อีกหนึ่งซีรีส์เกาหลีบน Netflix ที่กำลังกลายเป็นที่สนใจของทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวไทยที่ต่างรอคอยที่จะดูซีซั่น 2 มานานร่วมปี สำหรับ Kingdom ซีรีส์แนวสยองขวัญ/ระทึกขวัญ ผสมการเมือง ที่จะพาทุกคนไปร่วมเอาชีวิตรอดจากกองทัพซอมบี้ ในยุคสมัยโชซอน เนื้อหาของ Kingdom ในซีซั่นนี้จะเล่าเหตุการณ์ต่อจากซีซั่นที่แล้ว เมื่อองค์รัชทายาทชาง และพวกพ้องกำลังเตรียมสร้างกองทัพก่อกบฏ เพื่อชิงราชบัลลังก์มาจาก องค์ราชินี ที่แสร้งว่าตัวเองนั้นตั้งท้องพระโอรส เพื่อสืบทอดอำนาจของตัวเอง ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ต้องเผขิญกับอุปสรรคครั้งใหม่ เนื่องจากการเข้าสู่ฤดูหนาวทำให้กองทัพซอมบี้ได้ออกอาละวาดในทั้งช่วงกลางวัน และกลางคืน ในขณะที่ด้านองค์ราชินี ก็ได้วางแผนร้ายในการยึดครองบัลลังก์มาเป็นของตัวเองหลังจากความประสบความสำเร็จของซีซั่นแรก สิ่งที่เราได้เห็นในซีซั่นที่สองของซีรีส์เรื่องนี้ คือพัฒนาการที่เติบโตขึ้นกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นการยกระดับเนื้อหา ให้มีประเด็นที่ใหญ่กว่าเดิม และงานโปรดักชั่นที่ดีกว่าเดิม ทำให้ Kingdom season 2 กลายเป็นซีรีส์ที่เต็มไปด้วยความบันเทิง ความสยดสยอง และความลุ้นระทึกที่คูณสองจากซีซั่นแรก ด้วยความที่ซีซั่นนี้ ซอมบี้ในเรื่องได้พัฒนาการจากที่ไล่ล่าเฉพาะตอนกลางคืน ในครั้งนี้ซอมบี้ในเรื่องสามารถออกมาอาละวาดในช่วงกลางวัน ดังนั้นทำให้ฉากต่อสู้ระหว่างคนกับซอมบี้ในซีซั่นนี้ มีมากกว่าเดิม จนเรียกได้ว่าเต็มอิ่ม แต่ละฉากแอคชั่นของซีซั่นนี้ก็ล้วนแต่เต็มไปด้วยซีเควนซ์ยาว ๆ ที่ดูแล้วได้ลุ้น ได้หวาดเสียว ในขณะที่การถ่ายทอดฉากสงครามก็ทำออกมาได้ยิ่งใหญ่ไม่แพ้กับทีมสร้างซีรีส์ฮอลีวูดเลยนอกจากการถ่ายทอดฉากแอคชั่น คนกับซอมบี้ที่ถูกยกระดับให้ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว เนื้อหาในซีซั่นนี้ก็ยังทำออกมาได้เข้มข้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการเล่นกับประเด็นการเมือง การปกครองในเรื่อง ที่พูดถึงความโลภของคนใหญ่คนโต และการป้ายสีคนที่เป็นเบี้ยล่าง ซีรีส์ก็สามารถสะท้อนออกมาได้ดีเยี่ยม จนทำให้เราในฐานะคนดูที่เป็นคนไทยเอง รู้สึกจุกในหลาย ๆ ฉาก ในขณะที่ด้านความชิงไหวชิงพริบระหว่างตัวละครแต่ละตัว ซีรีส์ก็ทำออกมาได้เฉียบเกินคาด จนชวนให้นึกถึงซีรีสอย่าง Game of Thrones ที่เปลี่ยนบริบทให้อยู่ในประเทศเกาหลีแทนอีกจุดที่เป็นความโดดเด่น และน่าสนใจของซีรีส์เรื่องนี้คือการสร้างเงื่อนไขเพื่อรอดจากการเอาชีวิตรอดจากซอมบี้ ที่ซีรีส์ได้มีการสร้างกฏเกณฑ์ เงื่อนไขของตัวเอง ในรูปแบบที่ไม่ซ้ำใคร นอกจากนี้ซีซั่นนี้ยังมีการใส่ความเป็นไซไฟ ในอารมณ์ของยุคโชซอน ที่เป็นวิธีการเอาชีวิตรอดแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน ซึ่งในส่วนของความเป็นไซไฟ ในซีซั่นนี้ ถือว่ามีบทบาทสำคัญ ที่เป็นตัวแปรในช่วงท้าย และซีซั่นต่อ ๆ ไปของซีรีส์เรื่องนี้ก็ว่าได้อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความบันเทิงตลอด 5 ชั่วโมงของ Kingdom season 2 ก็ยังมีจุดที่เป็นจุดด้อยของซีรีส์ ที่ดูแล้วชวนหงุดหงิดอยู่บ้าง ซึ่งในส่วนที่โดดเด่น เห็นได้ชัดคือ การที่ซีรีส์พยายามเล่นกับความโชคร้ายของตัวละครมากเกินไปจนขาดความสมเหตุสมผล เนื่องจากซีรีส์ต้องการที่จะขายงานโปรดักชั่นฟอร์มยักษ์ที่ถูกพัฒนามาอย่างเต็มที่ แต่จุดเริ่มต้นของฉากโปรดักชั่นใหญ่ ๆ นั้น ล้วนแต่มาจากการกระทำที่โง่เขลา และย้อนแย้งจากความเป็นจริง ซึ่งวิธีดังกล่าวก็เป็นวิธียอดนิยมของบรรดาหนัง หรือซีรีส์สยองขวัญในยุคนี้มักจะทำกันนอกจากนี้ซีรีส์ยังมีปัญหาในเรื่องการเฉลี่ยบทบาทของตัวละครอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากในซีซั่นนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวการเมือง ที่จะโฟกัสไปที่ฝั่งองค์ราชินี เป็นส่วนใหญ่ รวมทั้งยังมีเรื่องราวความสัมพันธ์ของตัวละครสมทบอื่น ๆ ที่มีบทบาทสำคัญในซีซั่นนี้ แต่ทว่าบทบาท องค์รัชทายาท ที่รับบทโดย จี-ฮุน จู กลับถูกรัศมีของตัวละครสมทบอื่น ๆ บดบัง จนทำให้บทตัวเอกของเรื่องนี้กลับดูดรอปลงจากซีซั่นก่อนพอสมควร ในขณะที่บทหมอซอบี ของ แบ ดูนา ในซีซั่นนี้กลับมีความสำคัญ และโดดเด่นกว่าอย่างเห็นได้ชัดโดยรวม Kingdom season 2 ถือว่าเป็นซีรีส์ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมสมการรอคอยมานานร่วมปี ซีรีส์จัดเต็มความระทึก ความสยอง และแอคชั่นที่ตื่นตาตื่นใจ จัดเต็มมากกว่าเดิม พร้อมทั้งเนื้อหาที่เข้มข้น และเล่าเรื่องได้มีชั้นเชิงขึ้น ปฏิเสธไม่ได้จริง ๆ ว่าซีรีส์เรื่องนี้ได้ยกระดับซีรีส์เกาหลีให้ไปไกลเทียบเท่าฮอลีวูดยิ่งกว่าเดิมอย่างแท้จริงสามารถรับชม Kingdom บน Netflix ผ่านทางกล่อง True-id ได้แล้ววันนี้ ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://vandam.netflix.com/shares/56d4edca9efa4c30996e7d629a21da72