ภาพ: facebook.com/appleboxth/ปกติเวลาเสพคอนเทนต์เกี่ยวกับหนัง ผมมักอ่านพวกบทความออนไลน์จากแฟนเพจ เช่น vintage motion, FLICK ATTACK, Watchman, อวยไส้แตกแหกไส้ฉีก กับดูคลิปวิดีโอ ที่นิยมก็ของ Scoop viewfinder กับ JUST ดู IT, ส่วน Podcast นี่เพิ่งมาเริ่มฟังจากของ Salmon Podcast แต่ก็ไม่ค่อยได้เป็นแฟนเหนียวแน่น ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง ส่วนใหญ่เปิดฟังเวลานั่งทำงานอยู่หน้าคอม (ระหว่างเดินทางไม่ชอบใส่หูฟังก็เลยไม่ฟังอะไรทั้งนั้น) เหมือนเปิดเพื่อทำลายความเงียบเฉยๆ แค่อยากให้มีเสียงอะไรสักอย่าง เวลาที่ไม่มีอารมณ์โหยหาการฟังเพลง – แค่นั้นเอง (เพิ่งนึกได้ว่า มี Podcast รายการที่ผมเคยฟังเมื่อนานมาแล้ว และชอบมากๆ ถึงขั้นเซฟไฟล์ของหลาย EP. เก็บไว้ ชื่อ THIRD CLASS RADIO ที่พี่เต๋อ-นวพล กับพี่ต่อ-คันฉัตร ช่วยกันทำอยู่ช่วงหนึ่ง) จนมีรุ่นน้องกลุ่มหนึ่งที่เรียนฟิล์มจากรั้วธรรมศาสตร์มาด้วยกัน เดิมแก๊งนี้มีความสนใจพวกเรื่องเสียง ดนตรี เพลงอยู่แล้ว ผมสังเกตมาตั้งแต่สมัยเรียนว่า แก๊งนี้จะชอบทำงานประเภทที่ต้องข้องแวะกับเรื่องข้างต้น เช่น ทำเพลงประกอบละคอนของคณะ เป็นคนบันทึกเสียงในกองถ่ายทำหนัง ผนวกกับความสนใจเรื่องหนัง จนตอนนี้แม้ต่างคนก็เรียนจบกันมาได้สามสี่ปี มีงานมีการทำกันอยู่แล้ว (งานมากงานน้อยก็อีกเรื่อง) แต่ยังอุตส่าห์หาเวลาว่างมารวมตัวกันเริ่มผลิต podcast ของตัวเองได้ โดยใช้ชื่อ Applebox Podcastเหตุเกิดเมื่อวันแรกที่ EP. 1 ของ Applebox Podcast ปล่อยออกมา ผมทะลึ่งไปแชร์โพสต์แล้วเขียนแคปชั่นลอยๆ ว่า ‘ถ้าทำครบ 5 EP. จะช่วยเขียนรีวิวให้’ ด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ในใจคิดว่า เออ เดี๋ยวทำไป 2-3 EP. พอมีคนกดไลก์น้อย มีคนฟังไม่มาก ไม่มีสปอนเซอร์เข้ามา แล้วไหนจะ EP. 1 มีทีมงานครบ 5 คน แต่ตลอด 3 EP. จากนั้นลดลงเหลือ 3-4 คน …ดูทรงแล้วปลงเถอะ ไม่น่ารอด เดี๋ยวพวกมันก็ถอดใจและหยุดทำกันไปเอง! จนผ่านไป 2 เดือน หนึ่งในทีมงาน Applebox Podcast ก็แท็กผมทางเฟซบุ๊กมาทวงสัญญา เพราะ…EP.5 โผล่มาแล้ว! พวกมันทำได้จริง เดือดร้อนผมต้องไปหาโพยที่เคยโน๊ตย่อไว้ขณะชม EP. 1-3 เพื่อมารีวิวให้เป็นชิ้นเป็นอันสักหน่อย ส่วนเหตุผลอื่นที่รีวิวคือ ยังไม่เห็นคนอื่นรีวิว Podcast ชุดนี้ และไหนๆ โควิด-19 ก็ทำพิษให้ผมต้องติดอยู่ในบ้านและว่างงานแล้ว…ภาพ: facebook.com/appleboxth/5 EP. ที่ผ่านมา ได้แก่ EP. 1 - หนังในดวงใจประจำปี 2019 ของทีมงาน, EP. 2 – วิเคราะห์ พูดคุย และคาดการณ์ผลรางวัล Oscar 2020, EP. 3 - ภาพยนตร์สงครามโลกครั้งที่ 2, EP. 4 – หนังดีที่คุณอาจไม่เคยรู้จัก และ EP. 5 - หนังห่วยที่สุดตลอดกาล (วัดจากคะแนนตามเว็บไซต์)แม้เป็นครั้งแรกที่ได้ร่วมกันจัดรายการ แต่พวกเขาก็แสดงถึงความเป็น (อดีต) นักศึกษาภาพยนตร์ มีการแสดงความรู้สึกและความคิดเห็นถึงหนังที่ได้ดู (ยังไม่ถึงขั้นวิจารณ์อย่างลึกซึ้ง) การนำความรู้เชิงเทคนิคในด้านต่างๆ เช่น การเขียนบท การถ่ายทำ การกำกับศิลป์ เพลงและดนตรีประกอบ มาถกกัน และมีการค้นคว้าหาเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเป็นข้อมูลเพิ่มเติมมาเล่าให้เราฟังกันด้วย หนังหลายเรื่องที่ผมไม่คิดจะดู หรือไม่รู้จักมาก่อน เมื่อได้มาฟัง Podcast ชุดนี้ ก็ทำให้ผมได้รู้จักหนังหลายเรื่องมากขึ้น และได้รับฟังมุมมองที่หลากหลาย ผมไม่มีความรู้ในเชิงเทคนิคเกี่ยวกับการผลิต Podcast และไม่เคยไปอยู่ในห้องอัดกับทีมงาน จึงไม่รู้ว่าตำแหน่งการนั่งของแต่ละคนเป็นอย่างไร ใช้ไมโครโฟนกันกี่ตัว พออัดเสร็จแล้วมีไปตัดต่อ-มิกซ์เสียงกันเพิ่มเติมด้วยไหม แต่เท่าที่ฟังมา ปัญหาเป็นเรื่องจุกจิก รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในบางจังหวะเสียมากกว่า เช่น เสียงพูดของแต่ละคนมีความดังไม่เท่ากัน บางคนดัง บางคนเบา, และเนื่องจากผมรู้จักกับทีมงานทุกคนอยู่แล้ว แม้นานทีปีหนจะได้เจอกัน แต่พอได้ฟังเสียงโดยไม่เห็นหน้าคร่าตาก็รู้ทันทีว่าใครเป็นใคร และรับรู้ถึงสีหน้าแววตาของแต่ละคนได้ไม่ยาก (ส่วนท่าทางการใช้มือไม้ขณะพูดนั้นมีหรือไม่ - ผมไม่แน่ใจ) โดยธรรมชาติของผู้ชายกลุ่มนี้ (ใช่ - ทั้งห้าคนเป็นชายแท้ ผมแอบหวังว่าในอนาคตจะมีสมาชิกผู้หญิงมาเข้าทีมบ้าง เพราะชอบฟังเสียงสาวๆ มากกว่า) เวลาคุยกันมักพูดจาหยาบคายทะลึ่งตึงตังกันเป็นเรื่องธรรมดา แต่พอต้องมาล้อมวงคุยกันแล้วบันทึกเสียงออกสู่ผู้ฟังที่เป็นใครบ้างก็ไม่รู้ คำพูดคำจาจึงดูสุภาพเรียบร้อยขึ้นมาผิดหูผิดตา อย่างสรรพนามเรียกแทนตัวเองที่ใช้คำว่า “ผม” ช่างเป็นถ้อยคำที่ผมไม่คุ้นหู! ภาพ: facebook.com/appleboxth/ตอนแรก (EP. 1) ของ Applebox Podcast ปล่อยออกมาเมื่อ 15 มกรา ’63 ส่วนตอนล่าสุด (EP. 5) คือ 16 มีนาที่ผ่านมา ตลอดระยะเวลา 2 เดือน แม้แต่ละ EP. ไม่มีกำหนดอย่างตายตัวว่าจะปล่อยให้ได้ฟังกันทุกวันเวลาใด แต่หากอ้างอิงจากกำหนดวันปล่อยของทั้ง 5 EP. แรก ดูเหมือนทีมงานจะพยายามปล่อยให้ทันทุกต้นเดือนกับกลางเดือน (เหมือนสลากกินไม่แบ่งของรัฐบาล) ให้แต่ละ EP. เว้นระยะห่างกัน 2 สัปดาห์ - หากเป็นไปได้แต่ก็อย่างว่า, บางทีเวลาว่างของทีมงานแต่ละคนมีไม่ตรงกัน บาง EP. อาจมาช้านิดช้าหน่อย วอนผู้ฟังโปรดเห็นใจและอดใจรอฟังกัน เพราะข้อดีของ Podcast คือเป็นสื่อที่เราฟังย้อนหลังได้ ไม่เหมือนดูการแข่งขันกีฬา ซึ่งหากไม่ได้ดูถ่ายทอดสด แต่มาดูย้อนหลังตอนเรารู้ผลการแข่งขันแล้ว อรรถรสในการรับชมก็จะหดหายไป ราวกับดูหนังเรื่องเดิมซ้ำทั้งที่รู้ตอนจบอยู่แล้วภาพ: facebook.com/appleboxth/ผ่านมา 5 EP. ผมยังข้องใจ – ทำไมตั้งชื่อ Podcast ว่า Applebox แต่ไม่เป็น Bananabox, Orangebox หรือผลไม้อย่างอื่นแล้วตามด้วยคำว่า box หรือจะเพราะทีมงานทุกคนชอบกินแอปเปิ้ลหรือ? หรือเสียงกัดแอปเปิ้ลของใครบางคนเป็นจุดกำเนิดให้พวกเขาได้มาจับมือกันผลิตผลงานอีกครั้ง? (แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะมีสปอนเซอร์เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Apple เพราะตอนนี้พวกเขายังทำกันเป็นงานอดิเรก ไม่มีสปอนเซอร์สักราย ผู้ใดสนใจอยากลงทุนติดต่อได้ทางเพจ) กับอีกเรื่องที่ยังคาใจ, ภาพปกในเพจที่เป็นฉากหนึ่งในหนัง ตอนที่นักแสดงชื่อคริส ไพน์ กัดแอปเปิ้ล ภาพนี้มาจากหนังเรื่องอะไร - Wonder Woman? Star Trek? ผมขี้เกียจเสิร์ชหาคำตอบจึงมาทิ้งคำถามเอาไว้2 ข้อนี้เป็นปริศนาสำหรับผม ซึ่งไม่รู้ก็ไม่ตาย แต่ถ้าได้รู้ก็น่าจะตายตาหลับ (อ่าว…) และยังรอทีมงาน Applebox Podcast มาคลายความสงสัยให้กับตัวผมเองและสาธารณชน – อย่างไม่รีบร้อนภาพ: https://bit.ly/2WmZhxOฝากถึงทีมงาน Applebox Podcast ถ้าวันนี้ยังไม่ค่อยมีใครฟัง พวกคุณอย่าเพิ่งเลิกทำ เพราะของบางอย่างต้องใช้เวลา อาจต้องรอให้ผ่านไปหลายสิบปี มันถึงจะเริ่มออกฤทธิ์ ผู้คนเริ่มสนใจและเห็นคุณค่าของมัน (อย่างเช่นหนังเรื่อง The Shining)การผลิต Podcast เป็นการบันทึกมุมมองความคิดของเราในช่วงวันเวลาหนึ่ง-วัยหนึ่ง วันหน้าลองย้อนกลับมาฟังแล้วบางความรู้สึกคงเปลี่ยนไปจากวันนี้ มีพัฒนาการที่เพิ่มขึ้นๆ ตามลำดับวันนี้ทำรายการแบบยังไม่มีสปอนเซอร์เข้ามา จะทำอะไรก็ได้ตามใจเรา แต่วันหน้ามีสปอนเซอร์แล้วความเป็นตัวเองอาจค่อยๆ จางหายไป กลายเป็นรายการรูปแบบอื่น - ที่ผู้คนจะรักใคร่หรือจะชิงชังกัน - ก็ว่าไปผมเป็นกำลังใจให้ทีมงานทุกคนจนถึง EP. สุดท้ายแน่นอน, ขอให้ทำในสิ่งที่อยากทำต่อไป. ช่องทางการติดต่อและติดตาม Applebox Podcastคุณสามารถเข้าไปฟังเสียงหัวใจของพวกเขาได้ทาง https://appleboxth.podbean.com/อย่าลืมกด Like – Share หรือเขียนข้อเสนอแนะ ที่ Facebook page – Applebox Podcast