รีเซต

เล่าทั้งน้ำตา เกือบไม่มีพระเอกชื่อ "ไมค์ ภัทรเดช" เพราะสาเหตุนี้!?

เล่าทั้งน้ำตา เกือบไม่มีพระเอกชื่อ "ไมค์ ภัทรเดช" เพราะสาเหตุนี้!?
TNN ช่อง16
29 กันยายน 2565 ( 14:59 )
1.1K

พระเอกหนุ่มฮอต "ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี" ที่ออกมาเปิดใจเล่าชีวิตสุดดาร์กในอดีต กว่าจะเป็นพระเอกดังในวันนี้ ต้องผ่านอะไรมากมาย ในรายการใหม่ของสาว ปุ๊กลุก ฝนทิพย์  TurningPoint EP.1 : เกือบไม่มีพระเอกชื่อ "ไมค์ ภัทรเดช" 

 

ภาพจาก ig : mike_pattaradet

ภาพจาก ig : mike_pattaradet

 

 

ไมค์ เล่าให้ฟังว่า "โตมาด้วยความที่เราหน้าตามันก็ใช้ได้เนอะ ตั้งแต่เด็กแล้ว จริงๆ เราเป็นคนขี้อาย มีคนถามเราก็บอกว่าไม่ได้อยากเป็นดารา แต่ในลึกๆ  ใครไม่อยากเป็นดารา ได้ออกหน้าทีวี ดูเป็นพระเอก จนอายุ 16 อยู่ม. 4  ก็มีคนมาชวนไปประกวดดัชชี่ เราก็ไปประกวด แล้วได้ที่ 1 ของภาคอีสาน แล้วมาประกวดที่กรุงเทพได้ที่ 3 และได้เข้ามาอยู่ในสารบบของวงการบันเทิงแป๊บนึงแล้วมาเจอเรื่องราวที่มันไม่ใช่...

 

ผมไม่ได้เกลียดกะเทยนะ มีเพื่อนกะเทยเยอะมากและรักเขามาก เพราะเขาเป็นคนที่สนุกมาก แต่คนที่พาเรามาประกวดดัชชี่ มันเป็นอีกแบบหนึ่ง ด้วยความที่เราเป็นเด็กตัวเล็กๆ มีความฝันและเขาเป็นคนพาเราไปเขาต้องการอะไรที่มากกว่านั้น เป็นด่านแรกที่เราต้องผ่านก่อนที่เราจะเป็นพระเอก

 

ด่านแรกที่เราต้องเจอ คือเราต้องให้เขากินก่อน เขาจะกินเรา เขาจะกินของเรา ตอนแรกเรารักเขามาก คือเราเป็นเด็กบ้านนอก ไม่ได้คิดอะไรเลย อยู่ดีๆ วันนึงจะมาทำอย่างนั้นกับเราตอนนั้นอประมาณ ม.5  เราก็ตัดเขาไปเลย ก็กลับไปเรียนหนังสือ ไปเรียนที่จีนจนอายุ 21 ปี

 

ผมเติบโตมาด้วยชีวิตอิสระมาก เรามีฐานะค่อนข้างดี ขายอะไหล่แต่งรถมอเตอร์ไซค์  วันหนึ่งเราโตขึ้นมาตอนนั้นเรียนอยู่ที่จีน ก็ขอเงินแม่ ซึ่งปกติแม่เป็นคนที่โอนเงินไวมาก โทรปุ๊บโอนปั๊บ

 

เราใช้เงินอิสระมาก แม่โอนให้ตลอด จนวันนึงแม่โอนช้าไป 1 อาทิตย์ เลยโทรไปถามแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เล่ามาเลย และแม่ก็บอกว่า แม่ไม่มีเงิน ล้มละลาย เพิ่งเลิกกับป๊า เพิ่งหย่ากัน แม่คงกลัวว่าผมจะเครียด คำแรกผมบอกแม่ว่าไม่เป็นไร  เทอมแรกเขามีสอบชิงทุน ซึ่งผมผมสอบได้อยู่แล้ว และไม่เคยได้บอกแม่  ผมใช้เดือนละ 5 พัน ก็บอกให้แม่ดูแลตัวเอง เดี๋ยวผมกลับไปผมจะดูแลแม่เอง เป้าหมายเดียวในชีวิตตอนนั้นคือผมจะต้องดูแลแม่ผมให้ได้

 

แล้วพอกลับจากจีน ผมได้เจอกับคนที่ผมรักมาก และผมได้ฝากชีวิตไว้กับเขา และเขาได้แนะนำผมให้รู้จักกับคนๆ หนึ่งที่จะพาผมไปสู่ดวงดาว เป็นผู้จัดการดาราใหญ่มาก แต่พอไปเจอเขาวันแรก พี่คนนี้ เขาให้เราไปรับที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง  เขาพาดาราเขาไปทำงาน พอรับเขาไปส่ง ก็ช่วยเขาขนของขึ้นไปให้ พอขนของเสร็จผมก็จะกลับแต่เขาชวนให้ไปคุยกันก่อน ก็คุยในห้องนอนเขาก็ขอให้ผมถอดเสื้อ เขาขอดูหุ่นจะเป็นดารารูปร่างต้องเป็นยังไง พอถอดเสร็จก็ให้ถอดกางเกง ผมก็ถอดเพราะเขาบอกว่าอยากดูต้นขา เพราะดาราบางคนขาใหญ่ บางคนขาเล็ก ใส่ยีนส์อย่างไรจะได้เหมาะ

 

ตอนนี้รู้สึกว่ามันเป็นไปได้อย่างที่เขาพูด ดูเสร็จเรียกให้ไปนั่งบนเตียง มานั่งคุยกัน ตอนนี้ถ้าพูดแล้วอยากต่อยหน้าตัวเอง ว่าทำไมถึงอยากเป็นดาราขนาดนั้น ตอนนั้นรู้ แต่โชคดีที่ศักดิ์ศรีมันใหญ่พอ เขาก็ถอดเสื้อ ผมก็เลยลุกและถามเขาว่า การจะเป็นพระเอก เป็นดารา ต้องทำแบบนี้ทุกคนไหม เขาตอบผมว่า ก็แล้วแต่  ก็เลยตัดสินใจว่าไม่เป็นดาราแล้ว

 

ใกล้จบก็ไปฝึกงานที่กรุงเทพฯ เป็นผู้จัดการคนก่อนหน้านี้ เขารักเรามาก เขาพูดอยากปั้นเราเป็นดารา ก็รู้สึกกลัวขึ้นมา แต่เขาเป็นผู้หญิงก็เลยลองดูอีกสักครั้งว่ามันเป็นยังไง พอเรียนจบก็มีโอกาสในวงการบันเทิง มีแพลนเรียนต่อ และมีงานที่อู่เรือที่เซินเจิ้น เงินเดือน 3 หมื่น แต่เราเลือกทำงานในวงการบันเทิง

 

ตอนที่อยู่ขอนแก่น มีเด็กหลายคนที่ได้เข้าวงการบันเทิง อย่าง ณเดชน์ , โตโน่ , เวียร์  และเราก็เป็นอีกคนที่คนในขอนแก่นก็รู้จัก ทุกคนทำได้ เราก็ต้องทำได้ 3 หมื่นไม่เอา แต่จะเป็นเหมือนเขา เราตัดสินใจเลือกทางนี้เพราะว่ามันเป็นทางเดียวที่จะดูแลแม่ได้ 3 ปีผ่านไปยังวนเวียนกับการเดินแบบ แต่ก็ได้เล่นละครอยู่เรื่องหนึ่ง และคิดว่าละครเรื่องนี้ที่จะพาเราไปให้ได้เหมือนคนอื่นเขา ถ่ายอยู่ 1 ปี 3 เดือน ได้เงินค่าตอน 8 พันบาท คูณ 15 ได้มา 2 แสนกว่าบาท เฉลี่ยต่อเดือนแล้วเงินไม่เหลือเลย 

 

ไปดูเฟซบุ๊กเพื่อนที่เรียนที่จีนด้วยกัน บางคนทำธุรกิจส่วนตัวแล้ว นำเข้าส่งออกจนรวย บางคนไปเรียนต่อมีชีวิตที่ดี เครียดมากว่าตัวเองคิดผิดหรือคิดถูก แล้วก็ส่งผมไปเรียนบำบัดจิตกับครูเงาะ ก็เริ่มมีความสุขขึ้น ก็เริ่มทำงานเก็บเงินได้ มีความคิดที่ดีขึ้น มองโลกในแง่บวกมากขึ้น ทำงานเก็บเงินจนได้ 280,000 บาท ก็คิดถึงแม่ ซื้อคอนโด 240,000 บาท เหลือเงิน 40,000 แล้วแม่ก็มาอยู่ด้วยจนถึงวันนี้

 

ก็ต้องขอบคุณผู้จัดการของเรา พี่กบ เขาน่ารักมาก ทุกวันนี้ก็ยังรักเขา แต่ไม่ได้ดูแลกันด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่ใช่เงินทอง แต่เรารักเขามาชีวิตพี่กบมีขึ้นมีลง ตอนที่ชีวิตเขาลงเขาก็ขายรถเขา เขาก็เหลือรถคันเล็กไว้ แล้วตัวเองนั่งแท็กซี่ไปทำงานและทิ้งรถคันนั้นไว้ให้เราขับไปเล่นฟิตเนส ไปเรียนการแสดง พี่กบออกไปทำงานแต่เช้า ทิ้งเงินไว้ให้วันละ 500 บาท ผมจำได้ ผมไม่เคยลืม..."

 

ภาพจาก youtube : Fonthip Watcharatrakulภาพจาก youtube : Fonthip Watcharatrakulภาพจาก youtube : Fonthip Watcharatrakul
ภาพจาก youtube : Fonthip Watcharatrakul

 

 

"(ร้องไห้) เคยอยากฆ่าตัวตาย ไม่เคยมีใครรู้ว่าชีวิตเราผ่านอะไรมาเยอะมาก ไม่อยากพูดถึงมัน เราเป็นคนมองโลกในแง่บวก ไม่อยากคิดถึงอะไรที่มันผ่านมาแล้ว พยายามที่จะผ่านมันไป ในวันที่เครียดมันเครียดมาก เรารักแม่ แต่ยังไปไม่ถึงไหน ปัญหาครอบครัวก็ยังใหญ่อยู่

 

เคยมีความคิดนั้นอยู่แล้ว คอนโดอยู่ชั้น 26 ช่วงนึงเครียดมาก ทำงานก็ไม่โตเลยแล้วใช้ชีวิตอยู่ไปวันๆ ละครเรื่องหนึ่งถ่ายหลายเดือน ไม่มีงานไม่มีอะไร ก็ถ่ายแต่ละคร  ก็นั่งกินเหล้าอยู่ริมระเบียงเกือบทุกวัน แต่ไม่เคยให้แม่รู้นะ มองระเบียงทุกวัน มีสระน้ำกระโดดลงไปคงไม่ตายหรอก ทั้งๆ ที่จริงๆ อยากตาย ผ่านความคิดตรงนั้นมาเยอะมาก เครียดมาก แต่ก็ไม่ทำสักวันเพราะเรามีแม่อยู่ 

 

จนวันหนึ่งทำงานเหนื่อยมาก นั่งกินเหล้าอยู่ระเบียง มองผ่านไปในห้องเห็นแม่กำลังเตรียมน้ำผลไม้ให้เราไปกอง แม่ไปกองกับเราทุกวัน คืนนั้นที่เห็นแม่นั่งเตรียมของให้ พลังงานเปลี่ยน มีสติมากขึ้น เราอยู่เพราะแม่และแม่ก็ไม่เห็นทุกข์เลย มีความสุขด้วย แม่ยิ้ม ตั้งแต่วันนั้นงานไปขึ้นเรื่อยๆ ละครเรื่องใยกัลยา หลังจากวันนั้นชีวิตเราดีขึ้นเรื่อยๆ เลย"

 

ภาพจาก ig : mike_pattaradetภาพจาก ig : mike_pattaradet

ภาพจาก ig : mike_pattaradet