Series Full Review: Bloody Heartเข้มข้น ดุเดือด เชือดเฉือน เหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิม ลงตัวทุกองค์ประกอบระดับ "สมบูรณ์แบบ"1 Season 16 Episodes (2022)ไม่สปอยล์อาจมีบางครั้งในบางเรื่องราวที่ได้ผ่านตาคนดูที่นิยมความบันเทิงในการดูหนังดูละครที่เรียกกันเสนาะหูว่าซีรีส์นั้นก็ไม่ได้มีอะไรใหม่ไปทั้งหมด เพราะศาสตร์แขนงนี้ได้ผ่านตาคนดูมานานมากการเล่าเรื่องให้สดใหม่ทั้งหมดจึงนับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งกับงานที่เป็นแนวที่ขายได้คนดูชอบและซื้อเสมอมาจนนับเป็นของตายที่มาเมื่อไหร่ขายได้เมื่อนั้นเพราะแค่เห็นหีบห่อก็การันตีอารมณ์บางอย่างที่คนดูต้องการได้แล้ว แต่อะไรก็ตามที่ถูกเล่ามานานซ้ำไปซ้ำมาถึงจุดหนึ่งก็จะเจอกับทางตันเมื่อเรื่องที่เล่ากลายเป็นของเก่าเล่าซ้ำ กลายเป็นงานตามสูตรที่แค่เห็นโปสเตอร์ใบปิดก็คิดได้แล้วว่าเนื้อหาข้างในจะเดินไปทิศทางใด ทางออกจึงเห็นได้หลายครั้งว่าไม่สร้างใหม่แบบรีเมคก็เล่นตามสูตรแต่ปรับเปลี่ยนในรายละเอียดข้างใน และหนึ่งในแนวที่เห็นกันได้บ่อยเห็นกันทุกปีสำหรับคนดูซีรีส์เกาหลี (หรือของชาติอื่นก็คงมี) ก็คือแนวเกมอำนาจชิงราชบัลลังก์ซึ่งเรื่องราวการชิงอำนาจก็จะวนเวียนอยู่ที่พระราชาผู้อ่อนแอกับเสนาบดีผู้ฉ้อฉลที่กุมอำนาจในท้องพระโรง มีเรื่องหัวใจการต่อสู้กันระหว่างพระสนมพระมเหสีที่อยู่หลังบ้านมีพระพันปีเป็นตัวแปร มีขันทีมีนางในที่ทั้งภักดีและทั้งทุรยศแต่ใครจะเป็นคนดีคนร้ายก็สุดแท้แต่จะใส่มิติลงมาที่ไม่ต่างจากพรและคำสาปจากพระเจ้า เพราะเรื่องแนวนี้มันมีความเข้มข้นเชือดเฉือนมีดราม่าที่เร้าใจในตัวของมันแต่ทางไปก็ไม่มากจนกลายเป็นเดาง่าย แต่ดูไปบ่นไปก็เคยเขียนถึงมาหลายครั้งเหมือนกันว่าเกาหลีมีดีอยู่อย่างนึ่งคือการทำให้ของเก่าเล่าซ้ำดูสดใหม่โดยที่ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงทางไอเดีย แต่แค่ปรับรายละเอียดบางอย่างดังเช่นเรื่องนี้ที่ความจริงเป็นตามสูตรของแนวชิงอำนาจเหนือราชบัลลังก์เป๊ะแทบไม่มีบิดเบี้ยว ไม่ได้พยายามใหม่ด้วยซ้ำแต่งานออกมาเหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิมเพราะชั้นเชิงและงานด้านเทคนิค และแน่นอนการเขียนบทที่ฉลาด Bloody Heartเรื่องย่อเมื่อราชสำนักอ่อนแอมีพระราชาที่ถูกชักใยโดยเสนาบดีฝ่ายซ้ายผู้ฉ้อฉลพัคกเยวอน (จางฮยอก) การพยายามช่วงชิงอำนาจคืนมาขององค์รัชทายาทที่เป็นว่าที่พระราชาองค์ต่อไปอีแท (อีจุน) ด้วยการอภิเษกกับบุตรสาวของผู้นำกลุ่มที่จะมาเป็นอำนาจหนุนหลังให้กับพระองค์ได้เมื่อขึ้นครองราชย์ แต่การนี้กลับได้ก่อหายนะและพายุที่โหมกระหน่ำสู่ท้องพระโรงเมื่อเสนาบดีฝ่ายซ้ายพัคกเยวอนสู้กลับจนพระมเหสีต้องแลกด้วยชีวิตเพื่อปกป้องชีวิตองค์รัชทายาท แต่ก็กระทบกับคนหมู่มากเมื่อการต้องรักษาพระเกียร์ติไว้คือการหาแพะและไม่ใช่ใครอื่นก็คือตระกูลที่องค์รัชทายาทต้องการดองด้วย กระนั้นด้วยความที่องค์รัชทายาทยังมิอาจทนเห็นสิ่งที่จะเกิดขึ้นแม้พระองค์จะมิสามารถยังยั้งได้แต่ก็ได้ช่วยให้บุตรสาวเพียงหนึ่งเดียวของตระกูลที่มีฐานะเป็นพระชายาในตอนนั้นหลบหนีและเร้นกายจากไฟแห่งการแย่งชิงครั้งนี้จวบเวลาล่วงผ่านพระชายาผู้หลบหนีครานั้นได้โตมาในกุล่มช่างฝีมือหมู่บ้านป่าไผ่นามว่ายูจอง (คังฮันนา) และในทุกคืนสิบห้าค่ำยูจองจะนัดพบกับบัณฑิตหนุ่มคนหนึ่งซึ่งแท้จริงแล้วก็คือองค์รัชทายาทที่บัดนี้กลายเป็นพระราชาที่ต้องการโค่นล้มอำนาจที่ครอบงำแผ่นดิน แน่นอนทั้งสองมีใจให้กันแต่เรื่องในราชสำนักก็ใช่จะจัดการง่ายเมื่อมีอีกขั้วอำนาจหนึ่งที่ปกครองราชสำนักฝ่ายในคือพระพันปี (พัคจียอน) กระทั่งเมื่อมีดำริให้คัดหาหญิงสาวทั่วหล้าเพื่อเป็นพระมเหสีในอนาคตผู้ที่จะให้กำเนิดโอรสผู้ครองบัลลังก์คนต่อไปก็คือหนึ่งในเกมช่วงชิงนี้ ซึ่งพระราชาอีแทเล็งแม่หญิงโจยอนฮี (ชเวรี) บุตรสาวของเสนาบดีกลาโหมโจวอนพโย (ฮอซุงแท) เพื่อมาเป็นกองหนุน แต่เสนาบดีพัคก็แก้เกมด้วยการบังคับนางในดวงใจองค์ราชาคือยูจองให้เข้าร่วมในฐานะหลานสาว เมื่อต่างฝ่ายต่างมีจุดมุ่งหมาย เกมการชิงอำนาจครั้งนี้จะลงเอยเช่นไรเมื่อหัวใจกลายมาเป็นตัวแปรการเขียนบทที่ละเมียด ฉลาดในการสร้างตัวละคร ชั้นเชิงเหนือชั้นปั่นหัวคนดู ทำให้เข้มข้นทุกอณูดูเหมือนเดิมแต่ไม่เหมือนเดิมที่ต้องไม่ปฏิเสธคือโครงเรื่องหลักไม่ได้หลุดไปจากแนวนี้เลยแม่แต่นิดเดียว อะไรที่พึงมีในแนวชากึกชิงบัลลังก์ยังครบถ้วนตั้งแต่จุดเริ่มต้นเรื่อยมาจนถึงบทสรุปคือยังคงเดิมไม่ได้สดใหม่อะไร แต่สิ่งที่ทำให้ออกมาไม่เหมือนเดิมในความเดิมๆคือชั้นเชิงที่ใส่ในรายละเอียดเมื่อเลือกวางขั้วอำนาจไว้ชัดก็จัดการคนดูด้วยการเชือดเฉือนกับทุกอย่างประดามี ทั้งการชิงไหวชิงพริบที่คราวนี้พระเอกคือพระราชาไม่ใช่คนอ่อนแอเป็นไม้หลักปักเลนเหมือนเคยแต่มีเหลี่ยมกลมีคมซ่อนไว้ เมื่อเรื่องเดินไปก็ใช้ความพลิกผันจนคาดไม่ถึงมาเล่นกับสมองและอารมณ์คนดูอยู่เนืองๆเพราะบทละครของพัคพิลจูมีเจตนาชัดเจนที่จะชี้นำ ง่ายๆเลยคือคนดูจะคิดตามก่อนที่ทุกอย่างจะไม่เป็นอย่างที่คิดในทุกตอนทุกเหลี่ยมคูจนกระทั่งเหนื่อยล้าที่จะคิดและพยายามขัดขืนที่จะคิดแต่สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะคิดตั้งแต่ต้นจนจบโดยไม่มีทางฝืนได้เลย ปัจจัยสำคัญคือความฉลาดในการสร้างตัวละครให้ทันกัน อาจเพราะคนดูเริ่มจับทางได้กับแนวนี้เลยสร้างตัวละครที่มีรอยหยักในสมอง แต่บทก็ละเอียดละเมียดพอในการสร้างมิติที่เป็นพื้นฐานของตัวละครให้คนดูเชื่อได้แม้จะมีเวลาเล่าไม่มากเพียงสิบหกตอน แต่ตัวละครสามารถกุมหัวใจคนดูได้ไม่ว่าจะมองว่าใครร้ายหรือดี และสิ่งนั้นคือการยื่นดาบที่ทั้งแหลมทั้งคมให้กับตัวละครหลักสี่คนที่ไม่ต้องมัวป้องกันตัวแต่สบโอกาสก็ฟาดใส่กันไม่มียั้ง และสิ่งที่ตามมาคือความพลิกผันที่ระทึกสุดเร้าใจเพราะคนดูไม่รู้ว่าใครจะถือไพ่เด็ดอะไรไว้และจะเปิดหน้าหงายไพ่ใบนั้นออกมาเมื่อไหร่ กำไรจึงตกอยู่กับคนดูเพราะกลายเป็นความเข้มข้น ดุเดือด เชือดเฉือนไม่มีใครยอมใครแทงมาแทงกลับไม่โกง อารมณ์คนดูจึงคุกรุ่นตลอดเวลาตั้งแต่จุดเริ่มต้นตอนที่หนึ่งจนถึงตอนสุดท้ายที่ก็ไม่ลดลง เพราะขนาดตอนสุดท้ายผ่านไปครึ่งตอนยังโยนระเบิดใส่กันให้ความดันคนดูขึ้นเพราะเรื่องหัวใจเป็นปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เรื่องของมิติทางใจจึงต้องลงลึกให้ได้และเรื่องนี้เลือกใช้เรื่องหัวใจของตัวละครหลักไปผูกกับมิติของตัวละครรองที่รายล้อมได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะหัวใจจะเป็นตัวกำหนดอารมณ์ความรู้สึกของคนดูที่จะรักเกลียดหรือสงสารอันนำไปสู่อารมณ์ร่วมชั้นดีที่จะเอาใจช่วยตัวละคร ความยอดเยี่ยมที่ว่าคือการสร้างตัวละครที่น่าทึ่งในเรื่องของการจัดการความรู้สึกคนดู เพราะไม่ว่าคนดูจะรู้สึกเช่นไรกับตัวละครหัวใจจะสั่งให้สมองคิดไปแล้วว่าใครดีใครร้ายแม้จะดูเทาๆกันถ้วนทั่วแต่ที่น่าสนใจคือคนดูไม่รู้สึกเกลียดชังแม้แต่คนเดียว นั่นหมายความว่าตัวละครที่บทสร้างขึ้นคือมนุษย์ที่มีอุดมการณ์มีปณิธานมีเจตจำนงที่ต่างกันหรือมีเหตุผลในตัวของตัวเอง เมื่อเรื่องเล่าลงลึกได้คนดูก็จะเข้าใจในตัวละครแต่ละคนจนกระทั่งเมื่อถึงบทสรุปคือมีความสงสารเห็นใจทุกคน คือถ้าจะสร้างตัวร้ายที่น่าเห็นใจต้องทำให้ได้อย่างเรื่องนี้ที่เป็นตัวอย่างที่สำคัญแม้จะเหมือนกับซับซ้อนซ่อนเงื่อนพลิกผันทันเกมกันยากจะคาดเดาแต่ไม่ระทมกบาล นั่นเพราะคนดูเข้าใจตัวละครแล้วและแม้จะเดาไม่ได้ก็หาเป็นไรไม่เพราะไม่ว่าใครจะเปิดไพ่ใบไหนคนดูก็เข้าใจในการกระทำ แม้ว่าบทจะสุดยอดในการเร้นความในจนอ่านใจใครไม่ได้ไม่รู้ใครว่าดีแท้ใครร้ายจริงแต่คนดูก็พร้อมจะติดตามว่าถึงที่สุดเรื่องราวนี้จะลงเอยเช่นไรทั้งที่รู้จุดหมายแล้วด้วยความน่าติดตามระดับทะลุจุดเดือดในทุกตอนโดยไม่มีแผ่วแม้แต่ตอนเดียว และที่ต้องปรบมือคือการกำกับภาพในระดับภาพยนตร์ที่ให้ภาพ แสง โทนสี มุมกล้องออกมาดูต่างจากงานระดับซีรีส์ทั่วไปจนบางครั้งรู้ทั้งรู้ว่านี่คือฉากที่เคยเห็นมาแต่มุมกล้องก็ทำให้ดูแปลกตาได้ รวมถึงเพลงประกอบที่ถ้าจะบอกว่าเป็นซีรีส์ที่เพลงเร้าอารมณ์ได้ทุกมิติได้อย่างลงตัวที่สุดคงไม่ผิดนัก จึงนับว่าเป็นงานซีรีส์ที่ดูเหมือนคุ้นเคยแต่กลับดูสนุกกว่าที่เคยอย่างสมบูรณ์แบบการแสดงที่ไร้ที่ติทุกคนไม่ว่าตัวละครหลักหรือรองในระดับที่มองเห็นเลยว่าความรู้สึกที่ถ่ายทอดออกมาคือ Inside Outเพราะบทละครต้องการให้คนดูอ่านใจใครไม่ได้ การแสดงจึงต้องถ่ายทอดทางสายตาเป็นส่วนใหญ่เพราะต้องเร้นความคิดไม่ให้แสดงออกทางสีหน้า และนักแสดงจัดการได้อย่างไม่มีที่ติทุกคนจึงเท่ากับว่าการใส่มิติลงที่ตัวละครสมทบที่รายล้อมตัวละครหลักทั้งสี่คนมีมิติที่จับต้องได้ และต้องยอมรับว่านักแสดงเกาหลีทำได้ยอดเยี่ยมในทุกระดับ ถ้าท่านดูจบแล้วลองนึกดูตัวละครอย่างตงกึม (ยุนซออา) ที่เป็นมิติรองรับหัวใจของพระสนมเอกที่เยี่ยมจนคนดูอดไม่ได้ที่จะเสียน้ำตา หรือตัวละครอย่างขันทีจอง (ฮาโดควอน) ที่เป็นผู้พิทักษ์และคู่คิดที่ซื่อสัตย์ต่อฝ่าบาทจนคนดูขนลุกกับบทสรุปของเขา หรือตัวละครภรรยาเสนาบดีพัค (ซอยูจอง) ที่เป็นหลังบ้านที่ดีให้กับคนที่อาจเป็นทรราชแต่คนดูก็ยังอดสงสารนางไม่ได้ หรือกระทั่งเหล่านางในหรือข้าราชบริพารก็ล้วนมีผลต่อมิติของเรื่องมากน้อยต่างกันไปที่กลายเป็นองค์ประกอบที่สมบูรณ์ในส่วนของการแสดงทั้งยังความยอดเยี่ยมที่คนดูรู้สึกเลยว่าถูกถ่ายทอดออกจากความรู้สึกข้างในแบบ Inside Out ของสี่ตัวละครหลักจางฮยอก , อีจุน , คังฮันนาและพัคจียอน ด้วยสีหน้าที่อ่านไม่ออกว่าข้างในคิดอะไรอยู่แววตามีลับลมคมในหรือเหมือนคิดอ่านแผนการวางหมากกลอะไรไว้ หรือกระทั่งการระเบิดมันออกมาของแต่ละคนไม่ว่าจะมาจากอารมณ์ไหนคนดูรู้สึกเลยว่ามันมาจากข้างในจริงๆตัวละครเจ็บปวดจริง โกรธเกรี้ยวจริง และรักจริงเพราะสี่คนนี้มีเรื่องของหัวใจเรื่องความรักมากำหนดชะตา ซึ่งถ้านับว่านี่คือการขึ้นจอโทรทัศน์ครั้งแรกในรอบสองปีของจางฮยอกเรื่องนี้ก็คือความน่าจดจำเพราะเขาให้การแสดงที่นิ่ง เนียน สง่าน่าเกรงขามแต่ก็เห็นแววอ่อนไหวในแววตาและสุดท้ายแม้จะร้ายแต่คนดูก็ยังเห็นใจเขาเพราะบทไม่ได้ขีดเส้นแบ่งชัดเรื่องของฝักฝ่ายแต่บทเลือกที่จะเขียนให้เป็นแค่คนที่มีปณิธานที่ต่างไปเท่านั้นส่วนอีจุนกับคังฮันนานั้นทำได้เยี่ยมในส่วนของความรักที่เหมือนมีอุปสรรคของการอยู่คนละขั้วอำนาจ รวมถึงความจริงที่ปิดเร้นไว้ทำให้มิอาจแสดงออกมาได้แต่น่าทึ่งว่าคนดูรู้สึกได้ว่าทั้งสองคนรักกันจริงทั้งที่มีระยะห่าง และที่เยี่ยมมากคืออีจุนที่สามารถแสดงได้นิ่งดูฉลาดทันคนสง่าน่าเกรงขามเป็นคู่ต่อกรที่เหมาะสมของจางฮยอก ที่สำคัญอีจุนสามารถซ่อนมิติที่สำคัญได้มิดชิดจนคนดูต้องอึ้งพร้อมกับขอบตาคล้ำแบบคนมีอะไรในใจมากมาย ส่วนคังฮันนาคือสายตาที่มุ่งมั่นกับหัวใจตนเองที่อ่านใจไม่ได้เหมือนกันว่าตัวพระสนมเอกถือไพ่เด็ดอะไรไว้และเช่นกันคือไม่ใช่ลูกไก่ในกำมือใครที่พร้อมจะจิกได้ไม่ไว้หน้า และไม่รู้ว่าผู้เขียนคิดไปเองหรือไม่ว่าเมื่อถึงคราวที่พระสนมเอกตั้งครรภ์หน้าตาเธอดูผ่องใสมีน้ำมีนวลขึ้นอย่างถนัดตาเหมือนคนตั้งครรภ์จริงๆเพราะผู้เขียนผ่านการเห็นมาแล้วในชีวิตจริง และแน่นอนพัคจียอนก็เยี่ยมไม่แพ้กันกับบทที่กำหนดชะตากรรมของเรื่องและเมื่อนักแสดงสามารถสื่อสารจากความรู้สึกข้างในได้การปะทะกันก็คือความน่าจดจำ อาจไม่ใช่การจับอาวุธมาฟาดฟันการแต่ในที่นี้คือเชือดเฉือนกันทางอารมณ์ผ่านบทสนทนาที่ชี้นำให้คิด เพราะเมื่อนักแสดงแสดงออกมาผ่านสีหน้าที่นิ่งเดาใจไม่ออกแต่การใช้บทสนทนาที่ดูเหมือนจะคุยกันดีๆแต่มีอะไรแอบแฝง บทสนทนาที่ดูเหมือนปกติก็กลายมาเป็นความสำคัญจนไม่อาจมองข้ามได้เพราะเผลอไผลสายตาเพียงชั่วอึดใจจะคิดตามไม่ได้ นั่นหมายความว่าทุกครั้งที่ตัวละครหลักทั้งสี่คนต้องเผชิญหน้ากันคือไม่ต่างจากฉากแอ็คชั่นที่ถือดาบไว้ในมือแล้วประหัตประหารกันอย่างสุดมันส์ แต่กระนั้นจะไม่ถึงจุดสุดขีดปานนี้ถ้าหนึ่งบทไม่สามารถกุมหัวใจคนดูในระดับทั้งใจในบางแง่มุมซึ่งเรื่องนี้คือตัวละคร และสองนักแสดงต้องถ่ายทอดเจตนาของบทได้เต็มร้อยจึงจะพาอารมณ์คนดูเดือดสุดทั้งที่พูดๆกันแต่นักแสดงในเรื่องนี้บอกเลยว่าไม่มีที่ติคมเฉือนคม ตัดเหลี่ยมคน จะอะไรก็แล้วแต่เรื่องนี้มีความหมายแบบนั้น เพราะนี่คือเรื่องของการช่วงชิงอำนาจที่เป็นเรื่องอันตรายถ้าอำนาจอยู่ในมือเบ็ดเสร็จ ด้วยความเข้มข้นตั้งแต่ต้นจนจบพร้อมกับการปิดตอนในแต่ละสัปดาห์ที่ชวนหงุดหงิดหัวใจที่ต้องรอคอย จึงทำให้ในทุกตอนที่ถูกเสนอออกมาที่ตีตราก่อนหน้าเลยว่านี่คือเรื่องสมมติจึงไม่ต้องพะวงเรื่องความตรงตามประวัติศาสตร์ และผลที่ได้คือการมอบตัวละครที่ต่างไปจากที่เคยเห็นในงานแนวนี้ที่เคยผ่านมาอันทำให้การเชือดเฉือนกันประหนึ่งแล่เนื้อเถือหนัง ต่างคนต่างเจ็บและด้วยความที่ตัวละครหลักมีหัวใจกำหนดชะตา ความเจ็บปวดข้างในจึงลึกล้ำกว่าเหมือนกับชื่อเรื่องว่า "หัวใจเปื้อนเลือด" และด้วยความที่บทสามารถกุมหัวใจคนดูได้เพราะอารมณ์คุกรุ่นในทุกตอนอย่างที่ว่าหัวใจคนดูจึงชุ่มโชกด้วยเลือดไม่ต่างกันเพราะบทเล่นงานอย่างไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะโดนปั่นหัวได้ขนาดนี้นั่นเพราะคนดูเหมือนไปอยู่ท่ามกลางเกมอำนาจนั้นอย่างเบ็ดเสร็จ และเรื่องนี้จัดว่าเป็นงานที่ถึงใจถึงอารมณ์อย่างยิ่งเพราะด้วยงานเทคนิคทางด้านภาพระดับภาพยนตร์อย่างที่ว่า ซีนภาพสโลว์สวยๆ ภาพมุมกว้างมุมสูงในสถานที่ถ่ายทำที่สวยงามทั้งโลเกชั่นที่คุ้นเคยและสถานที่ที่แปลกตา ทำให้ภาพสวยเนื้อหาเข้มพลิกไปพลิกมาจนอารมณ์คนดูสูงสุดขีดจนคิดว่าดีแล้วที่ดูออนแอร์สด เพราะด้วยความเข้มปานนี้อาจมีความดันขึ้นจนเป็นอันตรายต่อเส้นเลือดในสมอง แต่ไม่ว่ายังไงนี่ก็คืองานระดับชั้นเยี่ยมได้เพราะไม่ว่าจะมองมุมไหนคิดไตร่ตรองยังไงก็ยังหาจุดบกพร่องไม่เจอ จัดเป็นงานซีรีส์ที่คู่ควรกับซีรีส์แห่งปีอีกเรื่องที่ปีนี้เกาหลีจัดมาแต่ละเรื่องจัดจ้านมาตั้งแต่ต้นปีที่ถ้าให้เลือกหนึ่งเดียวในใจก็เลือกยากมาก แต่ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้ก็คือความสนุกที่คุ้มค่าทุกนาทีที่ได้ดูและเป็นงานที่ต้องแนะนำเพราะไม่อยากให้ใครพลาดซีรีส์เยี่ยมๆแบบนี้ดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 , 8 / ภาพที่ 9 จาก Instagram kbsdramaเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ ๆ ได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !*STAR COVER"อย่ามัวแต่ดูมาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟเวอร์ พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลก์คนที่ชอบ 'ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี'คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQร่วมสนุกตั้งแต่วันที่ 10 มิถุนายน 2565 - วันที่ 3 สิงหาคม 2565