นของเกาหลีที่ถ่ายทอดออกมาได้ถึงอารมณ์จนผู้ชมสามารถคล้อยตามความรู้สึกของตัวละครได้ทุกอิริยาบถ
คิมอึนซุก นางเอกของเรื่องเป็นหนึ่งในเหยือที่ถูกทารุณกรรม และเธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะไม่ฆ่าตัวตายแบบเหยื่อคนอื่น ๆ แต่ทุกเวลานาทีเธอจะใช้มันเพื่อไปให้ถึงวันหนึ่งที่เธอได้แก้แค้นคนที่ทำกับเธออย่างสาสมใจ ซีรีส์เล่าตั้งแต่ความรุนแรงที่เธอได้รับอย่างเวอร์วัง ว่าโอ้โหนี่เด็กมัธยมเขาทำกันขนาดนี้เลยเหรอ แล้วครูยังจะเมินเฉยต่อเรื่องแบบนี้ได้ยังไง บ้าน่า ชีวิตจริงไม่มีทางทำกันขนาดนี้หรอก ถ้าคุณกำลังคิดว่าบทเขียนอะไรออกมาได้เกินจริงไปมาก อะไรจะเวอร์ขนาดนี้ เราก็มีความทรงจำเก่า ๆ จากหน้าข่าวระดับชาติของเกาหลีมาย้ำเตือนว่า เรื่องราวทำนองนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้ว
เป็นข่าวสะเทือนขวัญเมื่อความรุนแรงเหล่านั้นถูกเปิดเผย ตั้งแต่การถูกล้อเลียน กลั่นแกล้งเบา ๆ ไปจนถึงทำร้ายร่างกายให้บาดเจ็บ ชนิดที่ระดับความรุนแรงไม่ได้ด้อยไปกว่าที่มุนดงอึนนางเอกของเรื่องถูกกระทำเอาซะเลย มีเหยื่อหลายรายต้องพ่ายแพ้ไปและเลือกจบชีวิตตัวเอง แต่ก็มีเหยื่ออีกหลายรายที่ทนอยู่กับความปวดร้าวนั้นและรอวันเอาคืนแบบมุนดงอึน
หากคิดจะแก้แค้น ต้องห้ามมีความสุข
ซึ่งซีรีส์ได้จัดให้มุนดงอึนเป็นผู้หญิงที่จำเป็นต้องเหยียบความสุขเอาไว้ให้มิด แม้แต่รอยยิ้มก็อย่าให้เสนอหน้าออกมาได้ เพราะเธอกลัวว่าความสุขเล็ก ๆ ที่มนุษย์พึงมีเหล่านั้นจะมาทำให้เธอลืมเป้าหมาย “ฉันอยากซื่อสัตย์กับความแค้น” เธอว่าอย่างนี้ โอ้โห เจอช็อตนี้เข้าไปก็ทำให้อยากสื่อสารภาษาเกาหลีได้แล้วส่งอีเมลไปหาคนเขียนบทว่าคิดแบบนี้ได้ยังไง ทำไมช่างคิดได้ว่าจริง ๆ แล้วมุนดงอึนก็คือผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ธรรมดา ๆ คนหนึ่งนี่แหละ ที่ปกติก็มีอารมณ์ขัน รู้จักยิ้ม รู้จักหัวเราะ แต่ความรุนแรงที่เธอได้รับและโลกที่เอาแต่บอกกับเธอว่า ต้องช่วยตัวเองเท่านั้นนะเธอถึงจะรอด ต้องพึ่งตัวเองเท่านั้นนะเธอถึงจะทำสำเร็จ
เธอทุกข์และตัดพ้อกับพระเจ้าว่าทำไมไม่เคยช่วยเธอ เธอจึงบังคับตัวเองให้เป็นคนเย็นชาอยู่ตลอดเวลา ไร้ความรู้สึกทั้ง ๆ ที่รู้สึก ไร้รอยยิ้มทั้ง ๆ ที่อยากยิ้ม ไร้เสียงหัวเราะทั้ง ๆ ที่อยากเปล่งเสียงใจจะขาด ความสามารถที่เธอมีถูกใช้ไปกับการเก็บเกี่ยวประสบการณ์เพื่อการแก้แค้น ไม่ว่าจะเป็นการถีบตัวเองเพื่อให้ไปยืนอยู่ในจุดที่สามารถแก้แค้นได้ เธอวางแผนไว้ทุกขั้นตอนอย่างใจเย็น รอบคอบและหมกมุ่นกับมันอย่างเต็มที่ จนเราสามารถคิดได้อีกอย่างหนึ่งว่า ถ้าผู้หญิงคนนี้ไม่มีความขมขื่นที่ฝังลึก อนาคตของเธอคงสดใสไม่แพ้ใครในโลก
เธอศึกษาทุกศาสตร์ที่จะเอื้ออำนวยให้เธอเดินตามแผนของเธอได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดหรือต้องหาใครมาเป็นผู้ช่วยให้เธอไปถึงความสำเร็จ บทเขียนออกมาอย่างชัดเจนเลยว่าเธอฉลาด มีไหวพริบ สุขุมและมีความร่าเริงที่ตั้งใจซ่อนมันเอาไว้ และเปิดเผยให้เราเห็นจนมีอารมณ์ร่วมไปกับตัวละคร มาถึงจุดนี้ผู้เขียนก็แอบคิดไปว่า หรือคนเขียนบทแกจะเคยถูกกลั่นแกล้งในโรงเรียนมาก่อน ไม่ก็ต้องถอดจิตไปเป็นนางเอกและต้องอยู่กับอารมณ์เก็บกดนี้นานเท่านานกว่าจะเขียนบทเรื่องนี้จนจบ
ป้าข้างบ้านคือสายสืบที่ดีที่สุด
ซีรีส์เปิดเผยถึงความแยบยลของคนเขียนบทเข้าไปอีกขั้น ด้วยการส่งป้าแม่บ้านที่โดนกระทำทารุนจากสามีมาเป็นผู้ช่วยมือขวาของนางเอก จุดนี้ต้องบอกว่าเป็นการเขียนบทที่เข้าใจธรรมชาติของป้าข้างบ้านซะจริง ๆ สมเหตุสมผลที่สุดชนิดที่ใครก็คงนึกไม่ถึง ว่าป้าเฉิ่ม ๆ คนนึงจะเป็นสายสืบที่ซอกซอนได้ละเอียดยิบย่อยขนาดนี้ ก็ดูเอาเถอะค่ะ เรื่องบางเรื่องในชีวิตเราแม้แต่ตัวเราเองยังไม่รู้ ไม่ทันสังเกต แต่ป้าข้างบ้านก็มักจะรู้ดีกว่าเราเสมอ รู้ดีกว่าแม่เราอีก ว่าไหมล่ะ
เรื่องนี้ ‘ยอมฮเยรัน’ รับบทเป็น ‘คัมฮยองนัม’ ป้าแม่บ้านซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อการใช้ความรุนแรงในครอบครัว เข้ามารับหน้าที่ในการเป็นผู้ช่วยสืบเรื่องราวต่าง ๆ ที่มุนดงอึนต้องการแลกกับการที่เธอจะช่วยกำจัดสามีตัวร้ายออกไปจากชีวิตให้ ต่างคนต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยกันและมันเป็นความแยบคายที่ใครก็ไม่มีทางนึกถึง อย่าดูถูกการสืบข่าวของผู้หญิงนะคะ เพราะพวกเธอช่างละเอียดอ่อน โดยเฉพาะผู้หญิงที่โดนกระทำให้ต้องลุกขึ้นสู้ น่ากลัวมากบอกเอาไว้ตรงนี้เลย
แต่บทก็ยังมีความสมจริงและเขียนให้ตัวละครต่าง ๆ มีมิติได้อย่างน่าเชื่อถือ โดยการเขียนให้นางเอกไม่ได้เป็นคนเข้มแข็งอะไรนักหรอก เธอกลัวเป็น วิตกเป็นและหวาดผวาอยู่ตลอด แต่ต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งเพื่อเอาตัวรอด บททำให้เราเห็นว่าเธอคือผู้หญิงอ่อนแอคนหนึ่งที่จำยอมต้องลุกขึ้นสู้เพราะไม่มีใครอยู่ข้างเธอ จุดนี้ทำให้ซีรีส์มีมิติและน่าเชื่อถือ ว่าทุก ๆ อย่างที่นางเอกทำสามารถเกิดขึ้นได้ถ้ามีความบอบช้ำและแรงปราถนาเท่ากันกับเธอ
เพชฌฆาตเท่านั้นที่เธอต้องการ
เมื่อซงฮเยคโย ประกบคู่กับ อีโดฮยอน ข้าพเจ้าก็คาดหวังฉากหวาน ๆ กับเขาสักนิด แต่ไม่มีซะหรอก เพราะบทเข้าพระเข้านางของคู่นี้กลับเป็นความกุ๊กกิ๊กที่แสนประหลาด เรื่องนี้ ‘อีโดฮยอน’ รับบทเป็น ‘จูยอจอง’ ศัลยแพทย์หนุ่มที่เติบโตมาในครอบครัวหมอ หล่อ รวย ใจดี มีอารมณ์ขัน การพบกันครั้งแรกของพระนางก็ช่างสุดแสนโรแมนติก เพราะฝ่ายชายสะบักสะบอม ส่วนฝ่ายหญิงหมดสติ ให้มันได้อย่างนี้
สองคนมีความรู้สึกดี ๆ ให้แก่กัน แต่อย่างที่บอกแหละค่ะว่านางเอกของเราเธอกดความสุขเอาไว้ไม่ยอมให้โผล่หัวออกมาง่าย ๆ ส่วนฝ่ายชายก็ตามห่วงตามซัพพอร์ตจนฝ่ายหญิงต้องเอ่ยประโยคหวาน ๆ ออกมาว่า “ฉันไม่ต้องการเจ้าชาย สิ่งที่ฉันต้องการคือเพชฌฆาต ที่จะรำดาบไปพร้อมกับฉัน” ว้าย…หวานไปนะ เธอพูดออกมาด้วยหน้านิ่ง ๆ และฝ่ายชายก็มองตาปิ๊ง ๆ ด้วยใบหน้าที่นิ่งไม่ต่างกัน บอกเลยว่าคู่นี้เคมีดีเวอร์ และบทก็แอบซ่อนความน่าสงสารของทั้งคู่เอาไว้ลึก ๆ
ชนิดที่สอดแทรกเอาไว้ตั้งแต่ต้นเรื่อง แล้วค่อย ๆ เผยมาทีละอย่าง เป็นการวางของสำคัญไว้เป็นเบี้ยบ้ายรายทาง แล้วรวบตึงกระตุกวืดให้เราเซอร์ไพรซ์เล็ก ๆ ด้วยการดำเนินเรื่องที่ทำให้เราตามติดไปในทุก ๆ ฉาก รวมถึงความรู้สึกของพระนางที่ก็จะเพิ่มดีกรีความพึงพอใจ เห็นใจ เข้าใจและเข้ากันดีขึ้นเรื่อย ๆ จนพระเอกพูดออกมาได้เต็มปากว่า “ผมจะทำ ผมจะเป็นเพชฌฆาตและรับดาบให้” ค่ะ ถ้าป้าแม่บ้านเป็นมือขวา พระเอกของเราก็อยู่เหนือมือขวาขึ้นไปอีก
ใครคือเจ้าของรองเท้าเขียวคู่นั้น
8 ตอนที่ผ่านในซีซัน 1 มายังไม่มีจุดไหนเป็นจุดพีคนะคะ แต่ทุกจุดเป็นจุดที่ละสายตาไม่ได้ เพราะทุกฉากทุกตอน มีความนัยที่จะส่งไปถึงฉากอื่น ๆ ในตอนต่อไป และที่แน่ ๆ ตอนนี้นางเอกของเรามีทีมงานพร้อมรบและได้เปิดฉากปั่นประสาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภายในเนื้อเรื่องจะมีฉากยิบ ๆ ย่อย ๆ ที่อาจเป็นชนวนแต่ไม่ทันสังเกตอยู่มากมาย แต่จะมีของสิ่งหนึ่งที่แอบโดดเด่น และกลายเป็นปริศนาที่จะส่งไปถึงซีซัน 2 นั่นคือรองเท้าส้นสูงสีเขียวคู่หนึ่ง
ฉากหนึ่งของเรื่อง ‘ฮาโดยอง’ (จองซองอิล) สามีของพัคยอนจิน มอบรองเท้าคู่หนึ่งให้เป็นของขวัญกับภรรยาและบรรจงสวมมันให้กับเธอ มันเป็นรองเท้าส้นสูงสีเขียวประดับเพชร สวยร้องว้าวเลยค่ะรองเท้าคู่นี้ แต่ไอ้เจ้ารองเท้าคู่นี้นี่แหละที่ดันไปเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์หนึ่งที่เกี่ยวกับการหายตัวไปของคนคนหนึ่งและยังคงเป็นปริศนา เพราะเจ้าของรองเท้าแบบเดียวสีเดียวกันนี้ไม่ได้มีแต่พัคยองจินเท่านั้น
ผู้หญิงที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความรุนแรงในอดีต ล้วนครอบครองรองเท้าสีเขียว คือมันสวยอยู่แบบเดียวรึยังไง ถึงได้ซื้อมาใส่กันแบบไม่ได้นัดหมาย แถมมันยังน่าสนใจขนาดที่อีซาราเอาไปวาดรูปอีกด้วย เรื่องราวในซีซันแรกก็ทิ้งท้ายเอาไว้แบบนี้ละค่ะ ทั้งความลับบางอย่างที่กำลังจะถูกเปิดเผย ทั้งปริศนารองเท้าเขียว ทั้งปมน่าสะพรึงของพระเอก ทั้งการแก้แค้นที่นางเอกเริ่มต้นไปแล้วอย่างโหดเหี้ยม งานนี้เจ็บจริงตายจริงไม่มีตายทิพย์ และกำลังจะดุเดือดขึ้นแน่ ๆ ในซีซัน 2 ที่จะมาในเดือนมีนาคม 2023 นี้