Movie Review Hear Me: Our Summer (2024) ความเงียบงันที่สละสลวย การก้าวพ้นวัยและการเติบโต กับความฝันและชีวิตที่เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวที่ถูกเล่าอย่างเรียบง่าย ดึงดูด น่ารัก และสวยงาม รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เพิ่งเขียนไปเมื่อบทความที่แล้วว่าไม่ค่อยได้ดูงานโรแมนติกรักแรกรุ่นอะไรประมาณนี้เพราะเลือกดูแต่งานที่มีเนื้อหาเป็นผู้ใหญ่ขึ้นคงเพราะวัยที่มากขึ้นแต่บางครั้งของบางอย่างมันก็มีแรงดึงดูดประหลาด อย่างหนังเรื่องนี้ทันทีที่ผู้เขียนแวะเวียนเข้าไปหาดูหนังเกาหลีในแอป viu ที่มีไว้เพื่อการนี้โดยเฉพาะทันใดก็ไปสะดุดตากับโปสเตอร์หนังที่ทาง viu แปะมาไว้ให้เลือก ซึ่งรูปนั้นเองที่เหมือนมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ว่าให้ลองกดเข้าไปดูแล้วอ่านเรื่องย่อที่ย่อแบบเหลือไม่กี่บรรทัดจนเรียกว่าคำโปรยจะถูกกว่าก็น่าสนใจ เพราะนี่คืองานโรแมนติกดราม่าที่เกี่ยวกับผู้บกพร่องทางการได้ยินและการพูดที่มักจะมีรายละเอียดในบางแง่มุมที่แตกต่างโดยที่ผู้เขียนใช้ความรู้สึกล้วนๆในการเปิดดู เพราะสารภาพว่านอกจากความรู้สึกหนังเรื่องนี้ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผู้เขียนยอมเสียเวลาชั่วโมงครึ่งกว่าๆในการดูเลยแม้กระทั่งนักแสดงนำอย่างฮงคยองกับโนยุนซอ แต่เมื่อได้ดูจนจบกลับพบว่าต้องขอบคุณความรู้สึกและสัญชาตญาณการดูหนังของตัวเองที่ทำให้ไม่พลาดหนังเรื่องนี้ที่มีดีกว่าที่คิด อียองจุน (ฮงคยอง) ชายหนุ่มที่ยังหาตัวเองไม่เจอเขาเรียนจบปรัชญาและไปเรียนภาษามือเป็นความสามารถพิเศษแต่ยังไม่มีงานทำยังอยู่กับพ่อแม่ที่เปิดร้านข้าวกล่องและเขาทำหน้าที่ขับมอเตอร์ไซค์ส่งอาหาร จนวันหนึ่งเขาไปส่งข้าวกล่องที่สระว่ายน้ำที่มีนักว่ายน้ำที่บกพร่องทางการได้ยินซ้อมอยู่ที่และที่นั่นเขาได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง ด้วยความสามารถทางภาษามือเขาจึงเข้าไปไถ่ถามซื่อๆกับนักว่ายน้ำที่ดูเหมือนจะสนิทกับเธอคนนั้นก็รู้ว่าเธอคนนั้นคือซอยอรึม (โนยุนซอ) ที่เป็นพี่สาวของนักว่ายน้ำที่เขาถามซอกาอึล (คิมินจู) แน่นอนยองจุนต้องการสานสัมพันธ์กับยอรึมซึ่งก็ไม่มีปัญหาและเขาก็พบว่ายอรึมคือหญิงสาวที่ทำงานหนักเพื่อดูแลน้องที่เป็นนักว่ายน้ำจนลืมมีความสุขไม่มีแม้กระทั่งฝันของตัวเอง แต่แล้วเมื่อทุกอย่างกำลังไปได้ด้วยดียอรึมได้พบกับความรักความจริงใจที่ดีที่ยองจุนมอบให้กาอึลกลับประสบปัญหาในการว่ายน้ำทำให้ยอรึมโทษตัวเองว่าเธอดูแลน้องไม่ได้ดี จนเธอขอเลิกกับยองจุนโดยที่เขาไม่รู้เหตุผลแล้วยองจุนจะยอมให้เป็นแบบนี้หรือ เล่าง่ายบนความเงียบงันแต่สละสลวยมีความเรียบเรื่อยแผ่วเบาเล่าเรื่องพื้นฐานบ้านๆที่คุ้นเคยใช่แล้วนี่คืองานรีเมคจากหนังไต้หวัน เมื่อดูไปได้สักพักผู้เขียนเริ่มรู้สึกบางอย่างแต่ไม่แน่ใจจนเมื่อดูจบจึงมาหาข้อมูลจึงรู้ว่าความรู้สึกนั้นถูกต้องเพราะมีอารมณ์อื่นมาให้ได้สัมผัส นั่นคือฟีลหนังไต้หวันที่คุ้นเคยเพราะผู้เขียนดูหนังไต้หวันบ่อยใช่แล้วนี่คือหนังรีเมคหนังหนังไต้หวันปี 2016 ชื่อเรื่องว่า Hear Me ทำให้ในส่วนของบทหนังจึงเล่าง่ายๆไม่เร่งเร้าใช้ความเงียบงันมาสื่อสารได้ตรงเป้าซึ่งมันถูกต้องแล้วเพราะนี่คือหนังที่สื่อสารกับคนดูด้วยภาษามือและคำบรรยาย กระนั้นนี่คือหนังรักใสๆในเบื้องหน้าความสวยใสจึงมาพร้อมความละสลวยไม่มีพิษภัยเคลือบแฝงแม้แต่น้อยจนอาจกลายเป็นงานโลกสวยไปโดยปริยาย แต่บทหนังก็เป็นภาวะเป็นจริงได้เพราะนี่อาจเป็นชีวิตจริงของใครก็ได้โดยมีแอบวางทัศนคติที่มีต่อผู้พิการไว้บางๆที่แม้จะบางแต่สัมผัสได้ชัดจัดว่าเก่ง ทำให้หนังที่มีความเงียบงันเพราะแทบไม่มีบทสนทนาภาษาพูดออกมาแต่สามารถมีแรงดึงดูดได้อย่างน่าประหลาด เหมือนเรื่อยๆมาเรียงๆแต่หยุดดูไม่ได้ในความน่ารักกับดราม่าจางๆไม่เร่งเร้ารุนแรงแต่ชวนคิดแถมยังหักมุมนิดๆในตอนท้าย ความน่าประหลาดของหนังคือความไม่เร่งเร้าเรื่อยๆมาเรียงๆแต่หยุดดูไม่ได้เพราะหนังมีความน่ารักสวยใสชุ่มชื่นหัวใจภาพสวยเพลงเพราะ หรืออาจเพราะหนังเต็มไปด้วยทัศนคติบวกที่เห็นได้ด้วยตาว่าเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่โตมาด้วยทัศนคติอย่างที่เห็นถูกเลี้ยงดูมาด้วยครอบครัวแบบไหน ที่สำคัญคือต่อให้ภาพสะกดสายตาและไม่อาจละสายตาเพราะหนังสื่อสารด้วยภาษามือเป็นส่วนใหญ่แต่แม้จะเห็นด้วยตาในขณะเดียวกันก็สามารถสัมผัสได้ด้วยใจ ซึ่งมันเจ๋งดีที่สิ่งที่กระทบสายตาสัมพันธ์กับหัวใจได้อย่างไปพร้อมๆกันคือมันอาจเหมือนเป็นความโรแมนติกที่ฉากหน้ามีเริ่มรักมีคบกันมีอุปสรรคแต่มีดราม่าจางๆมาถ่วงน้ำหนักไว้ ทำให้ต่อให้สายตาติดอยู่กับภาพที่เห็นหัวใจจะสั่งสมองให้ฉุกคิดว่านี่ไม่ใช่แค่หนังรักใสๆแต่เป็นหนังก้าวพ้นวัยไปสู่การมีวุฒิภาวะอีกขั้นหนึ่ง จนสุดท้ายเมื่อคิดได้ก็ได้คิดผ่านความนึกคิดของตัวละครหนังก็หักมุมนิดๆแบบน่ารักๆด้วยอ่ะ เพราะชีวิตและความฝันก็เป็นเอกสิทธิ์ส่วนตัวที่ทุกคนมีสิทธิ์ฝันหาใช่เอาฝันของคนอื่นมาแบกไว้เพราะไม่มีใครใช้ชีวิตแทนกันได้ ถ้ามองที่หน้าฉากนี่คือหนังรักสวยๆใสๆเปี่ยมไปด้วยทัศนคติบวกระหว่างหนึ่งคนปกติที่ก้าวข้ามกำแพงความบกพร่องทางการได้ยินเพราะทัศนคติที่ดีเป็นตัวตั้ง แต่แท้จริงแล้วนี่อาจเป็นหนังก้าวพ้นวัยชั้นดีที่บอกเล่าเรื่องการเปลี่ยนผ่านทางวุฒิภาวะบนพื้นฐานความสัมพันธ์ของพี่น้องและแน่นอนก็ยังเห็นทัศนคติที่ดี เพราะการมีชีวิตอยู่ของยอรึมคือการอยู่เพื่อน้องคือกาอึลทำทุกอย่างเพื่อให้น้องได้ทำตามความฝันจนกระทั่งมองไม่เห็นความฝันของตัวเองมองไม่ออกว่าการใช้ชีวิตเพื่อตัวเองเป็นอย่างไร แต่ชีวิตมันเป็นของใครของมันความฝันก็เช่นกันมันคือความรับผิดชอบของตนเองกาอึลรู้ดีและเธอมองออกว่าพี่สาวมีชีวิตอยู่เพื่อเธอ แต่ชีวิตของยอรึมก็คือของยอรึมชีวิตของกาอึลก็คือของกาอึลไม่มีใครมีสิทธิ์คิดแทนกัน แน่นอนว่าถ้าจะก้าวข้ามตรงนั้นต้องยอมที่จะปล่อยมือและไว้ใจในตัวคนอื่นที่ต้องรับผิดชอบความฝันของตัวเอง อาจเพราะบทหนังเรียบง่ายไม่เร่งเร้ามากมายทำให้การแสดงดูสบายๆผ่อนคลายแต่สามารถสะกิดใจได้ในส่วนลึก ด้วยบทที่เรียบง่ายไม่ซับซ้อนแม้จะมีพลิกผันหักมุมในบทสรุปแต่เจตนาของบทหนังคือความโปร่งสบายดูแล้วสบายใจ ทำให้ในส่วนของการแสดงจึงดูผ่อนคลายดูเพลินตาเพลินใจแม้จะไม่เร่งเร้าอารมณ์มากนัก แต่ที่เป็นคือการรู้สึกจากข้างในไม่ได้ออกนอกหน้ามากมายแต่นั่นแหละคือมนุษย์จริงๆที่บางครั้งบางอย่างก็ใช่ว่าจะฟูมฟายไปทุกเรื่อง การแสดงของฮงคยองและโนยุนซอจึงเต็มไปด้วยความน่ารักและมองโลกในแง่ดีการสื่อสารทางอารมณ์ที่ดูเป็นมนุษย์ธรรมดาเป็นคนธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปจึงทำได้อย่างที่ต้องการ แต่ทั้งสองคือนักแสดงที่มีชื่อเสียงในระดับหนึ่งแล้วผ่านการแสดงในงานใหญ่ๆมาแล้วจึงไม่แปลกอะไรกับการแสดงที่ดูสบายๆและเปี่ยมเสน่ห์ในเรื่องนี้ แต่ที่อาจเรียกได้ว่าฉายแสงออกมาคือคิมมินจีที่สารภาพตรงนี้ว่าเสน่ห์ออกมาแบบล้นๆจนขโมยซีนได้ทุกฉากทั้งที่นึกไม่ออกว่าเธอเคยแสดงเรื่องไหนมาบ้างโดยไม่ต้องไปหาข้อมูล เหมือนลมเย็นพลิ้วแผ่วริมทะเลสาปที่เย็นสบายดูแล้วผ่อนคลายรู้สึกดีแต่มีอะไรแอบแฝงไว้อย่างคมคายโดยไม่ต้องขยี้มากมาย บางครั้งการดูหนังรีเมคโดยไม่ได้ดูต้นฉบับอาจเป็นความโชคดีและเรื่องนี้ผู้เขียนโชคดีที่ไม่ได้ดูฉบับไต้หวันและคงหาดูยากเพราะหนังเก่าพอควร แต่การไม่รู้คือการเติมเต็มความรู้สึกแม้จะมีสัมผัสความเป็นหนังไต้หวันในการเล่าเรื่องที่เรียบง่านตัวละครที่เป็นมนุษย์เดินดินทั่วไปไม่ใช่คุณหนูคุณชาย ซึ่งนั่นมันแน่นอนอยู่แล้วเพราะนี่คือหนังรีเมคที่อารมณ์ใช่ความรู้สึกถูกต้องมีความเป็นเกาหลีในบริบทบางอย่างแต่ความรู้สึกผ่อนคลายกบภาพสวยเพลงเพราะที่มักจะเห็นได้จากไต้หวันในทุกเรื่อง ทั้งยังมาพร้อมความเงียบงันปล่อยให้การสื่อสารผ่านสีหน้าแววตามากำหนดหัวใจในหนังง่ายๆสบายๆมาเพื่อให้ดูแล้วรู้สึกดีแบบนี้ ความรู้สึกจึงเหมือนการเดินทอดน่องริมทะเลสาปด้วยความเงียบพร้อมกับการคิดทบทวนชีวิตและความฝันที่มันไม่ควรเอาของใครมาแบก และหนังเรื่องนี้จึงคล้ายกับลมเย็นริมทะเลสาปที่คลอพลิ้วแผ่วเบาเมื่อจับต้องกายาก็รู้สึกว่า...ดีต่อใจ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก 1,2 / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7,8 จาก Instagram plusm_entertainment เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !