รีวิวหนัง "ไชน่าทาวน์ ชะช่า" มะรุมมะตุ้มทะลุมิติสู่ยุคอั้งยี่ ขำขันแบบตลกคาเฟ่
ก็น่าจะสักพักใหญ่ ๆ แล้ว คงมากกว่าสิบปีขึ้นไปด้วยซ้ำ ที่ดาวตลกชื่อดัง "จาตุรงค์ พลบูรณ์" หรือที่เรารู้จักในชื่อ ลุงรงค์ ไม่ได้ลุยสร้างหนังของตัวเองอย่างเต็มตัว นี่ถือว่าเคยเป็นดาวตลกที่เคยทำหนังฮอตฮิตร้อยล้านมาได้แล้ว แล้วศักราชนี้เขาก็กลับมาด้วย "ไชน่าทาวน์ ชะช่า" หนังบู๊ปนฮา ผนวกเข้ากับลีลาแฟนตาซีทะลุมิติ จากไอเดียสุดสร้างสรรค์ของเขาเอง ที่มีทั้งซุปตาร์และดาราตลกคนสนิทตบเท้ามาร่วมแจมเพียบ
ไชน่าทาวน์ ชะช่า ว่าด้วยเรื่องของ กี้ เด็กสาวมหาวิทยาลัยที่เกิดมาพร้อมกับโชคชะตาที่เรียกได้ว่าดวงซวยมาตั้งแต่เกิด ก่อนที่จะมีอาแปะมาทักว่าเพราะต้นตระกูลของเธอนั้น อดีตเคยเป็นอั้งยี่ตัวร้ายและมีจุดจบที่อดสู ชาวบ้านพากันรุมสาปแช่ง ทำให้ผลพวงของคำแช่งยังตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น ทำให้เธอจำใจขอลองทำพิธีนอนโลงศพเพื่อล้างซวย แต่ปรากฏว่าเรื่องประหลาดก็ได้เกิดขึ้น เมื่อเธอฟื้นขึ้นมาอีกทีพบว่าตัวเองอยู่ในร่างของตี๋หนุ่ม ที่เป็นมือขวาคนสนิทของเหล่าก๋งของเธอ เมื่อเกือบร้อยปีก่อน
ก่อนจะเริ่มละเลงรีวิว...ต้องขอสูดลมหายใจลึก ๆ สักฟอด เพราะการคัมแบ็กงานกำกับอีกหนในครั้งนี้ของลุงรงค์ ถือว่ายังคงรักษามาตรฐานความเป็นนักสร้างหนังของเขาไว้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย เทคนิคและจังหวะการหยอดมุก สร้างอารมณ์ให้กับคนดูยังแพรวพราวไม่มีเปลี่ยน เพียงแต่ว่ายุคสมัยที่เปลี่ยนไปเป็นสิบ ๆ ปีแล้ว ต้องยอมรับว่าบางโทนและบางลีลาของลุงรงค์ก็ค่อนข้างจะตกยุคไปประมาณหนึ่งแล้วเช่นกัน
ฝีมือทำหนังของลุงรงค์ในครั้งนี้ ถือว่าก็ไม่ได้แย่ แต่ก็จัดได้ว่ายังไม่ได้ดี เพราะหนังเต็มไปด้วยจุดบกพร่อง ชนิดที่คงจะไม่มานั่งสาธยายอะไรขนาดนั้น เพราะบางจุดที่พยายามมองข้าม แต่ก็ยังปรากฏอีกจุดที่บกพร่องอยู่ไปตลอด 100 นาทีนิด ๆ ของหนัง แม้ว่าคอนเซ็ปต์และโครงเรื่องของ ไชน่าทาวน์ ชะช่า จะค่อนข้างเข้าท่าอยู่เหมือนกัน แต่แอบเสียดายที่วิธีการปรุงแต่งของที่มีอยู่ในมือนั้น ยังทำได้ไม่ถึงรสชาติ มันยังขาด ๆ เกิน ๆ ไปหมด
แอบตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะตอนที่หนังจบแล้วเห็นเครดิตรายชื่อผู้สร้างขึ้นมา พบว่า ไชน่าทาวน์ ชะช่า มีทีมเขียนและขัดเกลาบทหนังเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่า 5 คน ซึ่งแอบชำเหลืองเห็นชื่อผู้กำกับหนังสุดฮาประจำยุคนี้มีส่วนร่วมช่วยปรุงแต่งด้วย พอเห็นเช่นนี้ก็ค่อนข้างรู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที เพราะได้ตัวท็อป ๆ ทั้งนั้น แต่การปรุงแต่งเรื่องราวในหนังออกมานั้น เต็มไปด้วยจังหวะที่สะเปะสะปะ ไร้แก่นสารไม่สักหน่อย ถึงจะมีข้อดีตรงที่หนังชูประเด็นหลักได้ค่อนข้างเข็มแข็งดีอยู่
แน่นอนว่า ไชน่าทาวน์ ชะช่า ยังต้องไปแก้ที่ตัวบทหนังอีกเยอะเลย เพราะมันกลายเป็นแม่แรงหลักที่ช่วยประคับประคอบทุกสิ่งของหนังเรื่องนี้ ประเด็นที่ค่อนข้างแข็งดี แต่สุดท้ายก็ดันมาโดนกลบไปด้วยจังหวะของมุกตลกห้าบาทสิบบาท สไตล์ตลกคาเฟ่เมื่อ 20 ปี ที่เก่าและเชยไปเสียแล้ว ซึ่งถ้าใครเป็นคนเส้นตื้นก็น่าจะขบขันนำอารมณ์พอได้ แต่ถ้าไม่..ก็แทบจะไม่สร้างปฏิกิริยาใด ๆ กับคนดูได้เลย เพราะมันเป็นมุกซ้ำ ๆ ที่หาดูได้ทั่วไป
องค์ประกอบงานสร้างของ ไชน่าทาวน์ ชะช่า ก็เป็นไปตามทุนที่ได้เลย โปรดักชันของหนังก็ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรสักเท่าไหร่ หนังมีความพีเรียดปะปนอยู่ แต่การสร้างแวดล้อมและฉากต่าง ๆ นั้นก็ยังดูไม่ค่อยสมจริงและกลมกลืนมากนัก แบบว่าพอถูไถไปได้ การทำบรรยากาศโดยรวมออกมายังไม่ค่อยมีมนต์ขลัง ซึ่งก็พยายามจะทำเป็นมองไม่เห็นและผ่าน ๆ ไปเช่นกัน
แต่ที่ค่อนข้างใช้ได้และต้องชื่นชมก็คงจะเป็นงานคอสตูม ที่ถือว่าเก็บรายละเอียดความเป็นไทย-จีนในยุคสมัยนั้นได้น่าพอใจ ถึงอาจจะไม่ได้เป็นงานเสื้อผ้าที่ละเอียดยิบอะไรขนาดนั้น แต่ต้องยอมรับว่าเสื้อผ้าหน้าผมของนักแสดงในพาร์ทย้อนอดีต มีส่วนช่วยในการเซ็ตไทม์ไลน์ของหนังให้ดูมีความสมจริงได้ดีอยู่ในระดับที่พึงพอใจ
ส่วนพาร์ททางด้านการแสดงนั้น ถึงตัวหนังเรื่องนี้จะชูโรงความโดดเด่นให้ "อาเล็ก ธีรเดช" กับ "มิ้นท์ รัญชน์รวี" เป็นคู่พระนางตัวนำ แต่น่าเสียดายที่รูปร่างและการดีไซน์บทบาทของพวกเขาในหนังเรื่องนี้ค่อนข้างไร้เสน่ห์ แทบจะไม่สามารถขับตัวละครของพวกเขาออกมาได้ นอกจากจะเป็นเพียงการแสดงสวมบทบาทนั้น ๆ ในจบไป
แต่กลายเป็นว่าสปอตไลต์ไปจับจ้องอยู่ที่ "มาร์ช จุฑาวุฒิ" แทน นับว่าเป็นอีกคนที่ค่อยข้างรับบทหนักและเป็นตัวละครเดินเรื่องที่สำคัญ การที่ต้องมารับบทชายในร่างหญิง แม้ว่าจะไม่ใช่อะไรที่แปลกใหม่ แต่เขาก็ถ่ายทอดออกมาได้ในลักษณะเคอะเขินเป็นธรรมชาติอย่างน่าเอ็นดู ถือว่าเขาเป็นคาแรกเตอร์ที่มาช่วยแบกหนังเอาไว้อย่างหนักอึ้ง เป็นได้ทั้งมือขวาและยังมีเคมีความจิ้นที่เข้ากับนักแสดงชายด้วยกันเองได้สุดจึ้ง
ขณะที่ทีมนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ ก็เป็นไปตามเนื้อผ้าของหนังตลกแนวนี้ เพราะแทบจะยกทีมตลกคาเฟ่คนสนิทของผู้กำกับมาทั้งแผง ไม่ว่าจะเป็น "นุ้ย เชิญยิ้ม", "จิ้ม ชวนชื่น" หรือ "ธงธง มกจ๊ก" แท็กทีมกันมาสร้างสีสันและยิงมุก ทั้งที่ตลกและไม่ตลกปะปนกันไป พร้อมทั้งเล่านักแสดงรับเชิญที่มาเพียงแค่มีซีนความสนุก แบบเซอร์วิสแฟนหนังได้พึงพอใจตลอดทั้งเรื่อง
ดังนั้นโดยภาพรวมแล้ว ก็ถือว่า ไชน่าทาวน์ ชะช่า เป็นหนังตลกปนแอคชันแฟนตาซีที่มีเสน่ห์และเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง มันคือหนังตลกที่เต็มไปสูตรสำเร็จแบบที่คนไทยน่าจะคุ้นเคยกันดี สูตรเดิมที่น่าจะได้สัมผัสกันมา 10-20 ปีแล้ว ซึ่งการกลับมาทำหนังในครั้งนี้ของลุงรงค์ก็สัมผัสได้ว่าเป็นการคัมแบ็กด้วยความคิดถึง และพกไอเดียที่เขาอยากจะถ่ายทอดออกมา
เพียงแต่ว่าจังหวะและลีลาในการสร้างคอนเทนท์ในยุคนี้ค่อนข้างเปลี่ยนแปลงไปเร็ว สไตล์การทำหนังของลุงรงค์ไม่ได้แย่อะไร แต่ก็ยังไม่ใช่ผลงานที่ดีนัก เพราะลุงรงค์ก็เคยสร้างงานมาสเตอร์พีชของตัวเองเอาไว้ในระดับขึ้นหึ้งมาแล้ว ครั้งนี้อาจจะห่างหายทิ้งช่วงกับการนั่งเก้าอี้ผู้กำกับและผู้สร้างไปเสียนาน ก็หวังว่าถ้ามีเรื่องต่อไป จังหวะการทำหนังของลุงรงค์น่าจะแจ่มขึ้น และเราก็เชียร์และอยากให้มีหนังที่ลุงรุงค์ทำออกอีกในภายภาคหน้า
ข้อมูลเกี่ยวกับหนัง: ไชน่าทาวน์ ชะช่า
- ประเภท: ตลก / แอคชัน / แฟนตาซี
- ผู้กำกับ: จาตุรงค์ พลบูรณ์
- นำแสดงโดย: ธีรเดช เมธาวรายุทธ, รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร, จุฑาวุฒิ ภัทรกำพล
- ความยาว: 103 นาที
- กำหนดฉายในไทย: 18 มกราคม 2024 (ในโรงภาพยนตร์)
Movie.TrueID METRIC: ไชน่าทาวน์ ชะช่า
- ภาพรวม
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - การเล่าเรื่อง
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10) - การแสดง
⭐⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰ (6/10) - เทคนิคงานสร้าง
⭐⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰ (5/10) - บทภาพยนตร์
⭐⭐⭐⭐✰✰✰✰✰✰ (4/10)
-------------------------------------
>> ดูหนังออนไลน์ได้ที่ Movie.TrueID <<
หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับทรูไอดีสามารถเข้าไปได้ที่ TrueID Help Center เป็นช่องทางใหม่ที่ให้ข้อมูลและการแก้ไขปัญหาเบื้องต้นเกี่ยวกับทรูไอดี คลิกเลย >> https://bit.ly/3xEgdAa