Short CommentSeoul Vibe: ซิ่งทะลุโซล (2022)งานรวมดาราที่มากันอย่างถึงใจ ดูเพลินพอได้ แต่ถ้ากระชับอีกหน่อยจะไฉไลกว่านี้เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมามีหนังเกาหลียี่ห้อ NETLIX Film เข้าฉายมาแล้วหนึ่งเรื่อง กับหนังที่ตั้งท่ามาขายความบันเทิงเต็มที่ที่มาพร้อมความบันเทิงและความแปลกในการนำเสนอแบบ Non-Stop Action ที่อัดใส่คนดูจนแทบไม่มีเวลาพักหายใจกับ Carter แต่ที่ดูผิดฟอร์มไปจากหนังเกาหลีที่ดูไปบ่นไปเคยได้สัมผัสมาคือความไร้มิติ เป็นร่างกายที่บึกบึนสวยงามดูแข็งแรงแต่ไม่มีหัวใจเพราะการพยายามเสนอความแหวกในแบบ Long Take ที่เวลาจริงกับเวลาฉายเท่ากันทำให้มิติเชิงลึกไม่มี แน่นอนว่าเมื่อคนดูไม่มีใจให้กับหนังหนังก็เลือนหายไปตามสายลมแห่งกาลเวลาทั้งที่เพิ่งผ่านมาไม่นาน จนมาวันนี้ที่เป็นปลายเดือนหนัง NETLIX Film จากเกาหลีก็มาอีกหนึ่งเรื่องที่ยังคงชัดว่ามาเพื่อความบันเทิงแต่คราวนี้มาแบบทีเล่นทีจริงไม่ซีเรียส แถมยังระดมนักแสดงมาคับคั่งจนอาจเรียกว่าหนังรวมดาราก็ย่อมได้แต่ไม่รู้ทำไมหนังเกาหลีที่สร้างโดย NETFLIX ถึงชอบเล่าเรื่องยาวจนกลายเป็นเยอะเกินไปก็ไม่ทราบหนังเปิดตัวดงอุค (ยูอาอิน) ว่าคือนักซิ่งมือหนึ่งที่กำลังกลับเกาหลีมาในปี 1988 ที่เกาหลีกำลังจะเป็นเจ้าภาพโอลิมปิค แต่วีรกรรมที่เขาและน้องชายจุนกิ (องซองอู) ที่ก่อไว้ในต่างประเทศก็ตามมาหลอกหลอนเมื่ออัยการอัน (โอจองเซ) ใช้ความผิดเหล่านั้นมาบีบให้ดงอุคพร้อมเพื่อพ้องน้องพี่ที่ประกอบด้วยอูซัม (โกคยองพโย) เพื่อน บ๊กนัม (อีคยูฮยอง) พี่ชายและยุนฮี (พัคจูฮยอน) น้องสาวแฝงตัวไปสืบหาหลักฐานการฟอกเงินของประธานคัง (มูนโซรี) ที่มีสมุนคู่ใจจอมโหดผู้พันอี (คิมซังคยุน) แถมยังพัวพันกับระดับสูง โดยการที่ให้ดงอุคไปทำงานเป็นคนขับรถขนเงินผิดกฎหมายเพื่อแลกกับการล้างประวัติและวีซ่าไปอยู่อเมริกาของดงอุคและพี่น้อง แต่เหตุการณ์คงไม่ราบรื่นเพราะฝ่ายประธานคังก็เขี้ยวพอความจึงแตกทำให้อันตรายคืบคลานมาและพวกของดงอุคถูกป้ายสีให้กลายเป็นคนร้าย ดงอุคจึงต้องเปิดโปงแผนการของประธานคังให้ได้ในวันพิธีเปิดโอลิมปิคเมื่อเวลากลายมาเป็นศัตรูกับความต้องการเล่าเรื่อง เมื่อเห็นหน้าหนังแล้วเชื่อว่าคนดูร้อยทั้งร้อยจะคิดว่านี่คือหนังซิ่งรถมันส์ๆมีฉากหวือหวาเร้าใจไล่ล่าบนท้องถนนในกรุงโซลท่ามกลางช่วงเวลาแห่งสีสันกับการแข่งขันโอลิมปิค ซึ่งมันก็ยังใช่เพียงแต่บทหนังมีเรื่องที่ต้องการเล่ามากไปเพราะนี่คือหนังที่รวมนักแสดงมีชื่อไว้มากมาย ทำให้หนังที่ไม่ต่างจากการยกเอาบางส่วนของหนังตระกูล Fast มาเล่าที่ไม่ต้องคาดเดาว่าเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ที่เหลือคือความพยายามเล่าให้ครอบคลุมตัวละครที่มากหลายแต่ปัญหาคือหนังประมาณนี้มันควรจะจบลงที่เวลาชั่วโมงครึ่งหรือไม่เกินสองชั่วโมง ทำให้เวลาของหนังที่ปาเข้าไปสองชั่วโมงกว่ากลายเป็นไปเล่าเรื่องอะไรที่ไม่จำเป็นที่เห็นเจตนามาเพื่อเป็นงานทีเล่นทีจริงที่จะมายียวนและสนุกปนขำ แต่สิ่งที่เป็นกลายมาเป็นการเล่าบางเรื่องที่ไม่มีก็ไม่เป็นไรแถมยังลืมอะไรทิ้งไว้ชิ้นเบ้อเริ่มทั้งที่เปิดไว้อย่างมีพลังที่ซาวน่า ทำให้การซิ่งรถกลายมาเป็นแค่ไม้ประดับอย่างน่าเสียดายทำให้บทมีปัญหาในการสร้างอารมณ์ร่วมและคนดูสัมผัสมิติเชิงความสัมพันธ์ไม่ได้ ถ้าบทหนังจะเล่าเรื่องในส่วนของความสัมพันธ์ของครอบครัวโทเร็ตโต้ เอ๊ย ครอบครัวของดงอุคบ้างแทนที่จะไปเล่าเรื่องไม่เป็นเรื่องอย่างการพยายามขายขำที่บางทีมันไม่ขำหนังน่าจะได้ใจมากกว่านี้ เพราะตลอดทั้งเรื่องเหมือนตัวละครต่างคนต่างออกจากบ้านมาคนละทิศทางไม่ใช่คนที่มีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและพร้อมร่วมหัวจมท้ายไปด้วยกัน ทั้งมิติความเป็นเพื่อนหรือพี่น้องคนดูจับต้องไม่ได้เลยทำให้คนดูไม่รู้สึกเอาใจช่วยหรือรู้สึกอะไรไปกับพวกเขา แต่คนดูเหมือนคนนั่งดูจริงๆแบบคนพวกนี้จะเป็นยังไงต่อไปตัวข้าก็ไม่เกี่ยวอะไรด้วยแค่อยากรู้ว่าวิธีการที่จะไปสู่จุดสุดท้ายจะเป็นเช่นไร และไม่ใช่แค่ฝั่งพระเอกแต่ฝั่งผู้ร้ายก็ไม่ต่างกันเมื่อคนดูก็ไม่รู้สึกอะไรเพราะหนังเล่าเรื่องความสัมพันธ์ไม่ได้ ทำให้คนดูดูได้เรื่อยๆเหนื่อยก็พักเพราะเหมือนเล่าไปเรื่อยๆเอาจริงก็ไม่ใช่จะเอาฮาก็ยังไม่สุดแต่โดยรวมแล้วหนังก็ยังดูได้แบบเพลินดีแค่ไม่มีอะไรให้ติดใจเท่านั้น เพราะการพยายามเล่าให้มากที่เหมือนเป็นโจทย์ของคนเขียนบทของเกาหลีจึงทำให้บางครั้งน้ำมีเยอะกว่าเนื้อและเรื่องนี้เป็นประมาณนั้น กระนั้นหนังก็ยังมีอะไรมากระตุกต่อมความสนุกให้คนดูดูเพลินได้กับการขับรถไล่ล่าในตอนท้ายที่อาจเห็นมาอย่างมากมาย แต่เมื่อถูกเซ็ตบนสีสันของสถานที่หรือเหตุการณ์และสถานการณ์จึงทำให้หนังมีฉากไคลแม็กซ์ที่สนุกดีพอตัว และระหว่างทางยังได้ความสนุกของการเล่นกันแบบสนุกๆของนักแสดงที่อาจไม่ได้เข้าขาหรือจับต้องมิติเชิงลึกไม่ได้แต่ทุกคนเหมือนได้บทที่ผ่อนคลายทำให้แม้หนังอาจดูสะเปะสะปะแต่ยังไม่หลุดไปจากถนนสายหลัก เพียงแค่มันคือความบันเทิงที่ยังไม่สุดทางคือจะทีเล่นก็ไม่เล่นให้สนุกสุดไปจะเป็นการ์ตูนไปเลยก็คงไม่มีใครว่าแล้วจะทีจริงก็ยังไม่เข้มพอ ทำให้เป็นความบันเทิงที่ยังไม่ถึงจุดที่ห้ามพลาดแต่อยู่ในระดับไม่ดูก็ไม่เสียหายแต่ถ้าดูก็จะมีอะไรสนุกๆให้ดูได้เพลินดีแค่ไม่มีอะไรติดตรึงหรือประทับใจส่วนที่เพลิดเพลินที่สุดคือนักแสดงที่มาเล่นเอามันส์กันทุกคนทำให้เรื่องออกมามีสีสัน แต่อย่างว่าคือมิติของบทมีมาให้แค่นั้นนักแสดงก็ทำอะไรไม่ได้มากทั้งยูอาอิน,อีคยูฮยอง,โกคยองพโยหรือโอจองเซที่พิสูจน์ตัวเองมามากมายแล้วว่าถ้าได้บทที่มีมิติพวกเขาจัดการได้ ส่วนพัคจูฮยอนนั้นเหมือนมาเป็นสีสันหรือเป็นดอกไม้ในแจกันมากกว่าเพราะบทของเธอไม่มีก็ไม่เสียหาย ส่วนคนอื่นๆที่ทั้งมาเอาจริงอย่างมูนโซรีหรือคิมซังคยุนก็คือตัวร้ายมิติเดียวในหนังแบบนี้ ส่วนที่มาเอาใจที่เป็นสีสันแปลกไปคือตัวร้ายตลอดกาลอย่างจองอุงอินที่คราวนี้พลิกมาเป็นคนดีบ้างหลังจากที่เคยเห็นใน Prison Playbook หรืออาจรวมบทรับเชิญที่มาเพียงไม่กี่วินาทีของอีเซยองด้วยก็ยังได้เพราะความจริงบทตั้งใจให้ตัวละครเหล่านี้มาสนุกหรือให้นักแสดงได้เล่นสนุกแบบผ่อนคลาย เพียงแต่บทยังบริหารจัดการไม่ได้เพราะมีเรื่องให้เล่ามากไปและเป็นหนังที่ไม่ใช่ภาคต่อพื้นฐานตัวละครจึงมีปัญหา คนดูจึงได้แค่ดูการแสดงของพวกเขามากกว่าจะรู้สึกว่าพวกเขาคือตัวละครเหล่านั้นซึ่งสารภาพเลยว่าเสียดายศักยภาพนักแสดงและที่น่าเสียดายยิ่งกว่าคือหนังพยายามเล่าเรื่องผ่านตัวละครมากกว่าจะเล่าผ่านสีสันที่เป็นแบ็คกราวด์ ทั้งรถหรือเพลงและฉากสถานที่ที่เอาจริงคือความเพลินตาอยู่ที่ตรงนี้ที่ถ้าเอามาใช้ประโยชน์ได้กว่านี้จะดีมากเพราะก็คงตั้งใจมามีอารมณ์ถวิลหาอดีตแน่นอน เพราะเห็นเลยว่าจงใจใส่สัญลักษณ์แห่งยุคสมัยเข้ามาทั้งเหตุการณ์และข้าวของเครื่องใช้รวมถึงทัศนคติชมชอบวัฒนธรรมตะวันตกของตัวละคร แต่หนังกลับพยายามไปเล่าเรื่องด้วยมุขตลกส่วนบุคคลที่โดนบ้างวืดบ้างแต่ทำให้เวลาฉายของหนังไม่ไปข้างหน้า นั่นคือหนังอาจจะดูเพลินก็จริงแต่สิ่งที่พยายามมาเป็นความตื่นตาไม่ทำงาน เพราะเมื่อย้อนไปหายุคสมัยที่มีสีสันที่ถ้าทำได้ถึงคนดูจะรู้สึกคิดถึงความหลังได้คนดูจะรู้สึกดีแต่สารภาพตรงนี้เลยว่าไม่รู้สึกอะไรเลย และด้วยความยาวยังทำให้เหตุการณ์ตื่นเต้นที่มีทิ้งระยะห่างเกินไปแม้ว่าหนังจะดูเพลินดีไม่ได้ถึงกับแย่เพราะบทยังมีวัตถุประสงค์และเดินไปตามนั้นอย่างเคร่งครัด เพียงแค่รายละเอียดที่พยายามใส่มาให้เยอะแต่เหมือนเกาไม่ถูกที่คันเลยทำให้น่าเสียดายว่าถ้ากระชับลงกว่านี้สักครึ่งชั่วโมงหนังจะมันส์ได้กว่านี้ขนาดไหนดูไปบ่นไปhttps://www.facebook.com/NetflixTH/videos/1676906926016902ขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5 / ภาพที่ 6,7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram netflixkrVDO จาก Facebook Netflix อ่านบทความหนังเกาหลีที่ตีตรา NETFLIX Film โดย "ดูไปบ่นไป" ได้ที่นี่ความเห็นหลังชม Yaksha: Ruthless Operations ปฏิบัติการยักษ์ล้มยักษ์ (2022) "หนังที่ความมันส์เอา(คนดู)อยู่ และไม่ได้มาเพื่อฆ่าเวลา"ความเห็นหลังชม Carter (2022) "Non-Stop แอ็คชั่นสนุกสุดมันส์และไอเดียดี แต่คิดอีกทีก็เยอะไปหน่อยมั้ย"รีวิวจัดเต็ม Tune in for Love : คลื่นรักสื่อใจ (2019) "หวานละมุนอบอุ่น หากแม้ดูเรียบเรื่อยแต่เสน่ห์ของนักแสดงก็ยกระดับให้ดูดีขึ้นได้แบบไม่ธรรมดา"คอมมูนิตี้โลกคนรักหนัง ห้องหวีดซีรีส์ดังออกใหม่มาแรง ป้ายยาหนังดีหนังโดน