เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อนานมาเเล้วตั้งเเต่สมัยที่ฉันยังเป็นนักเรียน ม.ต้น ในตอนนั้นฉันได้ไปเข้าค่ายลูกเสือที่ค่ายเเห่งหนึ่ง (ทางโรงเรียนจัดให้ไป) เเละในการเข้าค่ายครั้งนี้กินเวลาไปถึง 2 คืน 3 วันในคืนวันก่อนเข้าค่ายฉันรู้สึกตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเข้าค่ายกับเพื่อนๆที่ต่างจังหวัดเป็นครั้งแรก ในวันนี้ฉันรีบเก็บกระเป๋าเพื่อเตรียมตัวไปออกค่ายเครดิต ขอบคุณภาพจาก https://bit.ly/2sRD8uOกริ๊งง กรี๊งงงงง~ เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นเพื่อปลุกฉันตื่นขึ้นมาในตอนกลางดึงคืนนั้นเพื่อเตรียมตัวตื่นไปอาบน้ำเเต่งตัวเเละโรงเรียนเพื่อที่จะไปรอขึ้นรถไปค่าย..ในตอนนี้นักเรียนทุกคนต่างขึ้นรถบัสของทางโรงเรียนกันหมดเเล้ว รวมถึงตัวฉันด้วย เเละเมื่อนักเรียนขึ้นรถกันครบเเล้ว รถก็เริ่มเคลื่อนที่พาเราไปยังค่ายนวภพทันที เมื่อถึงค่ายเเล้วทุกคนก็ต่างเก็บข้าวของกันในบ้านพักกันอย่างเป็นสัดเป็นส่วนในพื้นที่ของตน ภายในบ้านพักที่ค่ายนั้นจะเป็นห้องใหญ่ๆ 2 ชั้น และมีประตูอยู่ 2 จุด คือประตูหน้าบ้านเเละประตูหลังบ้านเพื่อเปิดออกไปสำหรับเข้าใช้ห้องน้ำ ภายในห้องน้ำก็จะมีห้องสำหรับทำธุระส่วนตัวอยู่ประทาน 3-4 ห้อง ส่วนพื้นที่ที่เหลือจะเป็นพื้นที่อาบน้ำรวมเครดิต ขอบคุณภาพจาก https://bit.ly/2DXWkZT ในวันเเรกเราทำกิจกรรมต่ามฐานกันเบา ๆ ภายในค่าย เเละพอตกกลางคืนก็มีกิจกรรมรอบกองไฟเพื่อให้นักเรียนในเเต่ละห้องออกมาเเสดงความสามารถเเละกว่าจะเสร็จกิจกรรมก็ปาไปเที่ยงคืนกว่า ๆ เเล้ว เเละเมื่อหลังเสร็จจากกิจกรรมทุกคนก็ต่างเเยกย้ายกันกลับที่พักเเละอาบน้ำนอน เนื่องจากว่าฉันเป็นคนขี้อายก็เลยรอให้เพื่อน ๆ ไปอาบน้ำกันจนเสร็จก่อนส่วนตัวฉันเองไปอาบทีหลังเป็นคนท้ายๆของห้องเลย ทางที่เดินไปห้องน้ำไม่ไกลจากตัวบ้านนักเเต่ว่าช่วงเงียบสงบเเละดูน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก มีข่าวลือหนาหูว่าในทุก ๆ รุ่นที่มาเข้าค่ายในสถานที่เเห่งนี้มักจะมีคนเห็นสิ่งลี้ลับบ้าง ได้ยินเสียงคนเดินบ้าง อย่างไรก็ตามฉันเป็นคนไม่ค่อยเชื่อในเรื่องพวกนี้อยู่เเล้วก็เลยไม่ค่อยกลัวสักเท่าไหร่ เมื่อถึงห้องอาบน้ำฉันก็จัดการอาบน้ำสระผมตัวเองด้วยความว่องไวที่สุดเท่าที่จะทำได้เพราะมันดึกมากเเล้วเเละฉันเองก็ง่วงมาเเล้วด้วย เมื่ออาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จฉันก็เดินกลับบ้านพักเเละเข้านอนด้วยความรวดเร็ว เเต่ยังไม่ทันได้นอนไปนานสักเท่าไหร่ฉันก็รู้สึกปวดปัสสาวะอยากจะเข้าห้องน้ำขึ้นมาทันที ในตอนนั้นเองมีเพียงเเค่ฉันที่ตื่นขึ้นมาส่วนคนอื่นนั้นหลับไหลกันไปหมดเเล้ว ฉันก็เลยถือไฟฉายเเละเดินไปเข้าห้องน้ำโดยลำพัง เเต่ก็ยังไม่เจออดีอะไร เเละเมื่อทำธุระเสร็จฉันก็รีบเดินกลับที่พักเเละข่มตานอนเพื่อให้เช้าเร็ว ๆ เเต่ก็ไม่รู้ทำไมหัวใจถึงได้เต้นเร็วจนเเทบจะทะลุออกมาจากอก ในเช้าวันต่อมา ในตอนเช้าเป็นกิจกรรมเดินทางไกล ในวันนี้เเค่เดินทางไกลก็เเทบหมดวันเเล้ว พวกเราเหล่านักเรียนเสร็จจากเดินทางไกลเเละถูกปล่อยกับมายังที่พักก็ประมาณ6โมงเย็น เรื่องราวทุกอย่างยังคงเป็นปกติจนมาถึงตอนนี้ ในตอนนี้เป็นเวลาประมาน 2 ทุ่มกว่า ๆ ซึ่งเรากำลังทำกิจกรรมรอบกองไฟกันอยู่เหมือนกับเมื่อวานไม่มีผิด เเต่ว่าในคืนนี้พวกเราเปลี่ยนที่นั่งกันจากในร่มชายคา ไปยังสนามกลางเเจ้ง กิจกรรมรอบกองไฟผ่านไปเป็นเวลาเนิ่นนานจนถึงเที่ยงคืนกว่า ฉันเหลือบตาไปเห็นก้อนหินก้อนหนึ่ง ขนาดของมันเล็กประมาณเท่าเหรียญบาท สีม่วงประกายเพชรสวยงามเเละฉันก็ไม่รังเลที่จะเก็บมันมาทันที เครดิต ขอบคุณภาพจาก https://bit.ly/2sStBnd กิจกรรมรอบกองไฟจบลงด้วยดีในเวลาประมานตี 1 กว่า ๆ พวกเราต่างก็เดินกลับบ้านพักด้วยท่าทีอิดโรยกันทุกคนเพราะว่าเหนื่อ้าจสกการเดินทางไกล ในคืนนี้ฉันตัดสินใจไม่อาบน้ำเพราะว่าได้อาบหลังจากเสร็จจากเดินทางไกลเเล้วเเละทำกิจกรรมรอบกองไฟก็ไม่มีเหงื่อด้วย อีกทั้งอากาศคืนนี้มันหนาวเเปลก ๆ จนน่าขนลุกอีกด้วย ในคืนนั้นฉันนอนไม่หลับทั้ง ๆ ที่รู้สึกล้ามาก ๆ เมื่อเวลาผ่านไปฉันก็เคลิมหลับลงเเต่ก็ตื่นมาอีกทีด้วยความรู้สึกหนักอึ้งที่หน้าอก ในตอนนั้นฉันไม่สามารถขยับไปไหนได้เลยเเม้เเต่จะลืมตาก็ยังไม่สามารถทำได้ ซึ่งอาการเเบบนี้รึเปล่านะที่เค้าเรียกกันว่า “ผีอำ” เเละมันยังคงรู้สึกหนักอึ้งเป็นเเบบนั้นไปเรื่อย ฉันจึงตัดสินใจท่องนะโม และ สวดขอพรให้พระคุ้มครองกรี๊งงงง กรี๊งงงงงง ~ เช้าวันต่อมาฉันลืมตาตื่นขึ้นด้วยเสียงจากนาฬิกาปลุกของใครสักคนภายในบ้านพักโดยที่ไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าเมื่อคืนนี้เผลอหลับไปตอนไหน เเละเมื่อฉันตื่นเเล้วฉันก็รีบลุกไปอาบน้ำกับเพื่อน ๆทันที (วันนี้ฉันรู้สึกไม่กล้าอาบน้ำคนเดียวเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้) เเละเนื่องจากวันนี้เป็นวันสุดท้ายของการเข้าค่ายเเล้ว เมื่ออาบน้ำเเต่งตัวเสร็จก็ยังพอดีเวลานิดหน่อย ๆ ก่อนที่ครูจะเรียกประชุม ฉันเเละเพื่อน ๆ ของฉันจึงมาถ่ายรูปกันที่หน้าบ้านพักเพื่อรอเวลา ทุกกิจกรรมในวันนี้เสร็จลงเมื่อเที่ยงกว่า ๆ เเละหลังจากนั้นก็กลับโรงเรียนกัน เเละเมื่อถึงโรงเรียนเเล้วฉันก็เเบกกระเป๋าสัมภาระทุกอย่างขึ้นรถสองเเถวเเละกลับบ้านทันที เมื่อกลับถึงบ้านเเล้วฉันก็อาบน้ำเเต่งตัวเเละเข้านอนในทันที (ถึงเเล้วจะยังไม่ค่ำก็เถอะ) ด้วยอาการที่เหนื่อยล้า เมื่อยเพลียมันก็ทำให้ฉันหลับลงทันที....เครดิต ขอบคุณภาพจาก https://bit.ly/2LtEYIS“กรี๊ดดดดดด ช่วยด้วย!!!” ฉันสะดุ้งขึ้นพร้อมกับเสียงกรี๊ดของตัวฉันเอง “ฝันร้ายหรอกหรือนี่” ฉันพูดกับตัวเองเบา ๆ พร้อมกลับล้มตัวลงนอนอีกครั้ง ในฝัน ฉันฝันเห็นผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งฉันเองก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ผู้หญิงคนนั้นใส่ชุดสีดำสนิดเเละร้องครวญครางราวกับว่าสูญเสียสิ่งที่ตนรักไป เเละเมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นฉัน นางก็พยายามที่จะเข้ามาหาฉันราวกับว่าโกรธเเค้นฉันมานานนับปี ดวงตาสีเเดงฉานดังเลือด ผิวสีขาวซีด ผมยาวปรกคลุมหน้าตา ช่างน่ากลัวเสียจริง!! ฉันส่ายหน้าเบา ๆ ให้กับฝันร้ายนี้ จะหลับต่อก็คงไม่ได้เเล้วดังนั้นฉันตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ข้นมาเช็ครูปที่เพิ่งถ่ายกันเมื่อก่อนกลับค่าย ทุกรูปดูสวยงามทั้งหมด ยกเว้นรูปสุดท้ายเพราะว่าในรูปนั้นไม่ได้มีเเค่ฉันเเละเพื่อนของฉันเเต่กลับมีคนอื่นอยู่ด้วย เเละคนอื่นที่ว่านั้นก็คือ ผู้หญิงชุดดำที่อยู่ในฝันของฉันเมื่อกี้นี้เครดิต ขอบคุณภาพจาก https://bit.ly/2PkuGfa หลายอาทิตย์ต่อมายังคงฝันร้ายอยู่อย่างนั้นซ้ำไปซ้ำมา จนกระทั้งฉันตัดสินใจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้กับเเม่ฟังเเละเเม่ฉันก็พาฉันไปเข้าวัดเเล้วหลวงตาก็ถามฉันว่าฉันได้ไปเก็บหรือทำอะไรลบหลู่มารึเปล่า ได้ยินดังนั้นฉันจึงบอกกับหลวงตาว่าเอาหินก้อนหนึ่งกลับมาจากตอนไปเข้าค่ายเเละพกมันไว้ตลอดเวลา เมื่อพูดจบฉันจึงหยิบขึ้นมาให้หลวงตาดู เเละหลวงตาก็บอกกับฉันว่าไปเก็บมาจากไหนก็ให้เอาไปคืนที่เดิมเพราะว่าหินก้อนนี้มีเจ้าของ เมื่อหลวงตาพูดจบท่านก็มอบสายสิญจน์ให้ฉันมาผูกที่ข้อมือ ฉันรับสายสิญจน์มาเเละผูกที่ข้อมือด้วยอาการขนลุกซู่ เมื่อเสร็จกิจที่วัดเเล้วคุณเเม่ของฉันก็พาฉันไปยังค่ายอีกครั้งเเละฉันก็เดินไปวางก่อนหินที่เก็บมาไว้ที่เดิมของมัน ฉันกล่าวขอโทษขึ้นเบา ๆ เเละเดินไปขึ้นรถเเละกลับบ้านทันที เเละหลังจากนั้นฉันก็ไม่เคยฝันร้ายเกี่ยวกับเธออีกเลย อีกทั้งเหตุการณ์ที่ผิดปกติที่มักเกิดขึ้นรอบ ๆ ตัวฉันก็หายไปด้วยเช่นกัน จบเเล้วค่ะ บิกิหวังว่าผู้อ่านทุกคนจะชอบเรื่องราวที่บิกินำมาฝากกันในวันนี้นะคะ เเละถ้าหากมีข้อผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยจ้า สำหรับตอนนี้ชขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่เข้ามา อ่านบทความของบิกิกันนะคะ~ ^^