สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ ทุกท่าน เนื่องจากอาทิตย์ที่ผ่านมานั้นเป็นวันหยุดยาว ทางเราก็ได้มีโอกาสได้ดูซีรีย์เรื่องหนึ่งซึ่งเป็นเรื่องใหม่ของทาง Netflix นั้นคือ 'Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย)' แค่ชื่อเรื่องก็น่าดูแล้วใช่มั้ยหล่ะค่ะ ถึงกับทำให้เราดูจบรวดเดียวภายในวันเดียวเลยหล่ะ วันนี้เลยถือโอกาสจะมารีวิวให้เพื่อน ๆ ได้ฟังกันแบบสั้น ๆ กัน สำหรับใครที่กำลังสนใจซีรีย์เรื่องนี้หรือกำลังหาซีรีย์จากทาง Netflix ดูกัน ไปดูกันเลยว่าจะเป็นเรื่องราวอะไร ลุย😆เรื่องย่อ เป็นเรื่องราวของสาวน้อยวัยรุ่นที่ชื่อว่า 'เดวี่ วิศวกุมาร' เธอเป็นหญิงสาววัย 15 ปีเชื้อสายอินเดียโดยกำเนิด แต่เกิดและเติบโตในอเมริกา ซึ่งวันหนึ่งชีวิตของเธอก็พลิกผลันหลังจากที่เธอได้แสดงโชว์ดนตรีอยู่ พ่อของเธอก็ได้เสียชีวิตระหว่างที่เธอแสดง หนำซ้ำเธอยังล้มและทำให้เธอเดินไม่ได้ ทำให้ต้องนั่งวีลแชร์มากว่าหนึ่งปีเต็ม ๆ แต่แล้วก็มีปฏิหารเกิดขึ้นกับเธอ เพราะเธออยากจะเห็นหน้าผู้ชายคนหนึ่ง แค่นั้นเลยค่ะเธอก็กลับมายืนได้เลย ฮ่า ๆ ทำให้เธอกลับมาเดินได้อีกครั้ง! วันแรกหลังจากขึ้นม.4 เธอกับเพื่อนซี้อีกสองคนคืออีลีเนอร์ หว่อง และ ฟาร์บิโอล่า ได้ตัดสินใจร่วมกันว่าพวกเขาทั้งสามจะต้องมีแฟนให้ได้ แต่แล้วเธอกลับพบว่าอีลีเนอร์นั้นมีแฟนอยู่แล้วในชมรมการแสดงและต่อมาฟาร์บิโอล่าก็ค้นพบว่าเธอนั้นไม่ได้ชอบผู้ชายและเป็น LGBT หรือการรักข้ามเพศ และจริง ๆ แล้วเดวี่ก็มีคนแอบชอบในโรงเรียนอยู่คนหนึ่งซึ่งก็คือหนุ่มฮอตนีกกีฬาประจำโรงเรียนอย่าง 'แพ็กตั้น' และในปีนั้นเขาก็ดันซ้ำชั้นจะต้องเรียนพอดิบพอดี ทำให้เดวี่ได้เจอกับเขาบ่อย ๆ ซึ่งในวันหนึ่งเธอรวบรวมความกล้าขอตกลงให้เขานั้นมี sex กับเธอ! แต่มันเหนือความคาดหมายเขากลับตอบตกลงเธออีกด้วย และในคลาสเรียนเดวี่ได้มีคู่ปรับอย่าง 'เบน' เพื่อนชายที่มักจะชอบแข่งขันกันเรื่องการเรียนอยู่เสมอ ตั้งแต่เด็ก ๆ เลย ทำให้ทั้งสองค่อนข้างเกลียดขี้หน้ากัน แต่แล้วทำให้มีหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ทำให้ความรู้สึกของทั้งสองเกิดความพลิกจากเกลียดเป็นความรู้สึกดี ๆ กันเฉยเลย! สุดท้ายเรื่องก็ได้ทิ้งปมทำให้เราขบคิดกันไป จนกว่าจะเจอกันใหม่ Season 2เรื่อง Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) มีทั้งหมด 1 Season 10 episodes แต่ละตอนมีประมาณ 30 นาทีความประทับใจและเรื่องนี้ให้อะไรกับเราบ้าง? เพื่อน ๆ หลาย ๆ คนอาจจะเห็นหน้าปกแล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้คงไม่สนใจและคงไม่พ้นในเรื่องแนวความรัก teenager ใส ๆ ซึ่งขอบอกว่าเรื่องนี้ให้อะไรกับเรามากกว่าที่คิดมากค่ะ เป็นเรื่องแนว Comedy ตลกแบบเบาสมอง และ Drama หน่อย ๆ เป็น Plot เรื่องที่ไม่ได้มีความหวือหวาอะไรสามารถเดาได้ แต่ดูแล้วมีความน่ารีก รู้สึกหัวใจฟู และเรื่องนี้ยังมีวัฒนธรรม วิถีชีวิต ของอินเดียสอดแทรกเข้ามาให้เราเห็นเรื่อย ๆ อาทิเช่น การทานอาหารที่แตกต่างกัน การคลุมถุงชน การเข้าพิธีบูชาพระพิฆเนศโดยผ่านตัวละคร เป็นต้น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีเรื่องของ'ครอบครัว'เข้ามาเกี่ยว เพราะด้วยความที่เดวี่มีหัวแบบคนสมัยใหม่ แต่แม่ของเดวี่ยังชอบยึดติดกับอะไรเดิม ๆ ตามขนบธรรมเนียม ยังเป็นหัวคิดแบบคนสมัยเก่า ทำให้ทั้งสองนั้นชอบทะเลาะกันอยู่เสมอ และมีการทะเลาะกันแบบรุนแรงอีกด้วย และทั้งสองยังต้องแบกรับความรู้สึกของการสูญเสียหัวหน้าครอบครัว พ่อ สามีอีกด้วย ขอบอกว่าเรายังแอบน้ำตาซึมอยูาหน่อย ๆ เลยหล่ะค่ะ และเรื่องราวไฮสคูลแบบนี้ก็ไม่พ้นเรื่องของ 'ความสัมพันธ์และเพื่อน' สื่อถึงเรื่องความสัมพันธ์ในรูปแบบต่าง ๆ และในเรื่องยังมีการเล่นเรื่อง LGBT หรือการรักข้ามเพศของฟาร์บิโอล่า การเปิดเผยตัวตนของเธอให้คนรอบข้างและครอบครัวของเธอรู้ เพราะในสังคมเรื่องรักข้ามเพศก็ยังเป็นอะไรที่ค่อนข้างพูดยากอยู่ (ต้องมาตามลุ้นกันว่าฟาร์บิโอล่าเธอจะจัดการได้อย่างไร) และเรื่องของความสัมพันธ์ของเพื่อนที่อาจจะมีการนอยด์น้อยใจเกิดขึ้น ที่สำคัญเรื่องนี้จะมีเสียงการเสียงพากย์ของ 'จอห์น แม็คเอนโร' ซึ่งหากใครเล่นเทนนิสคงรู้จักเขาเป็นอย่างดี เพราะว่าเขาเป็นนักเทนนิสชายชาวอเมริกัน อดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลก จัดอันดับโดยเอทีพีติดต่อกัน 4 ปี ซึ่งเขามักจะมีหัวร้อนและทะเลาะกับคู่แข่งและคณะกรรมการอยู่เสมอ โดยเขามีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายกับเดวี่ในเรื่องมาก ๆ ทำให้จับมาพากย์เป็นเสียงในใจของเดวี่ซะเลยตัวละครที่โดดเด่นของเรื่องนี้ ตัวเอกของเรื่อง เป็นเด็กสาวชาวอินเดียวัย 15 ปีที่มีความฉลาดมาก ๆ ในเรื่องการเรียน แต่นิสัยจะออกแนวโก๊ะ ๆ เปิ่น ๆ หน่อย แต่ยังจัดว่าอยู่ในกลุ่มเนิร์ดของโรงเรียน เป็นคนที่เรียกว่า 'หัวสมัยใหม่' เลยก็ว่าได้ ทำให้เธอมักจะทะเลาะกับแม่อยู่เป็นประจำ แถมยังเป็นคนที่เรียกว่ากล้ามาก ๆ กล้าเผชิญกับทุกอย่าง พูดอะไรตรงไปตรงมา หนุ่มนักกีฬาประจำโรงเรียน ดีกรีหนุ่มฮอตเลยก็ว่าได้ เป็นรักแรกพบของเดวี่เลยก็ว่า ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งเราก็อาจความคิดของเขาไม่ออกเหมือนกันนะ ฮ่า ๆ แบบเป็นคนที่น่าสนใจมาก ๆ ทำให้เรารู้สึกว่าเขาคิดอะไรอยู่ตลอด และในคราวเดียวกันก็เป็นคนอ่อนโยนชอบช่วยเหลือคนอื่น ใน season นี้เราคิดว่ายังไม่ค่อยเห็นมุมมองของหนุ่มหล่อแพ็กตั้นสักเท่าไหร่ แต่ Season ต่อไปคิดว่าต้องมีอย่างแน่นอน และขอบอกว่าเป็นหนุ่มหล่อที่ชวนมองจริง ๆ ค่ะ🥰 ผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมาของสาวน้อยเดวี่ ทั้งสองเติบโตและเรียนมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก มีความสูสีในเรื่องของการเรียนอยู่ตลอด มักจะชอบเถียงทะเลาะกัน แต่แม้ว่าเบนจะเป็นเด็กฉลาด ชอบเถียง รวย แต่จริง ๆ แล้วในมุมของเขาก็ยังเป็นคนที่อ่อนไหว sensitive มาก ๆ ในเรื่องของครอบครัว เพราะเขามักจะโดนพ่อแม่ทิ้งให้อยู่บ้านกับแม่บ้านตลอดเวลา เป็นอีกตัวละครที่รู้สึกสงสาร อินสุด ๆ อีกตัวหนึ่งเลยค่ะก็จบกันไปแล้วนะคะสำหรับ 'รีวิว Never Have I Ever (ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย) ใน Netflix (No Spoil!)' ซึ่งเป็นซีรีย์สั้น ๆ ที่น่ารัก อบอุ่นหัวใจค่ะ แถมความพิเศษคือนำเอาตัวละครที่เป็นคนผิวสีคนอินเดียมาเพิ่มความสนุกให้กับเนื้อเรื่องอีกด้วย เป็นอีกเรื่องที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนดูเลยหล่ะค่ะ เพื่อน ๆ สามารถรับชม Never Have I Ever ได้ที่ Netflix ซึ่งในปัจจุบันสามารถรับชม Netflix ผ่านทางกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้ สำหรับวันนี้เราก็ขอตัวลาไปก่อนนะคะ พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ 🙂เครดิตภาพหน้าปก :Never Have I Ever (2020– )เครดิตภาพประกอบบทความ :ภารกิจสาวซน ก็คนมันไม่เคย (Never Have I Ever) | ตัวอย่างซีรีส์อย่างเป็นทางการ | Netflix