ช่วงนี้ทาง Netflix ได้เพิ่มภาพยนตร์และซีรีย์เข้ามาอย่างหลากหลายเพื่อตอบโจทย์ช่วงกักตัวแบบนี้และหนึ่งในภาพยนตร์น้ำดีที่ไม่ควรพลาดเพราะหนังเรื่องนี้จะพาทุกคนไปหลอนและพากันฉงนสงสัยว่าตกลงมันเป็นแค่เรื่องงมงายหรือความจริงที่สากลไม่ยอมรับกันแน่ กับเรื่อง The Exorcism of Emily RoseThe Exorcism of Emily Rose (2005) ความสยองขวัญ: 8ความอี๋แหวะเลือดสาด: 1ความน่าติดตามของพล็อตเรื่อง: 10 เนื่อเรื่อง: มาจากเค้าโครงเรื่องจริงซึ่งเป็นเรื่องราวการว่าความต่อสู้คดีของวัยรุ่นสาว Emily Rose ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์และโดนฟ้องเอาเรื่องบาทหลวงที่งมงายรับไล่ผีให้ Emily แต่สุดท้ายเธอกลับตายอย่างน่าอนาถ ซึ่งทนายสาวผู้ดูแลเคสในการแก้ต่างให้จำเลยอย่างบาทหลวงต้องหาหลักฐานว่าหญิงสาวที่ตายไม่ได้ป่วยเพราะโรคลมบ้าหมูขั้นรุนแรงอย่างที่คนอื่นคิด ซึ่งการต่อสู้กับทฤษฏีฝั่งของวิทยาศาสตร์นั้นทำเอาทนายสาวเครียดแทบบ้าและต้องหาหลักฐานที่หนักขึ้น การเอาความจริงและความเชื่อที่เป็นนามธรรมมาสู้แทบไม่มีโอกาสชนะและยิ่งขุดเรื่องราวลึกเท่าไร สิ่งเหล่านั้นที่เคยทำร้ายและทำลาย Emily ก็ดูจะขัดขวางและพร้อมทำร้ายเธอทุกเมื่อเช่นกัน ***ต่อจากนี้จะเป็นการวิเคาระห์ถึงเนื้อหาเชิงลึกซึ่งถือเป็นการสปอย หากไม่อยากถูกสปอยแนะนำให้ไปดูก่อนนะคะ*** เนื้อหาตอนแรก: เรื่องจะฉายให้เห็นถึงความสิ้นหวังของครอบครัวของสาวน้อยอย่าง Emily ที่นอกจากจะต้องสูญเสียเธอไปแล้วนั้นยังถูกตราหน้าว่างมงายปล่อยลูกสาวทรมานตาย อีกทั้งยังมีความรู้สึกผิดต่อบาทหลวงที่ทางครอบครัวขอให้ทำพิธีไล่ผีให้ลูกแต่กลับถูกจับขังและตกเป็นจำลายฐานฆ่าคนโดยประมาท ไม่นานนักก็ได้โยงไปถึงทนายสาวที่ต้องมาดูแลคดีนี้และช่วยเหลือจำเลยอย่างบาทหลวงให้หลุดพ้นจากคดีหรือได้รับโทษน้อยลงนั่นเอง ซึ่งในตอนแรกนั้นเนื้อเรื่องได้ถูกจัดลำดับให้น่าสนใจและน่าติดตามว่าเรื่องราวที่มาเป็นอย่างไรและวางตัวทนายสาวเป็นหนึ่งในคนอย่างพวกเราที่ไม่เชื่อเรื่องผีสางแบบนั้น การทำงานในตอนแรกของทนายฝั่งจำเลยค่อนข้างยากลำบากเพราะคำให้การของบาทหลวงนั้นเป็นเพียงแค่คำเล่าที่ดูเหนือธรรมชาติยากที่จะเชื่อและเธอก็ค่อนข้างจะไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำ แต่! หลังจากเรื่องราวของบาทหลวงได้ผ่านเข้าหูเธอแล้วนั้น จู่ๆเรื่องราวประหลาดก็เกิดขึ้นรอบๆตัวเธอ ทั้งนาฬิกามักจะตายตอนตีสาม รู้สึกเหมือนมีคนอยู่ภายในคอนโดด้วย และแล้วเธอก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่เล่นงาน Emily ที่บาทหลวงเล่าให้ฟังมีจริงและมันจ้องจะเล่นงานเธอเหมือนกัน เนื้อหาตอนกลาง: ต่อจากนี้ก็จะเน้นไปทางเรื่องการสู้กันภายในชั้นศาลที่ต่างฝ่ายต่างงัดหลักฐานเพื่อจูงใจคณะลูกขุนและผู้พิพากษา ซึ่งนี่แหละค่ะคือความสนุกของเรื่องนี้เพราะทุกคำของพยานนั้นคือเรื่องเล่าที่จะค่อยๆพาทุกคนไปหลอนกับชีวิตวัย 19 ปีของ Emily โดยพยานปากแรกอย่างคุณครูของ Emily ได้เล่าว่าเธอได้รับโทรศัพท์จากลูกศิษย์ในช่วงตกดึกคนหนึ่งซึงเป็นเสียงของ Emily ที่กรีดร้องด้วยความผวาและหวาดกลัวสิ่งใดสิ่งหนึ่ง และยังคงมีพยานอีกหลายปากที่เห็นความปกติของ Emily หลังจากคืนที่เธอต้องอยู่หอพักมหาวิทยาลัยคนเดียว แต่! มันเป็นเพียงคำให้การที่ค่อนข้างเชื่อไปทางไสยศาสตร์ได้ไม่สุดเมื่อทางฝั่งที่ปกป้อง Emily ได้ยื่นหลักฐานว่าเธอเคยเข้ารับการรักษาเกี่ยวกับโรคลมชักขั้นร้ายแรงมาก่อนและเรื่องทั้งหมดอาจจะเป็นเพียงแค่การกำเริบของโรคเก่าของเธอแต่กลับถูกครอบครัวที่งมงายพาไปไล่ผีซะงั้น นั่นแหละค่ะ ต่างฝ่ายต่างงัดหลักฐานเข้าสู้โดยมีทางฝั่งวิทยาศาสตร์อยู่เหนือกว่ามากเนื่องจากหลักฐานมีทฤษฎีชี้ชัดไม่ใช่เพียงแค่ความจริงที่จับต้องไม่ได้อย่างคำพูดของบาทหลวงตอนพีคห้ามกดข้าม! อย่างที่ทุกคนทราบว่านี่คือหนังสยองขวัญที่มีการไล่ผี ฉะนั้นฉากที่ไม่ควรพลาดเลยคือฉากไล่ผีที่เรียกได้ว่านักแสดงทุกคนแสดงได้สมบทบาทจนถ้าบอกว่านั่นคือภาพบันทึกของจริงก็เชื่อ ยิ่งดูยิ่งขนลุกค่ะ โดยเฉพาะในช่วงที่บาทหลวงพยายามเค้นหาชื่อของปีศาจที่สิงสู่หญิงสาว ซึ่งการกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งจำเป็นมากนะคะที่จะต้องรู้ชื่อของปีศาจที่เข้ามาสิงเพราะหากเรารู้ชื่อ เราสามารถที่จะขานชื่อของมันอย่างเฉพาะเจาะจงในการขับไล่และสาปแช่งนั่นเอง และความตกใจของเรื่องนี้คือเมื่อบาทหลวงถามชื่อปีศาจกลับได้คำตอบเป็นการนับเลข 1-6 แบบภาษาโรมันเก่าโบราณ ยิ่งถามซ้ำก็ได้รับเพียงแค่นี้จนกระทั่งหมดความอดทนและตะคอกปีศาจร้ายด้วยพระนามของพระเจ้า สุดท้ายก็ต้องพูดออกมาอ่ะนะเพราะถูกต้อนขนาดนี้แต่ชื่อแต่ละชื่อกลับน่ากลัวและขนลุกไปตามๆกัน เพราะทุกตนที่มาสิงสู่ Emily คือตัวเป้งๆของปีศาจทั้งนั้นเลยค่ะ! อีกตอนหนึ่งที่สำคัญเช่นกันคือตอนที่ได้ฉายให้เห็นมุมมองของแฟนหนุ่ม Emily ที่ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงพีคของเธอและเห็นกับตาว่ามันไม่ใช่โรคประจำตัวของ Emily แต่มันคือสิ่งอื่นที่เข้ามาครอบงำแฟนสาวของเขา ซึ่งฉากนั้นก็คือฉากที่เขาได้ตามแฟนสาวเข้าไปในโบสถ์เพื่อตามดูและคอยเทคแคร์หากเธอเป็นอะไรขึ้นมาเพราะดูเหมือนแฟนสาวจะดูไม่เป็นตัวของตัวเองช่วงนี้ แถมยังดูระแวงสิ่งรอบข้างคล้ายสติหลุด แต่ก็ตกตะลึงกับภาพตรงหน้าของ Emily ที่กรีดร้องและฉากนี้ดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นการสิงสู่อย่างเต็มรณณูปแบบของปีศาจในตัวเธอ เขามั่นใจร้อยเปอร์เซ็นและกล้าเอาหัวเป็นประกันว่าวันนั้นคนที่เขาเจอไม่ใช่แฟนสาวที่โรคกำเริบ แต่เป็นใครก็ไม่รู้ที่อยู่ในร่างของเธอ ตอนจบ: ตอนจบค่อนข้างดีและสิ่งที่ตราตรึงใจในตอนจบของเรื่องคือคำพูดของบาทหลวงค่ะ ซึ่งเขาพูดด้วยความไม่เกรงกลัวใดๆและมั่นใจในสิ่งที่พูดออกมาว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้น "เป็นพระประสงค์ของพระเจ้า, ศาลไม่สามารถตัดสินได้" ซึ่งนี่เป็นฉากที่เล็งให้เห็นว่าคนที่เชื่อก็เชื่อจริงๆและมีเหตุผลในตัวอยู่เสมอ แม้อีกฝั่งหรือหลายๆคนไม่เชื่อถึงสิ่งที่เขาพูดและมองว่าเป็นเหตุผลที่ไร้สาระแต่จะให้ทำไงได้เพราะแม้แต่ความเชื่อ พวกเขายังไม่มีเลยนั่นเอง แต่ก็อย่างที่ว่านั่นแหละค่ะว่ามันเป็นเพียงแค่ความเชื่อที่พิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ให้เห็นเป็นลายลักษณ์อักษรไม่ได้ และภาพยนตร์เรื่อง The Exorcism of Emily Rose ก็เป็นเพียงการนำเอาเรื่องที่เกิดขึ้นจริงมาถ่ายทอดเป็นภาพยนตร์เพื่อตีแผ่ถึงความฉงนของเคสนี้ที่ไม่สามารถสรุปคำตอบได้ว่าแท้จริงแล้วนั้นเด็กสาวนั้นเป็นอะไรกันแน่ คนที่รู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้นก็คือ Emily Rose คนเดียวเท่านั้น ส่วนตัวแล้วทางไรต์ค่อนข้างเชื่อไปทางบาทหลวงเพราะเราเองก็เชื่อเกี่ยวกับเรื่องเหนือธรรมชาติอยู่แล้ว จึงอยากแบ่งปันเกี่ยวกับสิ่งนี้ทางด้านความจริงที่เป็นข้อมูลมานะคะว่า แท้จริงแล้วหญิงสาวในเรื่องอย่าง Emily Rose นั่นชื่อว่า Anneliese Michel และเรื่องภายในภาพยนตร์ก็ค่อนข้างตรงกับเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแต่อาจจะมีในเรื่องของคำพูดหรือบางอย่างที่เปลี่ยนไปตามบทบ้าง โดยแท้จริงแล้วนั้น Michel ได้รับการรักษาโรคลมชักตั้งแต่อายุ 16 เพราะถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคนั้นและพยายามประคับประคองจนดูเหมือนจะกลับมาเป็นปกติ แต่แล้วก็กลับมาทรุดหนักขึ้นอีกรอบและทีนี้ทางฝั่งครอบครัวที่เคร่งศาสนาอยู่แล้วเห็นท่าไม่ดีและสัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกๆในตัวลูกสาว ท้ายที่สุดจึงตัดสินใจรักษาลูกโดยบาทหลวงในการขับไล่ผีดีกว่า แต่ดูท่าจะแย่ลงเรื่อยๆจนกระทั่งเธอเสียชีวิตและเป็นเรื่องขึ้นโลงขึ้นศาลนั่นเอง ติดตามดูข้อมูลต่อได้ที่ลิ้งนี้ คลิปเหตุการณ์จริงและการตีแผ่ข้อมูล เรื่องราวของ The Exorcism of Emily Rose เป็นเรื่องราวที่ยังคงเป็นปริศนาและแล้วแต่วิจารณญาณของแต่ละคนด้วยนะคะ แต่ใดๆเนื้อหาและองค์ประกอบของภาพยนตร์ทำออกมาได้ดีและพาเราเข้าไปในหนังได้ดีมาก เป็นหนึ่งในหนังสยองขวัญที่ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ก็จะหยิบยกเอามาแนะนำและจำฝังใจแน่นอน ฉะนั้นหากผู้อ่านกำลังหาหนังผีดีๆดูสักเรื่อง ไรต์ก็อยากจะขอแนะนำเรื่องนี้เอาไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของผู้อ่านด้วยนะคะ ตอนนี้ก็ต้องขอลากันไปก่อนแต่รู้ใช่มั้ยคะว่าหนังดีซีรีย์ดังยังมีอีกเป็นล้านแปดเรื่อง ฉะนั้นครั้งหน้าไรต์จะมารีวิวหนังหรือซีรีย์เรื่องไหนอีกนั้น อย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ ขอขอบคุณปกนั้นไรต์ทำเอง / ภาพประกอบที่ 1 / ภาพประกอบที่ 2 / ภาพประกอบที่ 3 / ภาพประกอบที่ 4 / ภาพประกอบที่ 5 / ภาพประกอบที่ 6 / ภาพประกอบที่ 7 / ภาพประกอบที่ 8 / ภาพประกอบที่ 9 / ภาพประกอบที่ 10