เป้ ไฮร็อก เผยสุดลำบากโดนโทรทวงหนี้ทุกวัน ซึ้งแฟนคลับช่วยประมูลของสะสมหาเงินช่วงไร้งาน

โดนพิษโควิด-19 ถูกแคนเซิลงานทั้งหมด ไม่มีเงินจ่ายหนี้ จนต้องตัดใจขายของสะสม สำหรับ เป้ ไฮร็อก-สุรัช ทับวัง ที่ล่าสุดเจ้าตัวได้มาเปิดใจในรายการ ถามสุดซอย ที่เป้ได้บอกเล่าว่า ก่อนที่จะมีโควิดรอบแรก ไฮร็อก ได้รวมตัวและรับงานคอนเสิร์ต ที่เรียกว่าอยู่ได้แบบสบายๆ

“วงเรารับประมาณเกือบแสน ก็ในเรตปกติ ทั่วไป ก็มีสภาพคล่อง”

จนกระทั่งเจอพิษโควิดในรอบแรก หายหมดเลย เพราะร้านเขาเจอผลรับผลกระทบ เขาไม่มีรายได้ เขาก็ไม่มีเงินมาจ้าง

“ถ้าเขาจัดคอนเสิร์ตคนมารวมตัวกัน แล้วถ้าติดโควิดขึ้นมา ถูกสั่งปิดร้านเขาจะยุ่ง เขาเลยเซฟตัวเองไปด้วย บางงานก็เลื่อนไปก่อน บางงานก็แคนเซิลไปเลย”

เริ่มไป 7-8 เดือนเกือบปี กว่าจะฟื้น พอฟื้นเสร็จกว่าจะเปิดผับได้ก็เป็นปี แล้วเงินที่เก็บสะสมไว้ ก่อนหน้าเกิดโควิดรอบที่ 1 เราเก็บสะสมไว้พอสมควร เป็นเงินที่เราเก็บเอาไว้เผื่อป่วย วางแผนเอาไว้จะเก็บเงินไว้ตอนอายุเยอะขึ้น

“พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้ เราเล่นคอนเสิร์ตไม่ได้ ตอนแรกก็พยายามหาเงิน ทำเสื้อขาย เป็นโลโก้ไฮร็อก  ทำหมวก ทำแมสก์ขาย เราก็เอาเงินตรงนั้นมาเป็นค่าใช้จ่าย มีค่าผ่อนรถ ผ่อนบ้าน บัตรเครดิต สารพัดเลย”

“จริงๆ ผมอยู่บ้านคนเดียว ภาระค่าใช้จ่ายก็มีค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ก็ประมาณ 4-5 หมื่นต่อเดือน เป็นรายได้ที่ฟิกซ์พอสมควร”

ไม่ได้กินเยอะ?
“ไม่ได้เยอะ ผมใช้จ่ายน้อย ตื่นมากินข้าวผัดกระเพรา 40-50-60 บาท ชีวิตผมก็อยู่แบบนี้ กินง่ายอยู่ง่าย ไม่มีฟุ่มเฟือยอะไร แต่มีภาระในชีวิตประจำวันที่ต้องใช้ บางทีรถตู้ต้องใช้ จำเป็นสำหรับวงเรา เราก็เอามันไว้”

จนกระทั่งโควิดรอบแรกเบาไป งานก็เริ่มเข้ามา ติดต่อยาวก่อนคริสต์มาส ตั้งแต่พ.ย. ยาวถึงปีใหม่ จนถึงวันนี้ วันแห่งความรัก งานเยอะมาก พอมีโควิดรอบสอง ก็โดนแคนเซิลอีกรอบ

“มีอยู่วันนึงเราซ้อมเพื่อเล่นวันปีใหม่ เคาท์ดาวน์ เราซ้อมกันหนักมาก อยากเล่นเคาท์ดาวน์ เวลาเคาท์ดาวน์จะอัพเกรดนักดนตรี สมมติเรารับประมาณนี้ เคาท์ดาวน์จะอัพไปอีก จากแสนเป็นสองแสน พอมีโควิดทุกคนก็ลุ้นว่าอย่านะๆ พอถูกแคนเซิลก็เรียบร้อย กลับบ้าน ทุกคนบอกซ้อมกันซะเหนื่อยเลย ซ้อมหนักมาก ซ้อมกันทุกวัน”

ทั้งนี้เมื่อถามถึงหนี้สินที่ทำให้ต้องออกมาไลฟ์สด หาหนทางให้ชีวิตอยู่รอด คำว่าหนี้สินมากขนาดไหน?

“ทวงเช้าทวงเย็น(หัวเราะ) จริงๆ เมื่อก่อนผมทำอะไรจะตรงมาก เพราะรายได้เราโอเค ไม่ค่อยได้ค้าง พอค้างก็รู้สึกแปลกๆ มั้ง เขาก็โทรมาทวง ผมก็บอกไปตรงๆ ว่าถ้าผมจ่ายคุณแล้วจะเอาอะไรกิน พูดตรงมาก บางทีโทรมาทวง จนรู้สึกว่าทำไมขยันทวงจัง (หัวเราะ) ปวดหัวมาก มันไม่ทันจริงๆ สมมติเรามีเงินอยู่หมื่นนึง แล้วต้องจ่ายเขาหมื่นนึง เราจะเอาอะไรกิน นึกอยู่ตลอดเลย”

“เป็นหนี้ปกติ อย่างเราเช่ารถตู้เขาไปเล่นคอนเสิร์ต ก่อนหน้านั้นเราไปทัวร์คอนเสิร์ตต่างจังหวัด แล้วเลยไปสักชม. นึงเขาคิดเป็นอีกวันนึงเลย เราก็เสียความรู้สึก แล้วเสียอีก 2 พัน เราก็เลยรู้สึกว่าเก็บไว้ให้ลูกน้องกินดีกว่า ก็เลยซื้อรถตู้เองดีกว่า แล้วก็มีบ้าน มีบัตรเครดิต ไม่เคยไปกู้นอกระบบ”

แต่จุดเปลี่ยนที่ต้องออกมาไลฟ์สดขายของก็คือ “มีอยู่วันนึงผมเครียดมาก จะไปทางไหนดี ผมโพสต์แต่เรื่องเศร้าๆ ทุกคนก็บอกว่าสู้ๆ นะพี่เป้  ผมเข้าบ้านไป ทำไมของที่บ้านเยอะมาก ทำไมไม่เอามาขาย นาฬิกาเกือบร้อยเรือนที่ผมสะสมไว้ พอเปิดลิ้นชักมา มันไม่มีประโยชน์สำหรับผมเลย แต่ว่าตอนนี้มันมีประโยชน์กับผมเพราะผมอยากได้ตังค์เอามาใช้จ่าย เลยไลฟ์สด โทรหาน้องคนนึงชื่อหนุ่ย ชวนมาไลฟ์สด เอาของไปขาย น้องเขาบอกจะดีเหรอ ก็บอกว่าไม่ตายก็หาใหม่ได้ ก็เลยไลฟ์สดขายของ ราคาหมื่นสองหมื่นไม่สน จะขาดทุนก็ไม่สน”

“อย่างนาฬิการักมาก เก็บตังค์ซื้อ ผมซื้อไม่แพง ประหยัด ประมาณหมื่นกว่าบาท เอามาประมูล ตั้งราคาประมาณ 1,200-1,500 ตั้งราคาต่ำมาก ไม่ว่าของจะแพงขนาดไหน มีน้องหนุ่ย ซาวด์เอ็นจิเนียร์ในวง เขาพูดเก่งก็มาช่วยกัน”

ซึ่งก็ได้แฟนคลับที่อยากเก็บของตนเอาไว้มาช่วยกันซื้อ “ผมอ่านแล้วน้ำตาจะไหล เขาบอกว่าเขาดีใจมาก ที่ได้นาฬิกาผม เขาจะเก็บเอาไว้ เขารักเรา จากที่เสียดายของ ผมเลิกเสียดายเลย มันมีค่าสำหรับเขา แล้วทุกอย่างเป็นของสะสมของผมจริงๆ ไม่ได้ซื้อหา เป็นของสะสมจริงๆ”

“สามวัน 20 กว่าชิ้น แต่ของเยอะมาก ไลฟ์ครั้งนึงก็ชม.ครึ่งถึงสองชม. วันแรกที่ไม่เป็นข่าว ได้ประมาณ 2 หมื่นบาท ตอนที่ยังไม่เป็นข่าว ไม่มีใครรู้ พอครั้งที่สอง ดีหน่อย รายได้ขึ้นมาหลัก 9 หมื่นบาท โห ดีมาก พอเมื่อคืนอีกครั้ง แสนขึ้นเลยครับ”

และมีศิลปินที่เขาอยากช่วยเหลือ อย่างพี่หรั่ง ร็อกเคสตร้า เมื่อคืนแกเอากีต้าร์มาให้ประมูล แกเห็นเราลำบาก เอากีต้าร์มาให้ฟรีๆ ให้ประมูล แล้วกีต้าร์พี่หรั่งตัวนึงได้ 8 หมื่น เพราะมีลายเซ็น คนอยากเก็บเขาก็ซื้อ ซึ่งตอนนี้ก็ตั้งเป้าว่าจะไลฟ์สดต่อไปจนกว่างานคอนเสิร์ตจะกลับมาอีกครั้ง