รีวิว Attack on Titan: The Final Season Part 3.2 (ครึ่งหลัง) บทสรุปของการเดินทาง 10 ปีที่อาจไม่สวยงามแต่แสนตรารึง ยกให้เป็นหนึ่งในอนิเมะที่ควรดูซักครั้งก่อนตาย! บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ Attack on Titan: The Final Season Part 3.2 (ครึ่งหลัง)สำหรับ Attack on Titan: The Final Season Part 3.2 ที่เพิ่งถูกปล่อยออกมานี้จะเป็นอนิเมะตอนเดียวที่มีความยาวเกือบ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งในตอนนี้ก็จะเป็นเรื่องราวที่ต่อจากตอนก่อนหน้านี้หลังจากที่เอเรนได้ใช้พิภพคำรามและพยายามที่จะล้างบางมนุษย์ ในตอนนี้จะให้เราได้เห็นศึกครั้งสุดท้ายระหว่างเอเรนที่ใช่พลังไททันบรรพบุรุษ กับเพื่อนๆ หน่วยสำรวจของเขาที่พยายามมาขัดขวางการล้างบางในครั้งนี้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วบทสรุปครั้งสุดท้ายนี้จะจบลงอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Attack on Titan: The Final Season Part 3.2 (ครึ่งหลัง) สามารถรับชมได้แล้วตอนนี้ทาง Netflix และ Prime Videoตัวอย่าง Attack on Titan: The Final Season Part 3.2 (ครึ่งหลัง)รีวิว Attack on Titan: The Final Season Part 3.2 (ครึ่งหลัง)สำหรับตอนใหม่นี้หลังจากดูจบไม่มีคำในไหนหัวนอกจาก "ดีงามไร้ที่ติ" มันคุ้มค่าการรอคอยมากจริงๆ ตอนก่อนหน้านี้ที่ว่าดีงามแล้ว ตอนจบนี้มันดีงามยิ่งขึ้นไปอีก ประเด็นของตอนนี้ก็ไม่ได้มีอะไรมากมาย เพราะเรื่องราวทั้งหมดมันเฉลยไปหมดแล้ว ตอนนี้เป็นแค่เพียงการสู้ครั้งสุดท้าย และบทสรุปของเรื่องราวอันยาวนานให้เราได้เห็นว่าท้ายที่สุดแล้วมันไปจบที่ตรงไหน มันอาจเป็นตอนจบที่ไม่สวยงามมากนัก แต่มันก็เป็นตอนจบที่แฟนๆ อย่างเราโคตรจะประทับใจ มันจะติดอยู่ในใจเราไปตลอดกาล ส่วนตัวคือชอบซีนที่ตัวละครพูดคุยกันมากๆ บทสนทนาในตอนนี้มันชวนให้เราได้ขบคิดอยู่บ่อยครั้ง มิติของตัวละครแต่ละตัวที่อาจจะแตกต่างกันแต่ก็ไม่มีใครถูกใครผิด เขาสร้างตัวละครออกมาได้มีความเป็นมนุษย์มากๆ สิ่งที่ตัวละครแต่ละตัวเป็นมันมาจากสิ่งที่พวกเขาพบเจอมา ทุกอย่างมันหลอมรวมให้กลายเป็นแบบนั้น คือบทมันดีมากจริงๆ ในส่วนของบทนี่ไม่มีอะไรจะติเลยส่วนตัวผมชอบฉากที่อามินพูดคุยกับซีคมากๆ ชอบตอนที่ซีคเล่าเรื่องราวย้อนกลับไปตั้งแต่จุดกำเนิดของโลก เพื่ออธิบายว่าทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยากใช้พลังไททันให้ชาวเอลเดียเป็นหมันและสูญพันธ์ุ ไดอะล็อคตอนนี้มันคมมากจริงๆ ซีคเขาเล่าตั้งแต่แรกว่าโลกเราตอนแรกนั้นไร้สิ่งมีชีวิต มันมีเพียงธาตุและสสารที่แสนว่างเปล่า ทุกอย่างวนเวียนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งวันหนึ่งมีสิ่งที่เหลือไว้นั่นคือสิ่งมีชีวิต พร้อมอธิบายว่าสิ่งมีชีวิตมีเป้าหมายเดียวคือการสืบพันธ์ุ เพราะการสืบพัมธุ์เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้ แต่สิ่งที่มาพร้อมกับชีวิตก็คือ "ความกลัว" ความกลัวที่จะตาย ความกลัวที่จะสูญพันธ์ุ ซึ่งซีคเขามองว่าสุดท้ายแล้วแม้จะสืบพันธ์ุต่อไปแค่ไหน มันก็มีเพียงความว่างเปล่า เขาโอบรับความกลัวนั้นและเลือกที่จะทำให้ชาวเอลเดียสูญพันธ์ุเพื่อยุติสงคราม เราจะเห็นได้เลยว่าแนวทางของซีคเองมันก็มีเหตุผลและฟังขึ้นเหมือนกัน ทว่าในทางกลับกัน อามินนั้นมองเห็นอีกทาง เพราะนอกจากสิ่งมีชีวิตจะมีความกลัวแล้ว ความกลัวนี้ก็ก่อให้เกิดความหวังเช่นกัน อามินเลือกโอบรับความหวังเอาไว้ หวังว่าทุกอย่างจะแก้ไขได้ หวังว่าเอเรนเพื่อนรักของเขาจะเปลี่ยนใจ นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมอามินถึงเลือกสู้ต่อ คือ 2 ตัวละครนี้มันมีจุดยืนตรงกันข้ามกัน แต่สิ่งที่มีร่วมกันคือความหวังดีที่อยากให้ความโหดร้ายนี้สิ้นสุดลงนอกจากฉากนี้แล้วก็คงเป็นฉากตอนท้ายหลังทุกอย่างสิ้นสุดลง ฉากที่หลังจากเอเรนถูกสังหารและเฉลยทุกอย่างว่าก่อนหน้านี้เขาได้เคยไปพบกับมิคาสะและอามินเพื่อพูดคุยกัน แต่เขาลบความทรงจำนั้นทิ้งและให้ทั้งคู่กลับมาจำได้อีกทีตอนทุกอย่างสิ้นสุดแล้ว ซึ่งมันทรงพลังจริงๆ ฉากของมิคาสะเราได้เห็นว่าเอเรนเองก็อยากจะอยู่กับเธอ แต่เขาต้องฝืนใจบอกให้มิคาสะเดินหน้าต่อไป ในทางกลับกันในตอนที่เขาไปคุยกับอามินที่เป็นเพื่อนสนิท เขากลับเปิดเผยทุกความรู้สึกออกมา เปิดเผยมาโต้งๆ ว่าที่จริงแล้วเขารักมิคาสะแค่ไหน เขาไม่อยากให้มิคาสะไปหลงรักผู้ชายคนไหนนอกจากเขา ก่อนที่เขาจะสรุปทุกอย่างว่าทั้งหมดที่เขาทำ มันเป็นเพราะเขาบ้า เขาเป็นเพียงคนบ้าที่ได้รับพลังที่ยิ่งใหญ่มา มันก็แค่นั้น เรื่องทุกอย่างมันเลยเป็นเช่นนี้ ส่วนอามินเองก็ยังคงรักเอเรนและบอกว่ามันเป็นความผิดของเขาเช่นกันที่ทำให้เอเรนอยากรู้จักโลกหลังกำแพง เพราะอามินทำให้เขาคาดหวัง พอเอเรนมาเจอโลกนอกกำแพงจริงๆ เขากลับรับไม่ได้จนกลายเป็นบ้าแบบนี้ คือมันเป็นตอนจบที่แสนเจ็บปวด ทุกตัวละครได้รับบาดแผลกันหมด แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่ามันยังเป็นตอนจบที่แสนตราตรึงเช่นกัน อีกฉากที่ชอบและติดตามากๆ คือฉากที่เหล่าผู้คนหนีเอาชีวิตรอดจากไททันและส่งเด็กต่อกันไปเรื่อยๆ เพื่อให้เด็กรอดได้นานที่สุด ฉากนี้มันเจ็บปวดแต่สวยงามมาก ทุกคนพร้อมใจกันช่วยเด็กแม้รู้ว่าตัวเองจะต้องตาย เพราะเด็กคือตัวแทนของอนาคต และเด็กก็ไม่ได้รู้เรื่องของความโหดร้ายเหล่านี้เลย อีกฉากที่ตราตรึงก็คือฉากที่รีไวล์แสดงท่าถวายดวงใจครั้งสุดท้าย มันอิมแพ็คมากจริงๆ ส่วนในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากนี้ก็ดีงามมากเช่นกัน ลายเส้น งานแอนิเมชั่น การตัดต่อ ดนตรีประกอบ ทุกอย่างมันไร้ที่ติ ส่วนตัวยกให้เป็นอนิเมะที่ผมรักที่สุด ขอให้ 10/10 ไปเลย ไปดูกันเถอะครับ ไม่ผิดหวังแน่นอน ปล.ขอกราบ MAPPA และ WIT STUDIO รวมไปถึงอาจารย์ฮาจิเมะ อิซายามะ ที่สร้างอนิเมะเรื่องนี้ขึ้นมาสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนังบทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว มนต์รักนักพากย์ (2023) หนังไทยแห่งปีที่ไม่ควรพลาด เปรียบเสมือนจดหมายรักถึงวงการภาพยนตร์ไทย ดูได้ทาง Netflixรีวิว GOOD NIGHT WORLD (กู๊ดไนท์ เวิลด์) อนิเมะโคตรดีเรื่องล่าสุดจาก Netflix ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง! [มีพากย์ไทย]รีวิว Doona! (ดูนา ไอดอลสาวข้างบ้าน) ความรักของหนุ่มจืดที่ดันย้ายไปอยู่ข้างบ้านอดีตไอดอลดัง [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflixรีวิว The Continental (เดอะ คอนทิเนนทัล) ซีรีส์ภาคแยกที่ยังเต็มไปด้วยกลิ่นอายของ John Wick ดุเดือดเลือดสาดไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง! ดูได้ทาง Prime Videoรีวิว Lupin (จอมโจรลูแปง) ภาค 3 เดินเรื่องสนุกย่อยง่ายตามมาตรฐานเดิม มีพากย์ไทย ดูได้ทาง Netflixรีวิว The Fall of the House of Usher (บ้านปีศาจ) เรื่องราวของตระกูลเศรษฐีที่ตายปริศนายกครัว [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflixแหล่งที่มาทั้งหมดจาก Netflix Thailand, Attack on Titanภาพปก: ภาพที่ 1ภาพประกอบ: ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4วิดีโอ: Attack on Titan (ฝ่าพิภพไททัน) The Final Season 4 Part 3 | ตัวอย่างอย่างเป็นทางการ จาก Youtube: Prime Video Thailandจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี