The pursuit of Happyness (2006) “ความสุขที่สะกดไม่ถูก และความพยายามที่เกือบจะสูญเปล่า” หนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีอีกเรื่องหนึ่ง โดยเป็นหนังที่กล่าวถึงเรื่องราวของคริส การ์ดเนอร์ ที่พยายามดิ้นรนสารพัดรูปแบบเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูกชายตัวเล็ก ๆ วัย 5 ขวบของเขา ความอดทน กระเสือกกระสนจึงมีให้เห็นได้ในตลอดทั้งเรื่อง และข้อดีข้อหนึ่งที่ชอบมากคือการที่มีเสียงของพระเอกคอยบรรยายให้ฟังว่าช่วงชีวิตนั้นเป็นแบบไหน เหมือนเป็นการสรุปเรื่องราวช่วงนั้นในคำเดียว ในช่วงแรกที่คริสได้ถูกเสนอให้เข้าอบรมในสิ่งที่ปรารถนาอยู่หนักหนา แต่เขาก็ต้องเดินมาถึงจุดที่ต้องตัดสินใจ เมื่อการอบรมนั้นไม่ได้ ‘เงิน’ มาจุนเจือชีวิตสักนิด สิ่งที่เป็นเหมือนความสุขของคริสคือความสุขจริง ๆ หรือเปล่า หรือเป็นผลพลอยได้ที่เกิดจากเงินเท่านั้น? แต่คิดว่าไม่ใช่ทั้งคู่เพราะสิ่งที่คริสต้องการน่าจะเป็นความสุขที่มาจากการมีเงินก่อนเหนืออื่นใด หลาย ๆ ความสุขในชีวิตล้วนเป็นสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยเงินทั้งนั้น คงปฏิเสธไม่ได้ว่าชีวิตที่ปราศจากเงินของคริสนั้น เป็นช่วงชีวิตที่จัดได้ว่า ‘แย่’ เลยทีเดียว ซึ่งในที่นี้เงินอาจจะไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด แต่หลาย ๆ อย่างในชีวิตล้วนต้องอาศัยเงินในการจัดหามา ในช่วงกลางเรื่องที่คริสเกิดภาวะถังแตกเหมือนจะเป็นจุดที่ต่ำที่สุดของชีวิตเขาแล้ว แต่มันไม่ใช่ เมื่อนั่นเป็นเพียงแค่ด่านแรกของมรสุมที่รอคอยเขาอยู่ การด่ำดิ่งในชีวิตของคริสยังคงดำเนินต่อไป จนถึงจุดที่เรียกว่า ‘ตกอับ’ โดยเฉพาะฉากในสถานีรถไฟใต้ดินนั้นสะเทือนใจมาก (ก.ไก่ล้านตัว) แม้ว่าหนังจะแสดงออกว่าลูกชายของเขาไม่ได้รู้สึกอะไร แต่อยากจะบอกว่าคนดูนั้นรู้สึกมากเหลือเกิน ก่อนที่ชีวิตเขาจะค่อย ๆ ดีขึ้น และหนังได้ให้โอกาสเขาได้ลืมตาอ้าปากบ้าง สิ่งหนึ่งที่เหมือนเป็นตัวแทนของอะไรบางอย่างในหนังเรื่องนี้คือ ‘รูบิค’ มันคงไม่ได้สื่อถึงความพยายามเพราะในขณะที่คนอื่นใช้มันมากมาย แต่คริสกลับเอาชนะมันได้เพียงง่าย ๆ ซึ่งผิดกับหลักความเป็นจริงอยู่มากนัก จึงไม่แน่ใจว่ามันเป็นตัวแทนของสิ่งใดหรือความจริงแล้ว ‘รูบิค’ ก็แค่ ‘รูบิค’ ไม่ได้มีความหมายมากมายเหนืออื่นใดเลย มันอาจจะเป็นแค่ตัวแทนบ่งบอกถึงความฉลาดที่คริสดูจะมีมากกว่าที่คนอื่น ๆ มีก็แค่นั้น เรื่องราวของคริสก็คงเป็นเหมือนในหนังสูตรสำเร็จทั่ว ๆ ไป ที่มีอุปสรรคมากมายมาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่สิ่งที่ทำให้รู้สึกว่าคริสดูแตกต่างจากตัวละครเด่น ๆ ทั่วไป คือ โดยส่วนตัวรู้สึกว่าตัวละครนี้ไม่ได้เป็นสีขาวแบบขาวสะอาด แต่เหมือนจะมีเทา ๆ ปนอยู่บ้างในบางส่วน เคยมีโอกาสได้อ่านบทสัมภาษณ์เกี่ยวกับการสะกด happiness นั้น ใช้ y แทนที่จะเป็น i แบบปกติ นั่นเป็นเพราะผู้สร้างอยากจะสื่อถึงว่าการจะมีความสุขนั้นเริ่มต้นมาจากตัวผู้อื่น (You) มากกว่าการที่จะคิดถึง I อยู่ฝ่ายเดียว สุดท้ายแล้วไม่ว่าความสุขจะสะกดถูกหรือยัง แต่คริส การ์ดเนอร์ กับลูกชายคงจะได้รู้ถึงความหมายของมันบ้างไม่มากก็น้อย... ขอบคุณภาพประกอบจาก Official trailerภาพปกจาก https://wall.alphacoders.com/big.php?i=636727