Wicked ภาพยนตร์แฟนตาซีผสมความมิวสิคคัล หรือการเล่าเรื่องราวผ่านเสียงเพลง เป็นอีกหนึ่งผลงานที่อยู่ในจักรวาลเดียวกับ Oz the Great and Powerful - ออซ มหัศจรรย์พ่อมดผู้ยิ่งใหญ่ โดยในเรื่อง Wicked จะเล่าเรื่องราวของตัวละคร “เอลฟาบา” (รับบทโดย ซินเธีย เอริโว) มนุษย์ที่พลังเวทมนตร์ตั้งแต่กำเนิดแต่กลับมีสีผิวไม่เหมือนกับคนอื่น และเพื่อนสนิทของเธออย่าง “กลินดา” (รับบทโดย อารีอาน่า กรานเด) ผู้ที่เพอร์เฟคตั้งแต่หัวจรดเท้า เป็นที่รักของทุกคนแต่ยังไม่เก่งเรื่องเวทมนตร์ สามารถติดตามชมเรื่องราวของ 2 สาวในเรื่อง Wicked ได้ที่ทรูไอดี รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! https://www.instagram.com/p/C-77UD-pOiE/ สามารถรับชมภาพยนตร์ Wicked – วิคเค็ด ได้ที่ ทรูไอดี นอกจากเรื่องราวสุดแฟนตาซีของโลกเวทมนตร์และเสียงเพลงอันไพเราะของนักแสดงแล้ว ภาพยนตร์ Wicked เองก็แฝงไปด้วยข้อคิดให้เราได้ฉุกคิดได้ในหลาย ๆ อย่าง จึงขอเสนอ 7 ข้อคิดหลังจากที่เราได้รับชม Wicked และอาจจะต้องมีการสปอยล์เนื้อหาบางส่วนจากภาพยนตร์ เอาล่ะ! ข้อคิดจะมีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย! 7 ข้อคิดหลังจากรับชม Wicked - วิคเค็ด 1. อย่าตัดสินใครจากภายนอก ถือว่าเป็นประเด็นหลักเลยที่สามารถเห็นได้ทันทีหลังจากชมภาพยนตร์ คือการตั้งคำถามกับการตัดสินคนจากรูปลักษณ์หรือสิ่งที่คนอื่นพูดถึง “เอลฟาบา” หรือ “แม่มดตัวเขียว” ถูกมองว่าเป็นคนชั่วร้ายจากรูปลักษณ์ของเธอและข่าวลือที่แพร่สะพัด ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอเป็นคนที่มีจิตใจดีและกล้าหาญ 2. ความกล้าหาญที่จะเป็นตัวของตัวเอง “เอลฟาบา” ต้องเผชิญด้วยตัวคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวมาโดยตลอด แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองนั้นไร้ค่า เพราะเธอเองมีความกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง ไม่ยอมลดตัวให้คนอื่นมาตัดสินแทนเธอ แม้ว่าจะไม่ได้ถูกยอมรับจากผู้คน แต่เธอก็ตัดสินใจเส้นทางที่ตัวเองตั้งใจจะเผชิญแล้วนั่นเอง 3. มิตรภาพมีค่ามากกว่าความแตกต่าง ความแตกต่างของคน 2 คน ไม่ว่าจะเป็นฐานะการใช้ชีวิต สีผิว นิสัย หรือทัศนคติ แต่ทั้ง “เอลฟาบา” และ “กลินดา” ก็ได้เป็นมิตรสหายต่อกัน จากตอนแรกที่มีแต่ความเกลียดชัง แต่เพราะทั้งคู่เริ่มเปิดใจกันและกัน แชร์มุมมองของตัวเอง ทั้งคู่จึงสามารถเรียนรู้กันและกันและเติมเต็มซึ่งกันและกันได้ 4. การตั้งคำถามกับ "ความจริง" ที่ถูกยัดเยียดให้เรา ใน Wicked เราได้เห็นว่า "ความจริง" ที่คนในอาณาจักรออซมีความเชื่อเกี่ยวกับ “เอลฟาบา” และ “พ่อมดแห่งออซ” นั้น ถูกสร้างขึ้นจากการบิดเบือนและการโฆษณาชวนเชื่อเท่านั้น ตัวของพ่อมดเองก็ไม่ได้มีพลังเวทมนตร์อะไรอย่างที่ทุกคนคิดกัน แต่เป็นการใช้สิ่งประดิษฐ์เพื่อสร้างภาพลักษณ์ในการควบคุมอาณาจักรก็เท่านั้น นั่นเลยทำให้ “เอลฟาบา” ไม่พอใจกับอุดมการณ์ของพ่อมดที่ตนเองเคารพนับถือมาตลอด เธอจึงกล้าที่จะตั้งคำถามออกมา แต่นั่นกลับให้ตัวเองถูกตราหน้าว่าเป็นศัตรูเพียงเพราะไม่ได้ถูกยัดเยียดความเชื่อผิด ๆ เหมือนกับคนอื่น 5. ความฝันอาจไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่ก็ไม่มีใครผิดที่ต้องการมัน ทั้ง “เอลฟาบา” และ “กลินดา” ต่างมีความฝันที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ทางด้านของกลินดา อยากจะเป็นที่รักของทุกคนในอาณาจักรออซ เลยเอาแต่ยึดติดรักษาภาพลักษณ์ที่ดีเพื่อให้คนอื่นดูแล้วรู้สึกน่าเคารพและเอ็นดูเมื่อได้เห็นเธอ ในขณะเดียวกัน ทางด้านของเอลฟาบากลับต้องการสร้างโลกให้ดีขึ้นกว่าเดิม เพราะไม่พอใจอุดมการณ์ของพ่อมดออซ จึงตัดสินใจจะช่วยเหลือผู้ที่อ่อนแอกว่า โดยไม่สนใจว่าจะถูกตราหน้าว่าเป็นแม่มดผู้ชั่วร้ายก็ตาม แม้ว่าทั้ง 2 คนจะมีเส้นทางที่ต่างกัน แต่พวกเธอก็มีสิทธิ์ที่จะไล่ตามความฝันในแบบของตัวเอง 6. ไม่มีใครสมบูรณ์แบบไปหมดทุกอย่าง ในเรื่อง Wicked “กลินดา” ถูกวางคาแรคเตอร์ให้เป็นคนดี ไม่ว่าจะเป็นการกระทำ คำพูด และนิสัย ล้วนเป็นที่รักของทุกคน ทุกคนต่างให้ความนับถือกลินดาอยู่เสมอ ซึ่งดูเหมือนมันจะเป็นสิ่งที่เพอร์เฟคไปหมดทุกอย่าง แต่ความจริงแล้วเธอเองก็มีข้อบกพร่องและมีข้อผิดพลาดอยู่เช่นกัน เช่น กลัวสายตาคนอื่นที่จะมองมาที่ตัวเองไม่ดี , ติดภาพลักษณ์ที่ดีมากเกินไป , มีนิสัยเอาแต่ใจ เป็นต้น ในขณะเดียวกัน “เอลฟาบา” กลับถูกมองเป็นตัวร้ายมาตั้งแต่ต้น เพียงเพราะตัดสินจากภายนอก โดยแท้จริงแล้วเธอเองก็เป็นคนที่ตรงไปตรงมา มีความซื่อสัตย์ อ่อนโยนต่อผู้อื่นเป็นเหมือนกัน แต่ไม่มีเคยมีใครให้โอกาสเธอได้แสดงด้านนี้ให้เห็นเลย 7. ชีวิตคนเราไม่ได้เป็นสีขาวและสีดำเสมอไป สุดท้ายแล้ว ภาพยนตร์ก็ต้องการจะสื่อเรื่องราวว่าระหว่าง “เอลฟาบา” และ “กลินดา” ว่ามีที่มาเป็นไปได้ยังไง ทุกตัวละครไม่มีคำว่าดีทั้งหมดหรือเลวทั้งหมด เพราะทุกคนต่างก็มีเหตุผลและทัศนคติของตัวเองกันทั้งนั้น เปรียบเหมือนกับโลกความเป็นจริงของเราที่ชีวิตเต็มไปด้วยความหลากหลาย ไม่มีหรอกคำว่า “ถูก” หรือ “ผิด” แต่แค่เราเข้าใจและยอมรับมันได้ เรื่องทุกอย่างมันก็จะง่ายขึ้น จบไปกันแล้วกับ 5 ข้อคิดจากภาพยนตร์ Wicked บอกเลยว่าหลายข้อก็สามารถนำไปปรับใช้ชีวิตกับประจำวันได้เลยนะ สื่อบันเทิงต่าง ๆ นอกจากจะได้รับความบันเทิงแล้ว ก็อย่าลืมนำข้อคิดจากในภาพยนตร์มาสร้างความตระหนักรู้ให้กับตัวเองกันด้วยนะ เครดิตรูปภาพ ภาพปก มีรูปภาพที่ 1 จาก wickedmovie รูปภาพประกอบที่ 1 , 2 , 3 , 4 , 5 , 6 , 7 , 8 จาก wickedmovie เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !