บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 3
คุ้มนางครวญตอน 3
บทประพันธ์ดัดแปลงจากบทประพันธ์ เรื่อง คุ้มนางครวญ ของ สรรัตน์ จิรบวรสุทธิ์
บทโทรทัศน์วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
รถแล่นเข้ามาในบ้าน ประตูรั้วไฟฟ้าปิดลง พิมพ์เดือนในชุดนักศึกษาลงมาจากรถ ขนถุงซุปเปอร์มาร์เกตพวกของกินลงมา ใบเฟิร์นมาช่วยขนของเข้าบ้าน พิมพ์เดือนถือกุญแจรถเข้ามา เห็นพิมพ์ดาวในชุดอยู่กับบ้าน นั่งหน้าบึ้งอยู่หน้าโน้ตบุค พิมพ์เดือนเดินมาหา
“เอารถมาคืนแล้วค่ะ พี่พิมพ์ยังไม่แต่งตัวหรือคะ”
พิมพ์ดาวดูนาฬิกา “เดี๋ยวก็ได้”
“แล้วนี่ดูอะไรอยู่คะ”
“ไม่มีอะไร”
พิมพ์เดือนรีบมาชะโงกดู พิมพ์ดาวจะปิด แต่ไม่ทัน พิมพ์เดือนตาโต กระทู้โหวต พิมพ์ดาว ตรีภพ เหมาะสมกันหรือไม่ มีแท่งกราฟของคนมาลงคะแนน เหมาะสม 51 ไม่เหมาะสม 49 พิมพ์เดือนหัวเราะ รีบลงนั่งเบียด
“อุ๊ย มีคนเชียร์ตั้งเกินครึ่งแน่ะค่ะ”
ใบเฟิร์นถือจานของว่างที่เพิ่งแกะจากถุงช็อปปิ้งมาวาง
“หรือคะ เมื่อเช้ามีคนแอนซะตี้ตั้งเก้าสิบเปอร์เซ็นต์”
สองพี่น้องมองดูใบเฟิร์น ใบเฟิร์นนั่งปุบลง ชะเง้อดูจอด้วย
“แล้วพี่พิมพ์รมณ์เสียเรื่องอะไรคะ หรือว่าห้าสิบเอ็ดเปอร์เซ็นต์มันน้อยไป โอ๊ย”
พิมพ์ดาวเอานิ้วคีบต้นแขนน้องสาวแล้วหยิก “ก็อ่านที่แฟนคลับนายตรีมันด่าพี่ซี”
“แหม ก็อ่านที่เขาเชียร์บ้างซีคะ นี่ไงคะ เราเชียร์ ทั้งหล่อทั้งสวย นิสัยดีทั้งคู่”
“เฮอะ นายนั่นน่ะหรือนิสัยดี”
“อย่าทำหน้าเป็นนางร้ายแบบนั้นซีคะ”
พิมพ์ดาวค้อนน้องสาว พิมพ์เดือนหัวเราะ ดึงพี่สาวมากินของว่าง
“แล้วงานอีเวนท์คืนนี้ พี่พิมพ์ต้องไปลงอ่างอีกหรือเปล่าคะ”
ใบเฟิร์นหัวเราะคิกคัก
“ไม่ต้อง เขาให้ไปร่วมงานเฉยๆ ไปเดินๆยิ้มๆ แล้วก็รับเช็ค”
“ไม่มีทางไปเดินๆยิ้มๆหรอกค่ะ พี่พิมพ์ต้องโดนนักข่าวรุมสัมภาษณ์แน่ๆ”
ใบเฟิร์นตาเบิกกว้าง “ไม่ได้นะคะ คุณพิมพ์ดาว ถ้ามีสัมภาษณ์ด้วยต้องอีกราคานึงนะคะ”
พิมพ์ดาวกับพิมพ์เดือน มองดูสาวใช้ไฮเทค
“ต๊าย แม่คุณ รู้ไปหมด นี่มาเป็นผู้จัดการให้ฉันดีไหม”
“ดีค่ะ”
“นี่ ฉันประชดย่ะ”
ใบเฟิร์นค้อนขวับ
ฐาปกรณ์และตรีภพนั่งอยู่บนโซฟา ตรีภพแต่งตัวผูกโบว์ไทอย่างออกงานราตรี แต่ไม่ใส่สูท
“ยังไง ไปแก้ข่าวหรือ”
“คงงั้นแหละครับ จะได้ไม่ยืดเยื้อ”
“แล้วนี่ได้คุยกับเขาหรือยัง”
“ยังเลยครับ”
ประตูเปิดออก มาดามสุแต่งหน้าแต่งผมอลังการ แต่สวมเสื้อคลุมอาบน้ำตัวสั้น ถือชุดราตรีพาดแขนมา ตรีภพกับฐาปกรณ์ชะงัก
“ว้าย น้องตรีจะไปงานเปิดตัวแป้งฝังเพชรใช่ไหมคะ”
“ฮะ”
“ว้าย ดีค่ะ เดี๋ยวพี่ขอติดรถไปด้วยคน”
ตรีภพกลืนน้ำลาย ไม่ยอมรับปาก
“นี่ คุณจะไปทำไม” ฐาปกรณ์ถาม
สุชาดามานั่งโครมบนโซฟาตรงข้ามตรีภพ เสื้อหลุมแหวก ตรีภพเมินหน้า
“ก็นังบีบีน่ะซีคะ มันจะเปิดตัวเด็กสร้างของมันในงานนี้ เป็นพรีเซนเตอร์งานนี้ด้วย”
“อ๋อ นางเอกใหม่ใช่ไหม”
“ค่ะ เห็นว่านังบีบีเอาไปไหว้นายมา นายปลื้มมาก บอกให้ลงละครได้เลย”
“เอาอีกแล้ว สวยเข้าตาผู้ใหญ่ แต่เล่นได้หรือเปล่าก็ไม่รู้”
“อุ๊ย อย่าเรื่องมากเลย เขาสั่งมาก็ทำไป เรื่องแรกเล่นไม่ดี พอเรื่องสี่เรื่องห้าก็ดีเองแหละ”
ตรีภพทำคอย่น มาดามสุมองดูรีบโบกมือ
“ว้าย นี่พี่ไม่ได้ว่าน้องตรีนะคะ เพราะของน้องตรีน่ะ พอเรื่องที่สองก็ไม่เป็นหุ่นยนต์แล้ว”
ตรีภพยิ้มแห้งๆ มาดามสุลุกพรวดขึ้น “ว้าย มัวแต่พูดมาก พี่ไปนุ่งผ้าก่อนนะคะ”
สุชาดาหอบชุดเดินเข้าห้องน้ำไป พนักงานหญิงเปิดประตูเข้ามา ถือบทมาปึกหนึ่ง “บทได้แล้วค่ะ”
ฐาปกรณ์รับมาพลิกๆดู แล้วลุกขึ้นมาที่โต๊ะทำงาน ตรีภพลุกตาม
“บทไอ้แก้วหรือครับ”
“อือม์ สามวัน สิบสองตอน ไม่น่าเชื่อเลยว่าไอ้แก้วจะทำได้”
“พี่อ่านแล้วเป็นยังไงบ้างครับ”
“ก็ดีนะ นี่ก็ส่งเข้าไปให้ช่องแล้ว คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร”
ฐาปกรณ์เอาบททั้งปึกใส่ซองสีน้ำตาล แล้วส่งให้ตรีภพ “นายเอาไปอ่านดู”
“ได้ฮะ ผมจะอ่านดูคืนนี้เลย.. อ้อ ผมไปก่อนนะพี่”
ตรีภพยกมือไหว้ลา ฐาปกรณ์พยักหน้าหงึกๆ ตรีภพออกไป ฐาปกรณ์นั่งลงอ่านบทไปคิดภาพตามไปด้วย
เหมือนตกอยู่ในภวังค์ ทันใดไฟบนเพดานก็หรี่ จอคอมพิวเตอร์ภาพไหวแล้วดับวูบลง บรรยากาศดูมืดสลัว ฐาปกรณ์ลุกขึ้นยืน ถอยมา มีร่างๆหนึ่งยืนเป็นเงาดำข้างหลัง ฐาปกรณ์ค่อยๆหันมา เห็นร่างทะมึนก็ร้องสุดเสียง ไฟในห้องสว่างขึ้น เห็นว่าร่างนั้นคือมาดามสุ ในชุดราตรีเปิดเปลือยที่ตกใจไปด้วย
“ว้าย อะไร เป็นบ้าเหรอ แหกปากร้องออกมาทำไม”
“เฮ้ย แต่งขนาดนี้เลยหรือ นี่ไปในฐานะผู้จัดหรือแม่เล้า”
“ฉันแค่แต่งให้เป็นสีสันของงาน เอ๊ะ แล้วนี่น้องตรี”
“ไปแล้ว”
มาดามสุอารมณ์เสียอย่างรุนแรง “ทำไมน้องตรีไม่รอฉัน แล้วคุณปล่อยให้ไปได้ยังไง ต๊าย เจ็บใจ ฮือ
ไม่อยากปงอยากไปมันแล้ว”
สุชาดาฟาดงวงฟาดงา ฐาปกรณ์มองดูเมียตาปริบๆ
“อ้าว แล้วว่าจะไปดูนางเอกใหม่ให้บีบีมันไงล่ะ”
“ช่างอีบีบี ช่างอีนางเอกด้วย”
————————————————————————-
บนเวทีอีเว้นท์เปิดตัวแป้งตลับเพชร ทำเป็นขั้นบันไดปูพรม บนบันไดขั้นสูงสุด มีร่างในชุดราตรีรัดรูปหางยาวเปลือยหลัง กำลังเต้นเยื้องกรายลงบันไดมา ชุดราตรีเกาะอกโชว์ทรวดทรง อกอวบ เอวคอด สะโพกผาย ทำให้ดูขัดกับหน้าที่ไร้เดียงสา ที่ขั้นบันไดมีแดนเซอร์ชาย 6 คน ยืนถือเครื่องเพชรเป็นสร้อยคอ เทียร่า กำไล โช้กเกอร์ ฯลฯ ยื่นมาให้ แต่สาวสวยทำท่าปฏิเสธผลักมือไป เต้นลงบันไดมา ดวงตาแป๋วมองลงมาในหมู่คนในงานด้านล่าง เห็นตรีภพถือแก้วเครื่องดื่มอยู่วงนอก กำลังเดินสอดส่ายสายตามองหาคน สาวสวยบนเวทีมองตรีภพอย่างสนใจ
ที่ข้างเสาใหญ่ พิมพ์ดาวในชุดราตรียืนคุยอยู่กับน้องแพท
“ต๊าย นี่เลียนแบบเอ็มวี มาดอนน่านี่คะ แพทจำได้”
“แหม อย่าทำเป็นรู้จักซีจ๊ะ แพท มันฟ้องอายุ”
“อุ๊ย ใช่ค่ะ ที่จริงหนูรู้จักแต่ เลดี้ กาก้า”
อีกด้านของเสา ตรีภพแอบฟังการสนทนาอยู่
“แต่ความจริง พี่ว่าเจ๊เบิร์ดไม่ได้ลอกมาดอนน่าหรอกค่ะ พี่ว่า เจ๊แกตั้งใจทำให้เป็น มาริลิน มอนโร มากกว่า”
แพททำตาปริบๆ เพราะไม่ใช่รุ่นแม่ แต่เป็นรุ่นยาย “หรือคะ”
“เอ็มวี ป้ามาดอนน่าก็เอามาจากฉากมิวสิคอล ของมาริลินอีกที”
ตรีภพฟังอย่างทึ่งนิดหน่อย
“แล้วพี่พิมพ์รู้ได้ยังไงคะ ว่าเจ๊แกตั้งใจเลียนแบบมาริลิน”
“ก็ดูจากชื่อน้องนางเอกใหม่นี่น่ะซีคะ”
บนเวที สาวสวยรับตลับแป้งฝังเพชรมาจากหนุ่มหล่อ ถือตลับแป้งโชว์แล้วฟรีซ
“ท่านผู้มีเกียรติครับ นี่คือ นางเอกคนล่าสุดของฟ้าเมืองไทย ลินซี่ มาสาริน เบลโลว์”
มาสารินยิ้มตาแป๋วไร้เดียงสา พิมพ์ดาวกับแพทปรบมือ พิมพ์ดาวถือแก้วเครื่องดื่มหันมาเจอตรีภพในระยะประชิด เครื่องดื่มกระฉอกใส่ ตรีภพสปริงตัวถอยหลังหลบน้ำไปได้อย่างหวุดหวิด พิมพ์ดาวตกใจจะขอโทษ แต่ตรีภพทำตาขวาง พิมพ์ดาวเลยเชิดใส่
“นี่ใจคอคุณจะเทน้ำรดหัวผมทุกครั้งที่เจอกันหรือ”
“คงไม่ทุกครั้งหรอกค่ะ”
แพทยิ้ม ยกมือไหว้ตรีภพ ตรีภพยิ้มให้แพท แล้วทำหน้าบึ้งใส่พิมพ์ดาวต่อ
“นี่คุณมาแอบทำไมอยู่ตรงนี้”
“ทำไมต้องแอบ ฉันไม่ได้แอบใครซักหน่อย”
“พวกพี่ๆนักข่าวเขาตามหาคุณกันอยู่”
“คืนนี้มันคืนของน้องนางเอกใหม่ต่างหาก ฉันไม่เกี่ยวซักหน่อย”
ตรีภพคว้าข้อมือพิมพ์ดาว พิมพ์ดาวตกใจ ไม่ทันสะบัดออก
“นี่ มาทางนี้กับผมก่อน” ตรีภพเดินลากพิมพ์ดาวเซหลุนๆ ตามไป แพทมองตามอย่างชอบใจ
“ต๊าย คู่นี้คบกันจริงๆด้วย”
————————————————————————-
ที่ซุ้มดอกไม้นอกงาน มีจุดหนึ่งค่อนข้างลับตาคน ตรีภพดึงพิมพ์ดาวมา พิมพ์ดาวสะบัดมือออก ตาขุ่น
“มีเรื่องอะไรก็พูดมา”
“ก็เรื่องข่าวของคุณกับผมไง มันยังไงกันแน่ คุณเป็นคนให้ข่าวหรือ”
พิมพ์ดาวเกือบเต้น “บ้า คุณก็เห็นอยู่ว่าเจ๊เบิร์ดเป็นคนพูด”
“นั่นแหละ คุณรู้เห็นอะไรกันกับป้าแกหรือเปล่า”
“นี่ พูดดีๆนะ ฉันจะไปสร้างข่าวแบบนั้นทำไม ฉันเป็นคนเสียหายนะ”
“คุณจะไปเสียหายอะไร ผมต่างหากที่เป็นคนเสียหาย”
พอถึงตอนนี้ ตรีภพเริ่มสนุกกับการยั่ว
“เสียหาย คุณเป็นผู้ชาย ข่าวแบบนี้คุณไม่เสียหายอยู่แล้ว”
“อ้าว ผมเป็นพระเอกนะคุณ แฟนคลับผมหวงผมจะตาย มาเป็นข่าวกับคุณ ผมราคาตกหมด”
“พูดออกมาได้ ทุเรศ”
“อ้าว ไม่จริงเหรอ คุณว่าคุณเสียหาย ผมไม่เห็นว่าคุณจะเสียหายอะไรซักนิด”
“คุณ!”
“หรือว่ากลัวแฟนคุณเข้าใจผิด”
“ฉันไม่มีแฟนย่ะ”
“นั่นไง สรุปคุณไม่เสียหายอะไรเลย มีแต่ได้ประโยชน์กับข่าวนี้” ตรีภพกลั้นยิ้มพูดหน้าตาเฉย
“ได้ประโยชน์อะไร”
“อ้าว ก็มีข่าวกับพระเอกชื่อดัง ตอนนี้คุณก็ดังกว่าเดิมไม่ใช่หรือ”
“คนอย่างฉัน ไม่ต้องเกาะใครดัง ฉันดังด้วยตัวฉันเองได้”
ตรีภพมองดูแล้วพยักหน้าหงึกๆ “เอาเหอะ เอาเหอะ แต่ว่าเดี๋ยวเราจะตอบนักข่าวว่ายังไง เราเตี๊ยมกันให้ดีก่อน จะได้ตอบให้ตรงกัน”
พิมพ์ดาวค่อยเย็นลง “ก็ปฏิเสธไปซี ว่าเจ๊เบิร์ดแกมั่วข่าวขึ้นมาเอง”
“เจ๊เบิร์ดก็เล่นเราสองคนตายน่ะซี เอาอย่างนี้ เราสองคนรู้จักกันมาพักนึงแล้ว แต่ไม่มีอะไร
เป็นพี่เป็นน้องกัน”
“ตอนนี้เราก็ยังเด็ก งานก็ยุ่งมาก อยากจะโฟกัสกับงานก่อน” พิมพ์ดาวพูดต่อ
ตรีภพแอบขัน “อ้อ เป็นงานเหมือนกันนี่”
งานอีเวนท์จบลง ในห้องแต่งตัวมีการเปลี่ยนเสื้อผ้า คืนเสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้า กันวุ่นวาย ที่หน้ากระจก มาสารินเปลี่ยนชุดเป็นชุดเกาะอกบางเบากรุยกราย นั่งอยู่กับบีบีที่หน้างอหงิกอยู่ มาสารินพูดอ่อนหวาน
“พี่บีบีว่า งานเป็นยังไงบ้างคะ”
“งั้นๆแหละ โซ โซ”
พี่เบิร์ดเดินเข้ามาพอดีกับช่างหน้า ช่างผม ได้ยินเข้าก็ชะงักกึก
“แต่ลินซี่ว่าก็ดูดีนี่คะ”
“ดีหรอกย่ะ ถ้าเป็นงานเปิดตัวน้ำยาล้างจุดซ่อนเร้น”
“แหม พี่บีบี”
“นี่งานยอดขายแป้งตลับที่ 1 ล้าน แล้วก็เปิดตัวนางเอกใหม่ทั้งที เชอะ เวทีก็เท่ากระแบะมือ เซเล็บก็เป็นพวกเล็บเท้า นักข่าวก็มากันกะปริบกะปรอยเป็นโมโนพอส เฮอะ คบกับพวกละโมบโลภมากก็อย่างนี้แหละ”
เจ๊เบิร์ดเชิดหน้า พูดกับช่างแต่งหน้า ช่างทำผม
“นี่หล่อน 2 คน”
“ขา , ไรคะ เจ๊”
“หล่อนรู้จักมะม่วงบ่มแก๊สไหม”
“ไม่รู้จักค่ะ”
“ก็มะม่วงดิบยังไม่ทันสุก แต่อีนังแม่ค้าละโมบโลภมาก เอามาเร่งบ่มจะขาย มันก็ได้มะม่วงสุก
ปลอมๆ หวานก็ไม่หวาน คนเขามาจิ้มๆดู เขาก็รู้ ไม่ซื้อไง”
บีบีลุกพรวดขึ้น ประชันหน้าเจ๊เบิร์ด มาสารินมองตาแป๋วเหมือนไม่รู้ว่าโดนด่า บรรดาช่างแต่งหน้า ทำผม แดนเซอร์หลายคน ดูกันเป็นตาเดียว อยากให้มีการตบตีกัน พอดีนักข่าวโผล่เข้ามา บีบีกับเจ๊เบิร์ดจึงเปลี่ยนท่าทีเป็นฉีกยิ้มใส่กัน
————————————————————————-
ที่หน้าแบคดรอป ตรีภพกับพิมพ์ดาวยืนเคียงกัน บรรดานักข่าวรุมล้อม ไมโครโฟน มือถืออัดเสียง ถูกยื่นมาสลอน แสงแฟลชวูบวาบ
“โอเคค่ะ เป็นพี่เป็นน้องกัน แล้วไปสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
พิมพ์ดาวมองตรีภพ “ก็.. ซักพักแล้วค่ะ”
“ความจริงก็ยังไม่นานเท่าไหร่หรอกครับ แต่ว่าเราชอบอะไรเหมือนๆกัน ก็เลยสนิทกันเร็ว”
ตรีภพยิ้มแย้มแจ่มใส พิมพ์ดาวได้แต่ทำตาปริบๆ
“แล้วมีโอกาสจะพัฒนาไหมคะ” นักข่าวถามต่อ
“อ๋อ คงไม่” พิมพ์ดาวรีบตอบ
ตรีภพยื่นหน้ามาพูดแทรก “คงไม่รีบร้อนหรอกครับ”
“แปลว่ากำลังดูๆกันอยู่เหมือนกัน”
“ใช่แล้วครับ”
พิมพ์ดาวผิดคาดตาเขียว ตรีภพเห็นแต่ยิ้มร่า
“งั้นพวกเราก็ต้องเป็นกองเชียร์ใช่ไหมคะ”
“ครับ ทูบีคอนตินิว โปรดติดตามตอนต่อไป”
บรรดานักข่าวเฮฮากัน
บีบีจูงมาสาริน เดินหิ้วหางกระโปรงมา เจ๊เบิร์ดเดินตาม บีบีหน้าหงิก “อีพวกแย่งซีน” กลุ่มบีบีเข้ามาใกล้ แต่บรรดานักข่าวก็ไม่สนใจ ยังคงแซวพูดหยอกล้อกับตรีภพ พิมพ์ดาว มาสารินสบตาบีบี แล้วมีอาการพยักพเยิดกันนิดหนึ่ง บีบีก้าวช้าๆลงให้มาสารินแซง มาสารินทิ้งชายกระโปรงลง บีบีคว้าแขนเจ๊เบิร์ด
“คุณเบิร์ดขา จะยังไงดีคะ”
เจ๊เบิร์ดชะงัก เหยียบชายกระโปรงมาสาริน “อะไร ยังไง อะไร”
มาสารินก้าวไป ชายกระโปรงถูกเจ๊เบิร์ดเหยียบไว้ เสื้อเกาะอกหลุดลงมาที่เอว มาสารินร้องวิ๊ด
บีบีอุทาน “ว้าย ลูกขา แม่หลุด”
บรรดานักข่าวทุกคนกรูเกรียวมารุมล้อมถ่ายรูปมาสาริน เจ๊เบิร์ดคลี่พัดใหญ่ออกช่วยบัง ตรีภพก้าวมาถึงตัว ถอดแจกเกตออกใส่ให้มาสาริน มาสารินเซซวนแล้วเข่าอ่อนทรุดลง พิมพ์ดาวมองดูความวุ่นวายตรงหน้าอย่างตกใจ
ในห้องแต่งตัว มาสารินร้องไห้น้ำตาไหลพราก บีบีกระพือพัดให้อยู่ข้างๆ เจ๊เบิร์ดยืนประคับประคองอยู่กับช่างหน้า ช่างผม ตรงหน้ามีนักข่าวหญิง 3-4 นาง เข้ามาดูอาการ
“ลินซี่ต้องขอโทษพี่ๆทุกคนนะคะ”
“โถ ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ”
“ค่ะ ไม่ใช่ความผิดของหนูซักหน่อย”
บีบชง “โถ มันเป็นอุบัติเหตุนะคะ ลูกขา ไม่เป็นไรหรอก”
“แต่ลินซี่ อายนี่คะ ลินซี่อยากตาย ฮือ ลินซี่ไม่อยากเป็นข่าวแบบนี้เลย”
บรรดานักข่าวมองหน้ากัน “แหม พวกเรามีจรรยาบรรณค่ะ”
“ไม่มีใครลงข่าวให้ลินซี่เสียหายหรอก”
เจ๊เบิร์ดเชิญนักข่าวกับช่างหน้า ช่างผม ออกไป ในห้องเหลือเพียงบีบีกับมาสาริน มาสารินปาดน้ำตา ท่าทางดูไม่ทุกข์ไม่ร้อน
“ต๊าย ถ้าเกิดมันมีจรรยาบรรณจริง ไม่ลงข่าว เราไม่ทำนมหลุดฟรีๆหรือ”
“โถ อย่าห่วงเลยค่ะ ข่าวแบบนี้ไม่มีใครยอมพลาดหรอก ลินว่าตอนนี้น่าจะมีคลิปอยู่ในยูทูปแล้ว”
บีบีตาโต ควักสมาร์ทโฟนมาเช็ค “ทีนี้ล่ะ ทุกคนก็จะจำเธอได้ ออกเดินสายร้องไห้อีกซักงานสองงาน เดี๋ยวก็มีละครติดต่อมา ไว้ค่อยเลือกว่าจะเล่นกับค่ายอะไร เล่นคู่กับพระเอกคนไหน”
มาสารินถอดเสื้อแจกเกตของตรีภพออกมาพิศดู พลางยิ้ม “ไม่เห็นต้องเลือกเลยค่ะ ลินรู้แล้วว่าจะเล่นคู่กับใคร”
บีบีชะงัก มาสารินยิ้มตาแป๋ว
————————————————————————-
ที่ห้องทำงานของฐาปกรณ์ ตรีภพนั่งอยู่บนโซฟา
“ทางผู้ใหญ่วางตัวลินซี่ให้เล่นคู่กับนาย กะให้นายเป็นป๋าดัน”
“โธ่ ผมเองยังเอาตัวไม่รอดอยู่เลย”
“บทนางเอกนี่ไม่ใช่ง่ายนะ ยิ่งนางเอกใหม่ เฮ้อ พี่กลัวจะเล่นไม่ได้”
“เท่าที่ผมเคยเห็นน้อง เขาก็ดูน่ารัก มีเสน่ห์ดี อาจจะเล่นเก่งก็ได้นะครับ”
มาดามสุเปิดประตูห้องน้ำออกมา หน้างอหงิก สวมชุดคอคว้านลึก “เก่งเรื่องทำนมหกน่ะซี”
สุชาดาเดินมาที่โต๊ะกาแฟ ก้มลงหยิบมือถือบนโต๊ะ อกเกือบพลัดออกมา ตรีภพเบือนหน้าหนี ฐาปกรณ์มีอาการเซ็งเมีย
“เชอะ น่ารังเกียจ พวกเอาเต้ามาสร้างข่าว”
“ใช่ น่ารังเกียจจริงๆ พวกโชว์เต้าเนี่ย” ฐาปกรณ์แขวะเมีย
“เห็นไหม น้องตรี” มาดามสุไม่รู้ว่าโดนด่า พยักพเยิดกับตรีภพ
ตรีภพยิ้มแห้งๆ “โธ่ มันเป็นอุบัติเหตุน่ะครับ ตัวน้องเค้าก็ดูเรียบร้อยออก”
“มันก็แอ๊บสร้างภาพน่ะซีคะ”
“อ้อ แล้วบทน้องสาวล่ะครับ วางตัวใครไว้” ตรีภพถามฐาปกรณ์
“ยังไม่รู้เลย ตอนแรกน่ะอยากได้นางเอกอีกคนมาประกบ แต่พอเขารู้ว่าต้องประกบกับลินซี่ก็ไม่มีใครเอา”
“ทำไมฮะ ไม่อยากเล่นกับมือใหม่หรือ”
“เปล่า เขาไม่อยากมารบรากับนังบีบีต่างหาก นี่นายอ่านบทจบแล้วล่ะซี คิดว่าไงบ้าง”
“ก็สนุกดีนะครับ แต่ก็ไม่แปลกใหม่อะไรเท่าไหร่”
“ไอ้ที่แปลกกว่าเรื่องอื่น ก็ตรงที่จบแบบไม่แฮปปี้นี่แหละ”
ตรีภพเห็นด้วย พยักหน้า “อ้อ แล้วพี่ติดต่อไอ้แก้วได้ไหมครับ”
“ได้กะผีอะไร พอมันส่งบทมาครบทั้งเรื่อง มันก็เงียบหายไปเลย”
————————————————————————-
ที่ศาลาริมน้ำ ทุกอย่างอยู่ในสภาพผุพัง เมื่อเสียงซึงดังขึ้น สภาพศาลาค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นงดงามมลังเมลือง ยอดหล้านั่งอยู่บนตั่งกำลังบรรเลงเพลงซึง นางผัน นางเผื่อน นั่งร้อยดอกไม้อยู่แทบเท้า แก้วยืนนิ่งมองอยู่มีท่าทีเหมือนตกอยู่ในภวังค์ ยอดหล้าทอดสายตามองมา สีหน้าแย้มยิ้ม ดวงตาตำหนิ แก้วค่อยๆคุกเข่าลง ยอดหล้าวางพิณลง
“เพราะเหลือเกิน” แก้วชม
“ข้าเคยเล่นได้เพราะกว่านี้ เพราะกว่านี้มากนัก”
ยอดหล้ามีแววนึกถึงอดีตอันงดงาม นางผัน นางเผื่อน สบตากัน
“เจ้ามีเรื่องอะไรมาบอกข้า”
“ยังไม่มีข่าวคราวอะไรเลยเจ้านาง”
ยอดหล้ามีท่าทางไม่พอใจ “แต่พวกมันจะต้องมา และพี่เทพจะมากับมันด้วย”
“หลวงพี่เทพภักดี เพื่อนของผม ตรีภพ”
“เขาคือพี่เทพของข้า ถึงตอนนี้เขาเป็นเพื่อนของเจ้า แต่เขาก็คือพี่เทพของข้า เจ้าน่าจะเล่าเรื่องเขาให้ข้าฟังบ้าง”
“แต่เจ้านางก็รู้เรื่องทุกอย่างอยู่แล้ว ไม่ใช่หรือ”
ยอดหล้าตาวาวตวาด “ไม่ใช่ จิตของข้ายังไม่กล้าแกร่งขนาดนั้น สิ่งที่ข้าเห็น บางอย่างแจ่มชัด บางอย่างก็เลือนราง”
นางผัน นางเผื่อน สบตากัน ยอดหล้าลุกขึ้นอย่างคุกคาม แก้วกระถดถอย
“แต่ข้ารู้เพียงแต่ว่า ความจริงที่ข้าถ่ายทอดให้เจ้าฟัง จะพาพี่เทพกลับมาหาข้า”
มีเสียงร้องแก๊กยาวในอากาศ ยอดหล้าชะงัก เงาดำบินร่อนมา ยอดหล้ายื่นมือไป นกปิศาจร่อนลงมาเกาะ บอกให้ยอดหล้ารู้ว่า มีคนเข้ามาบุกรุกคุ้มอีกแล้ว
พ่อเลี้ยงส่งลูกน้อง 2 คนเข้ามาที่คุ้ม เพื่อสืบร่องรอยลูกน้องทั้งห้าที่หายตัวไป คุ้มร้างดูทึบทะมึน บันไดยาวทอดหายไปในความมืดมิด ชายฉกรรจ์ 2 คน เข้ามา คนแรกดูเหี้ยมเกรียมไม่กลัวอะไร แต่อีกคนมองดูรอบๆตัวอย่างไหวหวั่น ทั้งคู่ถือไฟฉายแรงสูง
“พ่อเลี้ยงจะให้เรามาทำไมอีก กูว่าไอ้ห้าตัวนั่นมันหอบเงินหนีไปไหนต่อไหนแล้ว”
“ถ้าจริง ก็ต้องมีข่าวพวกมันบ้างซีพี่ หูตาพ่อเลี้ยงยังกะสับปะรด แต่พวกมันห้าคนเหมือนหายเข้ากลีบเมฆ”
“มึงหมายความว่าอะไรวะ”
“พี่ก็รู้ว่า ที่นี่ มันมีอาถรรพ์”
“อาถรรพ์อะไรของมึง มึงก็รู้ว่าเรื่องผี พวกเราเป็นคนปล่อยข่าวเอง ถ้ามีก็เป็นผีปลอมแค่นั้น”
มีเสียงแก๊กดัง ทั้งสองชายร้องอุทาน หันไปเห็นที่หัวบันไดมีอีกาตัวโตเกาะอยู่
“ไอ้นกเชี่ย ทำกูตกใจหมด” ชายเหี้ยมตวัดปืนพกออกมา แต่อีกคนมองเขม็ง
“เดี๋ยวพี่ นกอะไรจะมาอยู่แถวนี้”
“กูจะไปรู้ได้ยังไง”
อีกาใหญ่หันมา เห็นดวงตาลุกเรืองเป็นไฟ สองชายผงะ อีกาบินเข้าใส่ แล้วบินหายเข้าไปในบริเวณใต้ถุนคุ้ม สองชายมองตาม เห็นแสงเรืองสว่างวูบวาบอยู่ตามแนวเสาสลับซับซ้อน ชายเหี้ยมส่องไฟฉายเดินเข้าไปทันที
อีกคนแม้ลังเลและกลัว แต่ก็เดินตาม แสงไฟฉายส่องไปยังแนวอิฐก่อ ที่ตอนนี้มีเถาไม้เลื้อยหนาทึบปิดอยู่ ทั้งสองคนหันไปใช้ไฟฉายส่องดูด้านอื่นๆ ทันทีที่หันไป เถาไม้เลื้อยนั้นก็เคลื่อนไหวแยกออกเป็นทาง เผยให้เห็นประตูห้องใต้ดิน 2 ชายหันกลับมา แสงไฟฉายทาบลงบนบานประตู สองชายชะงัก ชายฉกรรจ์ก้าวไป ลองดึกประตูเหล็กเปิดออก เสียงดังบาดลึก
ทั้งสองคนเดินลงบันไดมา ไฟฉายกราดไปทั่วห้องใต้ดิน ทุกอย่างดูวังเวง กรงเหล็กและโซ่ล่ามดูทะมึน ลำไฟฉายส่องไปยังโพรงในผัง กระเป๋าใส่เงินยังคงอยู่ ทั้งคู่ก้าวไป ชายคนแรกรูดซิบเปิดดูโดยไม่ได้ดึงกระเป๋าออกมา เห็นธนบัตรหลายปึกอัดแน่นอยู่
“เงินยังอยู่นี่”
“พวกมันไม่ได้เอาเงินหนีไป เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ช่างมัน ไม่ใช่เรื่องของเรา เฮ้ย”
ชายฉกรรจ์ดึงกระเป๋าออก อิฐในโพรงหลุดผัวะตามมาด้วย ทันใดมีเสียงดังคึ่ก อิฐที่เหมือนเป็นกำแพงแน่นหนาทะลายโครมลงบนร่างของทั้งสอง เผยให้เห็นโพรงกว้าง มีซากศพที่แห้งกรังของสมุนแก๊งทั้งสี่หล่นลงมาทับร่างของทั้งคู่ ทั้งคู่แผดร้องตะกายลุกขึ้น “พวกมันยังอยู่ที่นี่” ได้ยินเสียงยอดหล้าดังลอยมา “ใช่ เช่นเดียวกับพวกเจ้าสองคน” ทั้งสองคนสะดุ้งสุดตัว กราดไฟฉายหาต้นเสียง หมอกจางๆไหลมาตามพื้น
“ใคร! ใครวะ”
“พี่ เรากลับเถอะ”
“กูไม่กลัว”
“เจ้าควรจะกลัว” ยอดหล้าปรากฏกายขึ้น นางผัน นางเผื่อนยืนอยู่ข้างหลัง ชายฉกรรจ์ควักปืนออกมา ยอดหล้ามองดู ชายอีกคนถอยกรูดไปทางบันได ยอดหล้าก้าวมาราวเลื่อนลอย นางผัน นางเผื่อนตามติด
“หยุด!”
ยอดหล้ายิ้ม ชายฉกรรจ์ยิงเข้าใส่ ยอดหล้ามองดู ดวงตาลุกโชติขึ้น ทันใดปืนในมือชายฉกรรจ์ก็ระเบิดขึ้น ดินปืนในกระสุนลุกเป็นลูกไฟ ทั้งไฟและเศษโลหะ ฉีกมือ หน้า และทรวงอกมัน เนื้อหนังปริแยก เสื้อผมไหม้ติดไฟ ชายฉกรรจ์ร้องโหยหวนลงไปดิ้นกับพื้น ชายคนที่สองตาเหลือกลาน ถอยกรูดไปถึงบันได ยอดหล้ายิ้มอย่างสะใจ ก้าวไปช้าๆ พร้อมกับนางผัน นางเผื่อน เพียงวูบเดียว 2 นางบริวารก็ถึงตัวชายฉกรรจ์ นางผันจับไหล่มัน กระชากขึ้นมานั่งคุกเข่า นางเผื่อนจิกผมให้มันแหงนเงยดูยอดหล้า
“ผี.. พวกแกเป็นผี”
“ตอนนี้เล่า เจ้ากลัวข้าหรือยัง”
ขณะนั้น ชายคนที่สองตะกายถึงบันไดขั้นบนสุด ชนแก้วที่กำลังจะเดินลงมา แล้ววิ่งหนีไปอย่างหวาดหวั่นสุดขีด ชายฉกรรจ์มองดูยอดหล้าด้วยความหวาดกลัวถึงขีดสุด ทันใดดวงหน้างามสะคราญของยอดหล้าก็กลายเป็นอสูรกาย ดวงตาลึก แต่ข้างในดูเหมือนมีไฟอยู่ข้างใน เขี้ยวงอกเต็มปาก ชายฉกรรจ์แผดร้องสุดเสียง
แก้วลงมาถึงข้างล่างพอดี เห็นเงาดำของร่างทั้ง 4 ทาบอยู่บนผนัง เงาชายฉกรรจ์ลอยขึ้นหงายบนอากาศ ยอดหล้า นางผัน นางเผื่อนล้อมไว้ ทันใดเงาชายฉกรรจ์ที่หนาเต็มด้วยกล้ามพลันแห้งยุบลง เหลือเพียงหนังหุ้มกระดูก แก้วตกตะลึงกับภาพตรงหน้า เบือนหน้าหนีสยดสยอง
ชายคนที่สองวิ่งสุดฝีเท้าออกจากเงามืดของคุ้มไปยังกลางลานกว้าง จากเงามืดของคุ้ม ยอดหล้าก้าวมา นางผัน นางเผื่อนขนาบข้าง มีท่าทางกระหายจะฆ่าคน
“หนีไปซี จงหนีไป” ยอดหล้ายิ้ม
ชายคนที่สองวิ่งมาถึงกลางลาน ทันใดพื้นดินใต้เท้าก็ขยับปริและนูนขึ้น มันเซซังล้มกลิ้งลงกับพื้น ดินแยกปริออก ร่างทะมึนของม้าปิศาจ ผุดขึ้นจากพื้น ส่งเสียงร้องกัมปนาท ชายคนที่สองร้องไม่เป็นภาษา ตะกายพื้นถอยหลังกรูดๆ ม้าปิศาจย่างเข้ามาอย่างคุกคาม ดวงตาและขนแผงคอลุกเป็นไฟ ยอดหล้า นางผัน นางเผื่อน มองอย่างสะใจ แม้แก้วอยากจะห้ามแต่ก็ไม่กล้า
————————————————————————–
ถนนซอยทอดยาว กำแพงเต็มไปด้วยเถาไม้เลื้อย ชายคนที่ 2 ปีนหนีออกมากระโดดลงพื้นจนขาแพลง เถาไม้เลื้อยลุกแดงเรื่อเหมือนมีถ่านไฟอยู่เบื้องหลังแล้วขยับแยกออกเป็นช่อง ม้าปิศาจก้าวออกมา ชายคนที่สองวิ่งขากระเผลกหนี ม้าปิศาจวิ่งตามมาข้างหลัง ใกล้เข้ามาทุกที เปลวไฟจากตาและแผงคอเจิดจ้า ก่อนที่ม้าปีศาจจะทำร้ายชายหนุ่มได้ ก็พลันมีวงบ่วงบาศสีดำลอยมาหมุนวนเหนือม้าปิศาจ ขับไล่มันหนีหายกลับไปในกำแพงเถาวัลย์
ชายคนที่สองอ้าปากค้าง วงบ่วงบาศนั้นลอยตกลงในมือของร่างหนึ่ง เห็นว่าที่แท้คือสร้อยลูกประคำลูกเล็ก เจ้าของมือคือมหาจรวยวัย 40 ปี ดูทรงศีล มีเมตตา แต่ดวงตาทรงพลังกล้าแข็ง
ที่กำแพงเถาวัลย์ ร่างยอดหล้า นางผัน นางเผื่อน ก้าวมาอย่างไม่พอใจ มองหา แต่บนถนนกลับว่างเปล่า
“เจ้านางเจ้า มันหนีไปได้” นางผันว่า
“มีคนมีอาคมมาช่วยมัน” นางเผื่อนบอก
ยอดหล้าสำรวมจิตเห็นภาพมหาจรวยรับสร้อยลูกประคำมาไว้ในมือ ยอดหล้าทั้งโกรธทั้งแปลกใจ
“ครูบาสรี!”
นางผัน นางเผื่อน มองหน้ากัน มีอาการหวาดกลัว
“เป็นไปไม่ได้เจ้า” “ครูบาสรี ต้องตายไปนมนานแล้วเจ้า”
“ใช่ ครูบาทุศีลนั่นคงตายไปแล้ว แต่ลูกหลานของมันยังอยู่ ยังมาคอยจองล้างข้าเหมือนดังคราวก่อน.. แต่
คราวนี้ พวกมันจะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ย่อยยับบ้าง”
ในห้องพระ ที่เรือนกาแลขนาดย่อมของมหาจรวย ตรงหน้ามหาจรวยมีร่างเหยียดยาวของสมุนแก๊งค์ที่ช่วยมา มันหน้าซีด นอนเพ้อตัวสั่นระริก “กลัว กลัวแล้ว” มหาจรวยยื่นมือออกวางบนหน้าผาก แผ่อำนาจพุทธคุณ “เมตตา คุณณัง อะระหัง เมตตา” สมุนแก๊งค์หยุดกระสับกระส่ายเพ้อ สีหน้าดีขึ้น มีเสียงไก่ขัน แสงในห้องเริ่มสว่างขึ้น มหาจรวยค่อยคลายใจ ถอนใจน้อยๆ “เจ้านาง.. ท่านจะก่อกรรมอะไรอีก”
ที่ห้องคัดตัวดารา นางร้ายเมย์มาแคสติ้งบท แต่ฐาปกรณ์กับตรีภพไม่ค่อยพอใจ เพราะเห็นว่าแอคติ้งนั้นดูคล้ายคนบ้าวิกลจริตมากกว่า แต่มาดามสุกลับเป็นปลื้ม เพราะหวังใช้ความอึ๋มของเมย์มาเรียกเรตติ้ง
หลังจากนั้น ฐาปกรณ์กับตรีภพก็มาย้อนดูเทปที่อัดไว้ ยิ่งดูยิ่งไม่ชอบ
“แต่ก่อนมันแค่เล่นแบนๆ แต่ก็ไม่ถึงกับเวอร์ขนาดนี้” ฐาปกรณ์บ่นพึม
“คงติดมาจากเรื่องล่าสุด ที่น้องเขาเล่นเป็นคนบ้าแล้วได้รางวัลน่ะครับ”
“เวรๆ นางเอกก็เด็กเส้น นางร้ายก็เหมือนหลุดมาจากโรงพยาบาลบ้า แล้วมันจะเป็นยังไงกันนี่”
มาดามสุ ผลักประตูเข้ามา ได้ยินกลางๆประโยค ก็หน้าบึ้งเท้าสะเอวขวับ “อะไร เรื่องมากอะไรอีก”
“ฉันไม่ได้เรื่องมาก แต่ยายเมย์นี่จ้างมันร้อยเล่นแสนนึงจริงๆ”
“น้องเขาแค่เล่นใหญ่ แบบแนวละครเวทีต่างหากยะ”
“นี่มันเกินแนวละครเวทีแล้ว ลองดูซี นี่มันแอคติ้งแบบหนังเงียบแล้ว”
มาดามสุมองดูจอทีวีปริบๆ แล้วเห็นด้วย แต่ก็ต้องตะแบง
“อุ๊ย จะอะไรนักหนา เล่นเกินก็บอกให้เล่นเบาลงก็เท่านั้น เล่นเกินก็ยังดีกว่าเล่นไม่เป็นเลย ดูๆไปคิดว่าดู
สากกระเบือพูดได้”
ตรีภพถอนใจ เพราะหนักใจแทนฐาปกรณ์ มาดามสุรีบแก้ตัว “อุ๊ยตาย นี่พี่ไม่ได้พูดถึงน้องตรีนะคะ”
ระหว่างทางขับรถกลับจากออฟฟิศฐาปกรณ์ ตรีภพเห็นโจรรถมอเตอร์ไซค์กระชากกระเป๋าจันทรา จึงขับรถ
ปาดเข้าขวาง คนขับมอเตอร์ไซค์หักหลบพุ่งลงคลอง ทั้งคนขับ คนซ้อน กระเด็นไปคนละทิศ อาการสาหัส จันทราเชิญตรีภพมาที่บ้าน พิมพ์ดาวกลับมาบ้านเห็นรถสปอร์ตของตรีภพจอดขวางประตูรั้วอยู่ก็ไม่พอใจ เข้าบ้านได้ก็บ่น
“แม่ขา มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้ มาจอดรถสปอร์ตอวดรวยยื่นมาขวางประตูรั้วเรา หนูต้องตีวงแทบตายกว่าจะเข้าบ้านได้ เดี๋ยวหนูจะออกไปดู ถ้ามันยังจอดอยู่ หนูจะกรีดรถให้รอบคันเล..”
พิมพ์ดาวมองไปเห็นตรีภพนั่งทำตาปริบๆ อยู่ที่โซฟา จันทรากับพิมพ์เดือนทำท่าบุ้ยใบ้อยู่บนโซฟาอีกตัว ส่วนที่พื้น ใบเฟิร์นนั่งตาเยิ้มดูตรีภพ พิมพ์ดาวจำได้ในนาทีนั้น ว่านั่นคือรถตรีภพก็อ้าปากค้าง จันทรากับพิมพ์เดือนมองตรีภพอย่างขอโทษขอโพย ตรีภพยิ้มตอบแบบไม่เป็นไรมิได้ แล้วหันมายิ้มทำหน้าซื่อ แต่มีแววเยาะเย้ยกับพิมพ์ดาว
บทละคร ค้มนางครวญ ตอนที่ 4 | บทละคร คุ้มนางครวญ ตอนที่ 2 |
ชมทีวีออนไลน์ช่อง 5 แบบสดๆ ได้ที่นี่ |
ติดตามข่าวสารบันเทิงทีวีได้อีกช่องทาง Facebook.com/TVSociety |