Series Review When Life Gives You Tangerines (2025) ยิ้มไว้ในวันที่ส้มไม่หวาน ชีวิตจะรันทดหรือไม่รันทดอาจขึ้นอยู่กับเราเองว่าจะมองมันยังไง เรียบง่ายแต่เหลือร้ายคมคายทุกดอกตอกทุกความรู้สึกที่สัมผัสอย่างยอดเยี่ยมงดงาม รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เมื่อก่อนตอนที่ผู้เขียนยังอายุน้อยที่ผ่านมานานมากการดูหนังดูละครมันมีแค่หนังผี หนังบู๊ หนังตลก หนังชีวิตและไม่ว่าจะเป็นหนังหรือละครคนในชนบทอย่างที่บ้านผู้เขียนจะเรียกว่าหนังทั้งสิ้น ทีนี้มาโฟกัสที่หนังชีวิตที่เมื่อเวลาผ่านมากลายเป็นหนังดราม่าที่แยกออกมาเป็นหนังและละครซีรีส์ที่ฉายทางโทรทัศน์แล้วทำไมถึงเรียกว่าหนังชีวิต นั่นเพราะหนังชีวิตคือการเอาชีวิตจริงของมนุษย์เรานี่เองมาเล่าแล้วเมื่อก่อนโดยมากจะเอาเรื่องรันทดหดหู่มาเล่าด้วยนะจนอาจเรียกได้ว่าการเรียกน้ำตาจากคนดูคือของคู่กับหนังชีวิต แล้วหนังชีวิตหรือหนังดราม่านี่แหละที่สะท้อนมุมมองและทัศนคติที่มีต่อมนุษย์หรือที่มีต่อโลกกระทั่งได้หันกลับมามองตนเองว่าชีวิตเราเองไปสะท้อนกับสิ่งที่เห็นในหนังหรือไม่ แต่ปัจจุบันหนังชีวิตอาจได้ถูกพัฒนาขึ้นมาตามทัศนคติของยุคสมัยเราจึงการมองชีวิตในมุมต่างการมองความยากเข็ญในมุมสวยงามเพราะชีวิตเป็นเรื่องสวยงาม เช่นเดียวกับซีรีส์เรื่องนี้ที่การที่ผู้เขียนได้ใช้ชีวิตมานานมากก็มีอะไรให้สัมผัสลึกซึ้งมากมายว่าชีวิตยังไงต้องมองมันด้วยตัวเราเอง โอแอซุน (ไอยู) หญิงสาวผู้ฝันจะเป็นกวีที่อาศัยบนเกาะเชจูเธอกำพร้าพ่อต้องอยู่บ้านย่า (นามูนฮี) โดยเป็นเหมือนประชากรชั้นสองเธอจึงเทียวมาหาแม่ (ยอมฮเยรัน) ไม่ขาดตั้งแต่เด็กจนแม่เสียไปเธอก็คล้ายไม่เหลือใคร ในชีวิตที่ขาดของแอซุนยังมีหนุ่มน้อยยังกวานซิก (พัคโบกอม) ที่เฝ้ามองและช่วยเหลืออยู่เสมอเพราะเขามอบใจให้เธอตั้งแต่เด็กสุดท้ายการแต่งงานก็เกิดขึ้นท่ามกลางอุปสรรคมากมาย เมื่อครอบครัวที่สามีเรียบจบแค่มัธยมปลายภรรยาออกจากโรงเรียนกลางคันจะมีอะไรที่ดีไปกว่าการใช้แรงงานแลกเงิน แต่กวานซิกและแอซุนก็อยู่ได้เพราะมีกันและกันและแน่นอนกวานซิกคือกำแพงหนาให้แอซุนพึ่งพิงจนมีลูกด้วยกันสามคนแต่ชีวิตคนยากจนบนเกาะเชจูก็ถูกมรสุมกระหน่ำเมื่อลูกคนเล็กเสียไป แต่ชีวิตยังต้องเดินต่อไปและต้องอยู่กับมันให้ได้กวานซิกและแอซุนจึงต้องอยู่ต่อเพื่อพบกับมรสุมชีวิตลูกแล้วลูกเล่าตั้งแต่เริ่มอยู่ด้วยกันเริ่มสร้างครอบครัวจนแก่เฒ่ามาด้วยกัน แต่ทั้งที่ชีวิตเหมือนโดนกระหน่ำมาทุกทางบ่อยครั้งกวานซิกกับแอซุนกลับยิ้มได้อยู่เสมอ จะเล่าง่ายๆเรียงเวลาก็ได้เพราะนี่คือเรื่องเรียบง่ายแต่เลือกเล่าด้วยชั้นเชิงที่เหลือร้ายเพราะเจตนาให้มีการเปรียบเทียบ ออกตัวตอนนี้ก่อนว่าผู้เขียนเริ่มดูละครเกาหลีที่ไม่ใช่แนวสืบสวนเรื่องแรกเลยคือ When the Camellia Blooms (2019) ใช่แล้วนี่คือผลงานจากปลายปากกาของนักเขียนบทอิมซังชุนคนเดียวกัน ทำให้โทนของอารมณ์จะออกมาคล้ายกันคือการมองความรันทดของชีวิตที่ถาโถมด้วยทัศนคติเชิงบวกมองความทุกข์ยากทั้งทางกายและใจให้เห็นความงดงามของการดิ้นรน อีกอย่างคือชั้นเชิงการเล่าเรื่องจะดูแพรวพราวอย่าง When Life Gives You Tangerines ที่ถ้าเล่าตรงๆเรียงเวลาก็จะเป็นงานง่ายๆดูง่าย แต่อิมซังชุนเลือกเล่าสลับไปมาโดยให้สองคนสองรุ่นที่เหมือนกันทั้งหน้าตาและอุปนิสัยเป็นตัวเดินเรืองผ่านการให้เสียงบรรยาย การตัดสลับกันระหว่างคนสองคนสองรุ่นคือเจตนาชัดที่จะเปรียบเทียบของคนสองเจนที่จัดการความรู้สึกต่างกัน และนั่นเองคือเศษขนมปังที่บทละครวางไว้เป็นทางให้คนดูเก็บเล็กผสมน้อยและเป็นเรื่องเรียบง่ายเรื่องชีวิตธรรมดาที่จริงแท้เป็นสัจธรรม เล่าเรื่องสี่ช่วงชีวิตของคู่ชีวิตคู่ทุกข์คู่ยากตั้งแต่เริ่มจนสุดท้ายผ่านเหตุการณ์สำคัญๆมากมายกลายเป็นความหลักแหลมและดึงดูด สิ่งที่ผู้เขียนชอบมากคือการแบ่งเรื่องเป็นสี่ส่วนสี่ช่วงเวลาชีวิตอาจเพราะผู้เขียนอยู่ในช่วงที่สามถ้าว่ากันตามที่เห็น มันทำให้เห็นมุมมองชีวิตของคนหนึ่งคนหรือคู่รักหนึ่งคู่ที่ได้ผ่านอะไรมาร่วมกันตั้งแต่เป็นรักแรกจนแต่งงานสร้างครอบครัว กระทั่งผ่านการสูญเสียจนแทบล่มสลายแต่ก็ลุกขึ้นมาได้จนส่งต่อมายังรุ่นต่อไปที่ก็คล้ายกับตัวเองแต่บริบทของยุคสมัยมันต่างกัน สุดท้ายไม่มีใครจะสามารถทำตามสัญญาได้ครบทุกข้อโดยเฉพาะการจะอยู่ดูแลกันจนวันสุดท้ายที่อาจมีใครบางคนผิดสัญญาแล้วเล่าการเดินทางของชีวิตผ่านเหตุการณ์สำคัญที่เป็นบันทึกแห่งยุคสมัยก็เป็นความหลักแหลม ทำให้เป็นแรงดึงดูดที่สุดจัดเพราะการเล่าเรื่องชีวิตมันคือการเอาชีวิตที่เป็นสัจธรรมมาเล่าให้ตรงใจซึ่งมันจะต้องมีสิ่งใดๆที่กระทบกับประสบการณ์ตรงของคนดู เพราะเชื่อเถอะว่าคนที่ได้ดูจะต้องมีอารมณ์ร่วมกับเหตุการณ์กับการสื่อสารหรือการแสดงออกต่อคนในครอบครัวหรือการได้ผ่านความทุกข์ยากอะไรมาทำให้ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสามารถสะกดได้ทุกอารมณ์ ชีวิตจะรันทดหรือไม่รันทดอาจขึ้นอยู่กับเรามองมันเพราะในชีวิตจริงยังมี กวานซิก - แอซุน อยู่อีกมากมายแต่อาจไม่ได้มองชีวิตเหมือนพวกเขา การมีอยู่ของคู่ชีวิตคู่คิดที่ความรักสามารถทำให้ทิ้งทุกอย่างรวมทั้งความฝันมาอยู่ด้วยกันดอกอุตพิดก็อาจหอมดังกุหลาบ ชีวิตทั้งชีวิตที่ได้ผ่านมาตั้งแต่เด็กจนชราอาจมีมรสุมเข้ามาหรืออาจมีมากกว่าใครแต่มุมที่จะมองเข้าไปต่างหากที่จะตัดสินว่าชีวิตรันทดหรือไม่ ผู้เขียนอาจการันตีได้ว่าการได้ผ่านความยากลำบากอะไรมากับคนที่เรารักและยอมทำเพื่อเขาทุกอย่างอาจมีความหนักและเหนื่อยแต่ทุกอย่างจะสลายไปเมื่อได้มีที่พักพิงที่อบอุ่นหัวใจ ชีวิตของกวานซิกกับแอซุนอาจดูรันทดแต่พวกเขายังมีความสุขโลกของพวกเขายังสวยงามเพราะการได้มองความรันทดผ่านทัศนคติที่แตกต่าง นั่นคือลูกๆและพวกเขาสามารถทำทุกอย่างเพื่อลูกๆที่แน่นอนการอาจมีกระทบกันบ้างและการที่ลูกๆที่วุฒิภาวะยังไม่มากพออาจเผลอแรงไปบ้างแต่เชื่อเถอะว่าพ่อแม่ไม่เคยเกลียดลูกแม้อาจมีโกรธบ้าง และโลกนี้ยังมีคนอีกมากมายที่เป็นเหมือนกวานซิกกับแอซุนแค่ว่าอาจไม่ได้มองชีวิตอย่างที่กวานซิกกับแอซุนมองดังนั้นชีวิตจะรันทดหรือไม่รันทดขึ้นอยู่กับเรา ด้วยบทที่ยอดเยี่ยมบวกกับการแสดงที่เหมือนถอดวิญญาณเข้าใส่ทุกคนทำให้กลายเป็นภาพที่ติดตาตรึงใจ ถ้าว่ากันที่การแสดงนี่คือการแสดงในระดับถอดวิญญาณเข้าใส่ทุกตัวละครที่ไม่ว่าใครก็เป็นที่น่าจดจำทั้งสามป้าที่เป็นสายลมไต้ปีกตั้งแต่แรกจนสุดท้ายยอมฮเยรันในบาทแม่นามูนฮีในบทย่าและนักแสดงแถวสองแถวสามทุกคน เพราะบทออกมาละเอียดละเมียดสวยงามจนความรันทดทำอะไรไม่ได้ทำให้พัฒนาการของตัวละครของพัคโบกอมและไอยูยอดเยี่ยมสำหรับช่วงของความรักหนุ่มสาวและการสร้างครอบครัว จนอาจเรียกได้ว่าเป็นบทบาทที่ติดตาตรึงใจได้อีกครั้งและสำหรับไอยูคงต้องคูณสองเพราะเล่นสองบทบาทที่เหมือนกันแต่ต่างกันเพราะนี่คือลูกของพ่อกับแม่ได้เยี่ยม ส่วนที่ต้องเชิดชูคือการแสดงของพัคแฮจุนกับมุนโซรีสองยอดฝีมือที่เห็นวุฒิภาวะที่ก่อเกิดเป็นคู่ทุกข์คู่ยากที่ไม่ว่ายังไงก็จะอยู่เคียงข้างกันไม่ว่าความฝันใดก็ยอมทิ้งได้ มุนโซรีอาจไม่ชัดเท่าไหร่เพราะภาพจำในบทที่สุดขั้วกว่านี้ยังนึกไม่ออกแต่สำหรับพัคแฮจุนนี่คือจากคนที่ดูแล้วต้องเกลียดใน The World of the Married (2020) แล้วกลายมาเป็นคนที่ดูแล้วต้องรักในเรื่องนี้คงต้องบอกว่าเทพจริงๆ รำคาญ หัวเราะ น้ำตาไหล อิ่มเอม ตื้นตัน ยิ่งถ้าใครได้ผ่านชีวิตมาด้วยกันกับคู่ชีวิตคู่ทุกข์คู่ยากจะยิ่งเห็นความงดงามและรักซีรีส์เรื่องนี้ สารภาพว่าอารมณ์แรกคือรำคาญแอซุนแต่ด้วยเนื้อหาและพลังของปริศนาการเล่าเรื่องยังแข็งแรงแล้วสุดท้ายไม่เสียชาติเกิดที่ได้ดูเรื่องนี้ แน่นอนมันมีทุกอารมณ์มีให้หัวเราะมีให้ร้องไห้มีให้อิ่มเอมตื้นตันใจมีให้โศกสลดและมีให้ทำใจปล่อยวางและลุกขึ้นเดินต่อไปใช้ชีวิตต่อให้ได้และต้องให้ดี ตลอดสี่ช่วงชีวิตสิบหกตอนถ้าจะเป็นมุมมองในการใช้ชีวิตสามารถเก็บรายละเอียดมาขยายสามวันก็ไม่หมดทั้งในแง่ของการสู้ชีวิตบนความยากเข็ญที่กำลังใจคือเรื่องสำคัญ การละเลยเรื่องเล็กๆในบ้านเมื่อลูกสองคนไม่เหมือนกันจนกลายเป็นแผลโดยไม่รู้ตัวในมุมของพ่อแม่ หรือการทำร้ายจิตใจพ่อแม่ที่มีแต่ให้โดยไม่รู้ตัวของลูกๆคือพูดดีกับคนอื่นแต่แรงใส่คนใกล้ตัวในมุมของลูกๆคือไม่ว่าจะอยู่ช่วงไหนในชีวิตสี่ช่วงนี้ก็สามารถดูได้และเก็บชิ้นส่วนเศษขนมปังมานั่งพินิจได้ไม่ต่างกัน ส่วนผู้เขียนและคุณแม่บ้านที่ดูด้วยกันแค่วันละตอนนั้นบางครั้งกอดกันบางครั้งกุมมือกันบางครั้งมองหน้ากันน้ำตาไหลเพราะเราสองได้ผ่านอะไรมาร่วมกันมากมายจนถึงวันนี้ที่อาจไม่เหมือนร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มีหลายอย่างที่โดนตรงๆ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram netflixkr เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !