คุณจะรู้สึกอย่างไร ถ้าคุณมีพี่ชายเป็นฆาตกร คุณจะยอมรับความจริงแล้วใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า หรือความจริงนั้นจะกลับกลายเป็นปมและหนามที่ปักแน่นฝังลึก จนเป็นความทุกข์ระทมตลอดชีวิต นิยายเล่มนี้จะทำให้ทุกท่านได้รู้จักกับการ “เลือกปฏิบัติ” ของคนทุกระดับ ที่แฝงความจริงว่าทุกคนต่างก็รักตัวเอง และต่างก็ไม่อยากนำพาตัวเองเข้าไปยุ่งกับ คนที่สร้าง “ปัญหา” ให้ตัวเองในสถานภาพทางสังคม ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับคนที่มีญาติเป็นฆาตกร เพราะพวกเขาต่างก็เป็นกังวลต่อภาพลักษณ์ของตัวเอง รูปถ่ายด้วยตนเอง เนื้อเรื่องถูกถ่ายทอดเป็นมุมมองที่สามผ่านตัวละคร นาโอกิ น้องชายผู้มีพี่ชายเป็นฆาตกรอย่างไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนอย่างมากในชีวิตของเขา เมื่อพี่ชายของเขา ซึโยชิ ไม่สามารถทำงานขนส่งของต่อได้ จึงลาออกมาได้หลายเดือนและไม่มีเงินเพื่อส่งน้องชายเรียนต่อมหาวิทยาลัย เมื่อไม่มีแม้กระทั่งเงินที่มากพอ จึงเป็นเหตุให้เขาไปปล้น และก่อการฆาตกรรมขึ้น หลังจากนั้นชีวิตการอยู่ในเรือนจำของเขาจึงได้เริ่มต้นขึ้นจดหมายของพี่ชายเป็นเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้ตนเองได้พูดคุยกับน้องชาย ซึโยชิบรรยายทุกสิ่งเกี่ยวกับการอยู่ในเรือนจำ รวมถึงความรู้สึกที่คิดถึงน้องชายมากแค่ไหน แต่จดหมายกลับกลายเป็นความรู้สึกขุ่นเคืองใจให้นาโอกิ ถ้าพี่ชายไม่ทำเรื่องเช่นนี้ ก็คงไม่ต้องมาประสบกับปัญหากับการแบ่งแยกในสังคม ไม่ต้องพบเจอกับการนินทา และการถอยห่างของเพื่อนหรือคนรู้จักที่เขาพบเจอ ช่วงชีวิตของเขาต้องพบเจอกับคำถาม ที่ตนเองไม่สามารถหาคำตอบได้ว่าควรทำเช่นไร และเขาก็ต้องโกหก เพื่อปิดบังเรื่องที่ว่าตนเองมีพี่ชายเป็นฆาตกรกับใครหลาย ๆ คนไปแทบทุกครั้ง ท้ายที่สุดแล้วเขาต้องเลือกที่จะเผชิญหน้ากับมัน หรือหนีมันไป และต้องดิ้นรนเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปให้ได้ ท่ามกลางความคิดและสายตาของผู้อื่นที่จับจ้องมาที่เขา ชีวิตของนาโอกิจึงมีทางเลือกไม่มากเท่าคนอื่น บางครั้งเขาก็เลือกได้และเลือกไม่ได้ว่าอยากจะทำสิ่งใด จดหมายของซึโยชิ และความบาดหมางของผู้คนสังคมจึงกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักในนิยายเล่มนี้นี่เอง รูปถ่ายด้วยตนเอง ในการดำเนินของเรื่องมีการใช้ภาษาในการแสดงความรู้สึกของตัวละคร และบรรยากาศในแต่ละช่วงได้เป็นอย่างดี เช่น ตอนที่นาโอกิฉีกจดหมายของพี่ชายด้วยความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกผิดต่อครอบครัวของผู้ตาย นิยายเล่มนี้ทำให้เราเข้าใจในความน้อยเนื้อต่ำใจของนาโอกิ ผ่านช่วงเวลาในวัยหนุ่มของเขาจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เกิดความรู้สึกเห็นอกหกเห็นใจ และเข้าใจเหตุผลของการกระทำว่าทำไมตัวนาโอกิจึงจำเป็นต้องเปลี่ยนอะไรบางอย่าง เพื่อทำให้ตนเองมีชีวิตอยู่อย่างคนปกติ และแม้ว่าจะพูดความจริงมากแค่ไหนก็ไม่สามารถทำให้คนบางกลุ่มยอมรับได้ เช่น ตอนที่นาโอกิวางแผนทำให้อาซามิท้อง เพื่อให้ครอบครัวของอีกฝ่ายยอมรับนอกจากนาโอกิต้องพยายามทำอะไรหลายอย่างเพื่อใช้ชีวิตแล้ว สิ่งที่ทำให้ชีวิตของเขามีความหมายและน่าค้นหามากขึ้น นั่นก็คือ “ความฝัน” ในการได้ร้องเพลงเป็นวงร่วมกับยูสุเกะและผองเพื่อน จุดเปลี่ยนที่ต้องเลือกระหว่างชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัย และความฝันในการร้องเพลง เป็นตัวไคลแมกซ์ของเรื่องที่ช่วยถ่ายทอดให้นิยายเรื่องนี้ออกมาให้ไม่จำเจ มีมิติ และน่าสนใจมากขึ้น ทำให้เรื่องนี้ไม่มีความจริงจังของชีวิตมากจนเกินไป และมันยังหมายถึงความสนุกช่วงวัยรุ่น วัยที่เราควรจะมีความฝันอีกด้วยในส่วนของตัวละคร ก็ทำออกมาได้มีมิติและมีความซับซ้อนเช่นกัน นอกจากบุคลิกของนาโอกิที่เปลี่ยนไปค่อนข้างบ่อยในแต่ละช่วง และอย่าง ยูมิโกะ เพื่อนของนาโอกิ ผู้สนับสนุนเขามาตลอดจนถึงตอนท้าย ตัวละครนี้มีอะไรซ่อนเร้นอยู่มากกว่าที่เราคิด รูปถ่ายด้วยตนเอง สำหรับใครที่ชอบเรื่องราวแนวละครชีวิต และชอบเรื่องที่สอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับสังคม เรื่องนี้ถือว่าถ่ายทอดค่อนข้างดี ครั้งแรกที่เห็นปก กลับคิดไปว่าเป็นนิยายแนวสืบสวนสอบสวนแต่พอได้มาอ่านจริงๆแล้ว ก็หนักไปทางดราม่ามาก ๆ เหมือนกำลังดูละครญี่ปุ่นอยู่ เพราะทำให้เราได้มองโลกผ่านการตัดสินใจของตัวละคร และประเด็นหลาย ๆ จุดที่ทำให้เราเห็นถึง เลือกปฏิบัติของสังคมผู้คนรอบตัวนาโอกิได้อย่างชัดเจน รวมถึงถ่ายทอดความรู้สึกของตัวละครในขณะนั้นได้ออกมาได้ดีเลยทีเดียว ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าบางช่วงอาจจะไม่ค่อยตื่นเต้นมากนักเนื่องจากมีความเข้มข้นของชีวิตเป็นส่วนใหญ่ แต่ค่อนข้างชอบความมีมิติ ภูมิหลังของตัวละคร และความสัมพันธ์หลากหลายรูปแบบของผู้คนรอบตัวนาโอกิ