รีเซต

เดวิด เอเยอร์ รู้สึกพ่ายแพ้ หลังค่ายสั่งเปลี่ยนโทน "Suicide Squad" จนโดนถล่มยับ

เดวิด เอเยอร์ รู้สึกพ่ายแพ้ หลังค่ายสั่งเปลี่ยนโทน "Suicide Squad" จนโดนถล่มยับ
แบไต๋
31 สิงหาคม 2566 ( 11:00 )
100

ถ้าหากจะพูดถึงอีกหนึ่งความล้มเหลวไม่เป็นท่าในอดีตของ DC ที่อยู่ภายใต้สตูดิโอ Warner Bros. ก็คงหนีไม่พ้นหนังแอนตี้ฮีโรแก๊งรวมวายร้าย ‘Suicide Squad’ (2016) ผลงานกำกับของ เดวิด เอเยอร์ (David Ayer) ที่โดนถล่มคำวิจารณ์ตอนฉายแบบยับเยิน ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะการแทรกแซงของสตูดิโอที่ทำให้วิสัยทัศน์เดิมของเอเยอร์ผิดเพี้ยนไป

เอเยอร์ได้ออกมาเปิดเผยความเจ็บปวดของเขาในการกำกับหนังเรื่องนี้แบบตรงไปตรงมากับรายการพอดแคสต์ ‘Real Ones’ รวมทั้งการโดนสั่งเปลี่ยนวิสัยทัศน์ของหนัง ที่แม้จะประสบความสำเร็จใน Box Office แต่หนังรวมฮีโรเรื่องแรกของ DCEU เรื่องนี้กลับไม่เป็นที่รักและไม่เป็นไปตามความคาดหวังของแฟน ๆ และนั่นก็ทำให้เขารู้สึกผิดหวังต่อฮอลลีวูดมากที่สุด จากการที่ตัวหนังถูกสตูดิโอเข้ามาแทรกแซง เปลี่ยนโทนหนังจากหม่นดาร์กตามวิสัยทัศน์ของเขา ให้กลายเป็นหนังตลกร้ายที่ไปไม่สุดสักทาง

“(Suicide Squad) แม่-ทำผมใจสลายครับ มันทำให้ผมรู้สึกพ่ายแพ้ ผมพูดกับทุกคนว่า ฮอลลีวูดมันก็เหมือนกับการที่คุณได้เห็นโดนคนที่คุณเกลียด กำลังทำเหี้-ใส่ใครสักคนที่คุณรัก อะไรแบบนั้น”

เอเยอร์เล่าย้อนอดีตกับ จอน เบิร์นธัล (Jon Bernthal) เพื่อนนักแสดงและโฮสต์ของพอดแคสต์ว่า ตอนนั้นเขาเพิ่งจะกำกับหนังสงครามเรื่องดัง ‘Fury’ (2014) เสร็จหมาด ๆ ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปเซ็นสัญญากับสตูดิโอ เพื่อรับหน้าที่กำกับหนังรวมแก๊งวายร้ายเรื่องแรกของ DC จนกระทั่งปี 2016 ค่ายคู่แข่งอย่าง Marvel กำลังประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้างอีกครั้งกับ ‘Deadpool’ หนังเดี่ยวฮีโรโทนตลกร้าย

ในขณะที่ฝั่ง DC เองก็มี ‘Batman v Superman: Dawn of Justice’ ที่ออกฉายในปีเดียวกัน ซึ่งทำรายได้ Box Office ได้ดี แต่ได้รับคำวิจารณ์แบบเสียงแตก ซึ่งเอเยอร์เปิดเผยข้อมูลที่เขารู้ว่า สตูดิโอปล่อยฉายหนังเรื่องนี้แบบไม่เคยทำการฉายรอบทดสอบ หรือ Screen Test เลยแม้แต่ครั้งเดียว

“พวกเขาคาดหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างจากเดิม แล้วพวกเขาก็โดนวิจารณ์ถล่มหนัก แล้วจากนั้น (ผู้บริหาร) ก็แบบว่า ‘โอเค งั้นเราจะเปลี่ยนหนัง (‘Suicide Squad’) จากโทนดาร์ก และเต็มไปด้วยวิสัยทัศน์ของ เดวิด เอเยอร์ ให้กลายเป็นหนังตลกร้ายกันซะตอนนี้เลย'”

แม้ตอนนั้นตัวหนังจะตัดต่อออกมาเป็นเวอร์ชันที่สมบูรณ์แล้ว แต่สุดท้ายผู้บริหารกลับไม่ชอบใจโทนมืดหม่นของตัวหนังอย่างที่เอเยอร์ตั้งใจไว้ จึงได้สั่งปรับโทนหนังให้มีความเป็นตลกร้ายมากขึ้น ทำให้ตัวหนังต้องมีการถ่ายซ่อมด้วยการเขียนบทและถ่ายทำไปเรื่อย ๆ มีหลายฉากที่ถ่ายทำเสร็จสิ้นสมบูรณ์ไปแล้ว แต่กลับถูกตัดออกไป จนทำให้ตัวหนังเริ่มสะเปะสะปะไปไม่สุดสักทาง

หลังจากความสำเร็จใน ‘Zack Snyder’s Justice League’ (2021) ก็ทำให้แฟน ๆ เรียกร้องให้ปล่อย Director’s Cut ของ ‘Suicide Squad’ ฉบับเอเยอร์ด้วยเหมือนกัน แต่ด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่าง รวมทั้งฉบับรีบูต ‘The Suicide Squad’ (2021) ของ เจมส์ กันน์ (James Gunn) ที่ได้รับคำชื่นชม กระแสดีตอนลงฉายสตรีมทาง MAX แต่ทำรายได้ตอนฉายโรงไม่ค่อยดีนัก

ก่อนจะเปิดเผยว่า เขาเองยังสามารถเข้าถึงภาพยนตร์ฉบับ ‘Ayer’s Cut’ ได้ แต่ก็ไม่เคยมีใครเอามาทำ Screen Test เลย “พวกเขาไม่เคยทดลองฉายหนังเลย ทั้งที่ผมแม่-มีหนังอยู่กับมือ พระเจ้า ทุกคนที่ได้ดูต่างก็รู้สึกเหมือนกัน คือโกรธ และบอกกันว่า ‘นี่แหละหนังที่พวกเราต้องการ แต่ทำไมถึงไม่ได้ดูมัน’ “

ก่อนหน้านี้เขาเองเคยเปิดเผยผ่าน X ว่า กันน์ในฐานะผู้บริหาร DC Studios ได้บอกกับเขาว่า อาจกำลังหาจังหวะเวลาเหมาะ ๆ ที่จะปล่อยฉบับดั้งเดิมนี้ออกมา เพื่อหวังจะมูฟออนสู่จักรวาลใหม่อย่างสมบูรณ์แบบโดยไม่มีอะไรติดค้าง

“ทั้งหมดที่ผมรู้คือ เวอร์ชันของผมมันออกมาดีกว่าฉบับที่สตูดิโอปล่อยออกมามาก ความน่าสนใจในเวอร์ชันของผมก็คือ มันดูสมจริงและเป็นธรรมชาติ กันน์บอกกับผมว่า ถึงเวลาที่จะเปิดเผยสิ่งนี้แล้ว ถึงเวลาสมควรที่จะเปิดจักรวาล DC ของเขาโดยที่ไม่ต้องมีดราม่าเกี่ยวกับโปรเจกต์เก่า ๆ อีกต่อไป”

แม้เขาจะไม่มั่นใจว่าเวอร์ชันนี้จะถูกปล่อยออกมาจริง ๆ หรือไม่ แต่เขาเองก็ยังคงสนับสนุน #ReleasetheAyerCut เช่นเดียวกับแฟน ๆ เขากล่าวเพียงแค่ว่า “ผมก็อยากรู้ว่าระหว่างการที่เราได้ดูมันจริง ๆ หรือการที่ไม่ได้ดู ไม่เคยเห็นมันเลย อันไหนจะเป็นตำนานมากกว่ากัน”


มา: Entertainment Weekly, Screen Rant, CBR