รีเซต

"จิ๊บ ปกฉัตร" ควงผจก. เล่านาทีหนีตายที่พารากอน ด้านนักข่าวชื่อดังเผยอ่านแชทเด็กแล้วหดหู่!

"จิ๊บ ปกฉัตร" ควงผจก. เล่านาทีหนีตายที่พารากอน ด้านนักข่าวชื่อดังเผยอ่านแชทเด็กแล้วหดหู่!
EntertainmentReport2
4 ตุลาคม 2566 ( 19:45 )
133

กรณีเด็กชายอายุ 14 ปี ก่อเหตุกราดยิงที่สยามพารากอน เมื่อวานนี้ (3 ต.ค.66) ทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยหนึ่งในคนบันเทิงที่อยู่ในเหตุการณ์ คือ “จิ๊บ ปกฉัตร เทียมชัย” และ “เอ็ม” ผู้จัดการส่วนตัว ที่เจ้าตัวได้ถ่ายคลิประหว่างหนีตายเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์จนกลายเป็นกระแสไวรัล และถูกติติงเป็นจำนวนมาก ถึงวิธีการเอาชีวิตรอดที่ไม่ถูกหลักวิธี ล่าสุดทั้งคู่ได้มาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow ช่องOne31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และ เบนซ์ พรชิตา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

"จิ๊บ ปกฉัตร" ควงผจก. เล่านาทีหนีตายที่พารากอน ด้านนักข่าวชื่อดังเผยอ่านแชทเด็กแล้วหดหู่!

 จิ๊บ ปกฉัตรและเอ็ม ผู้จัดการส่วนตัว

จิ๊บ : ก่อนอื่นต้องพูดว่าขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและภาวนาอย่างที่สุดให้ผู้บาดเจ็บตอนนี้รอดปลอดภัย ในฐานะที่เราเจอเหตุการณ์มาเมื่อวานก็อยากโอบกอดทุกคนที่อยู่ร่วมเหตุการณ์กัน ณ บริเวณนั้น เราเข้าใจความแพนิคที่เกิดขึ้น เพราะตอนนี้เราเองก็เป็น ที่วันนี้เรามาออก เพราะจิ๊บอยากมารับผิดชอบ ในฐานะที่คลิปนี้กลายเป็นไวรัล แล้ววิธีการหนีที่เกิดขึ้นในคลิป จิ๊บอยากรับผิดชอบว่าการที่จิ๊บหนีเข้าไปในลิฟต์ ออกไปในรถหรืออะไร ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่าง ไม่ใช่วิธีการหนีที่ถูกต้อง วันนี้จิ๊บเลยขอใช้พื้นที่รายการนี้ ที่จะบอกทุกคนว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น คุณห้ามทำเลียนแบบทุกอย่างในคลิปนี้

 ทุกอย่างที่ทำมันผิดหมด?
จิ๊บ : คุณห้ามเข้าไปในลิฟต์ เพราะลิฟต์คือทางตัน เราไม่รู้ว่าเหตุเกิดชั้นไหน เราไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 ตอนที่จิ๊บไปถึงและจอดรถลง นั่นคือจังหวะที่พอดีกัน ไม่ได้อยู่ในพารากอนก่อน?
เอ็ม : ณ ตอนนั้นเราไปทำธุระกันมาก่อน แล้วไปเดินห้างกันมาก่อนที่เอ็มควอเทียร์ แล้วกลับมาห้างนี้ 4 โมงตรงเป๊ะเลย เราจอดรถชั้นเอ็มแล้วเดินขึ้นชั้น 1 พอขึ้นมาชั้น 1 เราก็ตกลงกันว่าจะทานอะไรกันดี จิ๊บบอกว่าไปชั้น 4 แล้วกัน เรากำลังเดินขึ้นบันไดเลื่อน จังหวะเดินอยู่มีคนวิ่งแล้ว เราก็พูดเล่นกับเพื่อนว่าตามดารา ข้างบนมีงาน เราคิดอย่างนี้ พอขึ้นชั้น 2 เฮ้ย! วิ่งเอีกแล้ว จิ๊บ ตามเธอแล้วล่ะ ไม่ใช่หรอก ขึ้นชั้น 3 ก็วิ่งอีก ชั้น 4 ก็วิ่งอีก เราไม่รู้จริง ๆ เราก็เดินไปตรงกลางของห้างที่จะมองลงไปว่ามันมีอะไร มองปุ๊บวิ่งทุกชั้นเลย ในทิศทางเดียวกัน ก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ดาราแล้ว แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร

 

 จิ๊บรู้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้น?
จิ๊บ : ตอนนั้นไม่รู้ว่ายังไง ก็เขาดูข่าวในทวิตเตอร์แล้วบอกว่าเขายิงกัน ก็คิดว่าเป็นแบบยิงกันเฉย ๆ ไม่รู้ว่ามันคือเหตุการณ์อะไร คิดว่าเขาคงตกใจเสียงปืนก็เลยวิ่ง เราก็เริ่มมูฟออน

 เอ็ม : เราเดินเร็วก่อน แล้วมีพี่ผู้หญิงสองคนเดินมาชนก็เลยถามว่าพี่มันคืออะไร เขายิงกันสามนัด ทีนี้ทั้งเลขา เอ็ม คนทำคอนเทนต์ก็วิ่งกัน แล้วชั้นนั้นไม่มีทางออกไปลานจอดรถ
จิ๊บ : เราไม่เคยคิดว่าเหตุการณ์จะใกล้ตัว เราก็เลยไม่สนใจว่าทางออกควรอยู่ตรงไหน ทางออกฉุกเฉินอยู่ยังไง เราไม่รู้ว่ามันใกล้ตัว เรางง และไม่มีสติ

ได้ยินเสียงปืนตอนไหน?
เอ็ม :   ตอนที่วิ่งเข้าลิฟต์แล้วเปิดชั้น 1 จะวิ่งเข้ารถ เสียงปืนไล่ตามหลัง เสียงปืนมันก้องมาก มันใกล้หลังเรามาก ทีนี้วิ่งเร็วมาก ๆ ไม่คิดชีวิตแล้ว ถ้าเห็นในคลิปที่เอ็มวิ่ง มันไม่ได้วิ่งนะ มันถูกผลักจนไหลไปเองหมดแล้ว ทุกคนหนีตายกันหมด
จิ๊บ : จะบอกว่าอย่าเอาเยี่ยงอย่างนะคะ ถ้าจะหนีห้ามหนีเข้าลิฟต์ สองไม่ควรหนีแล้วไปขึ้นรถ คุณควรหนีจนสุดทางออกจากบริเวณนั้นให้ได้ ไม่ใช่หนีไปขึ้นรถแบบที่เราทำ ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้อง ตอนนั้นเราทุกคนบริเวณนั้นขาดสติ มันคิดไม่ออก ต้องยอมรับตรงๆ คำว่าสติมันสำคัญมาก ก็ต้องขอบคุณหลายคนที่เตือนตอนหลังมา ว่าการเข้าไปบริเวณลิฟต์เราไม่รู้เขาอยู่ตรงไหน ถ้าเปิดลิฟต์มาแล้วเจอเขาเลยทำไง เราไม่ได้คิดเลยจริงๆ ฉะนั้นอย่าทำเป็นเยี่ยงอย่างนะคะ

ในฐานะพี่ชายและรู้จักเอ็ม ตอนขาดสติทุกคนเป็นแบบนี้ ฉะนั้นไม่ต้องโทษตัวเองมาก ถ้าเป็นพี่อะไรใกล้ตัวสุดก็ไปตรงนั้น?
จิ๊บ : พอผ่านมาแล้วเราก็คิดได้ ก็ขอรับผิดชอบว่าอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง

 จิ๊บเครียดมาก นั่งร้องไห้ ตอนแรกจะไม่มา หนุ่ม อนุวัติ - แจ๊ค ศรีสุภางค์ นักข่าวช่องวัน ที่ติดตามสถานการณ์ตลอด เล่าให้ฟังหน่อย หนึ่งวันที่ผ่านมา ตอนนี้สถานการณ์เป็นยังไง?

แจ๊ค : ตอนนี้อยู่ในช่วงความสูญเสีย การดำเนินคดีกับเด็กตัวก่อเหตุ อายุ 14 ยังถือว่าเด็ก และตร.คุมตัวเด็กคนนี้ไปศาลเยาวชนกลางและครอบครัวก่อนภายใน 24 ชม. เพื่อตรวจดูกระบวนการจับกุมสอบสวนต่าง ๆ ทำตามขั้นตอนสำหรับเด็กหรือเปล่า
หนุ่ม : ตอนนี้คุณหมอออกมายืนยันแล้วว่าเด็กป่วย อย่าบูลลี่เขานะ สังคมตอนนี้ตั้งข้อสังเกตหลายทิศทาง หลายมุมมองมาก เช่น เอ๊ะ กฎหมายบ้านเราเด็ก 14 ก่อเหตุแบบนี้ ควรมีอะไรมากกว่าเดิมมั้ย สองสนามยิงปืนเปิดโอกาสให้เด็กเข้าไปซ้อมได้ยังไง สนามยินปืนทุกคนเคยเห็นข่าวก่อนหน้านี้ สนามยิงปืนควรมีการตรวจสอบคนเข้ามาซ้อมหรือเปล่า มีคนนึงซ้อมยิงปืนแล้วเป็นซึมเศร้า เอาปืนขึ้นมาจะยิงตัวเอง แต่ครูฝึกมีความไว ช่วยไว้ได้ทัน เราน่าจะถอดบทเรียนจากตรงนั้น แต่สังคมไทยเหมือนไฟไหม้ฟาง จบเหตุการณ์ก็จบกันไป

ที่อ่านข่าวมา น้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูในคลิป น้องฝึกยิงแล้ว ป่วยจริงหรือเปล่า หรือตั้งใจเลียนแบบ?
หนุ่ม :   อันนี้เราตอบยาก

แจ๊ค : ต้องให้คุณหมอวินิจฉัย คำว่าป่วยทางกฎหมายเขาอาจจะป่วยก็ได้นะ แต่ป่วยมากขนาดไหนอีก มันมีเลเวลป่วยที่จะได้รับการยกเว้นโทษ ไม่ได้รับโทษ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ตาม ถ้าเขาป่วยจิตเขาต้องอยู่ในขั้นที่ว่าถ้าเขายิงคนเขาควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่พอไปดูหลักฐานเมื่อวานตอนตร.ไปคุม หรือผบ.ตร.แจง เขาบอกว่าเขามีเหมือนตัวเขาอีกคนที่สั่งให้เขาทำ เขาเห็นภาพหลอน ถ้าเขาไม่ยิง เขาอาจฆ่าตัวตายเลยนะ

หนุ่ม : แต่ก็ต้องรอคุณหมอยืนยันชัดเจนอีกที

 แจ๊ค : แต่ถ้าเขาป่วย รักษาอาการทางจิต แต่เมื่อวานที่เขาไปก่อเหตุที่พารากอนเมื่อวาน ถ้าเขายังคุมตัวเองได้ กฎหมายไม่ได้เป็นเหตุยกเว้นโทษให้นะ แต่เขาเป็นเด็กไง เขาก็ไม่มีความผิดอีก

 หนุ่ม : ตอนนี้นักสืบโซเชียลพยายามไปขุดคุ้ยมา และมีหลายคลิปที่เด็กถอดประกอบแม็กซ์ยิง แล้วถามว่าคนปกติทำเป็นมั้ย ไม่มีใครทำเป็น แต่น้องมีความเชี่ยวชาญ สังคมก็เลยตั้งคำถามว่าแล้วยังไงล่ะ มันก็ขัดแย้งอยู่นะ

 แจ๊ค : ตอนได้ยินเสียงปืนเมื่อวาน คิดว่าเป็นเด็กมั้ย

 จิ๊บ : จิ๊บอยู่ตรงนั้น จิ๊บรู้สึกว่าจริง ๆ สิ่งที่ควรมีในประเทศไทยคือการแจ้งเตือน ถ้าเกิดอะไรขึ้นอยากให้มีการแจ้งเตือนให้เราออกจากห้างเดี๋ยวนี้ ประกาศสักหน่อยให้เราได้รู้ตัว เพราะจุดนั้นที่เราเดินกัน เห็นคนวิ่งยังเข้าใจเลยว่าดาราหรือเปล่า ถ้าไม่ถามคนที่วิ่งเราก็ไม่มีทางรู้ได้เลย เราก็อาจไปนั่งกินข้าวกันต่อ ซึ่งจิ๊บรู้สึกว่าเรื่องนี้ถ้าเพิ่มเติมได้ ก็อยากให้เพิ่มเติมเรื่องนี้ อาจเป็นการแจ้งเตือนที่เข้าถึงได้ง่าย

 แจ๊ค :   ทีมงานเราอยู่ชั้นบน ยังไม่รู้ด้วยว่าเกิดเหตุยิงกัน

 หนุ่ม : เพื่อนมาบอกว่าคิดว่าเป็นอีเวนต์ ดารามาหรือเปล่า ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนมีคนบอกว่าเขายิงกันว่ะ แล้วไม่มีการเตือนเลย มีการเตือนผ่านแอปฯ แต่ไม่มีการเตือนผ่านหน่วยงานรัฐ

 แจ๊ค : มีการเตือนจากทวิตเตอร์ แต่มันก็มีข่าวลวงด้วย เราอยากให้มีการแจ้งเตือนจากส่วนกลาง ที่น่าเชื่อถือ เพราะพอคนแตกตื่นไม่รู้อะไรจริงอะไรลวง ก็แชร์กันมั่วไปหมด

 หนุ่ม :   เมื่อวานข่าวปลอมเยอะมากนะ เอาข่าวเก่ามาผสมกัน แชร์กันไปต่าง ๆ นานา ตอนอ่านข่าวก็ต้องใช้สติอย่างมาก เพราะเราต้องเช็กว่าจริงหรือไม่จริง

 จริงมั้ยระหว่างคนร้ายก่อเหตุ ส่งแชทไปบอกเพื่อนด้วยว่ากำลังทำอันนี้?
หนุ่ม : มีแชทที่เราได้อ่านกันแล้ว แต่ขอตรวจสอบได้มั้ย เพราะถ้าไปอ่านในแชทจะยิ่งหดหู่เลย เป็นกลุ่มเพื่อนที่คุยกันแต่ต้องตรวจสอบก่อนนะ เป็นกลุ่มเพื่อนที่คุยกันแล้วไปในทิศทางลบ เราอ่านแล้วสังคมเกิดอะไรขึ้น มันเป็นถึงขนาดนี้เลยเหรอ

 แจ๊ค : ถ้าเห็นแชทนี้เราจะรู้สึกว่าแล้วพ่อแม่เขารู้มั้ย อย่างเบนซ์มีลูกจะรู้มั้ยว่าลูกเราปกติทุกอย่าง ทำตามขั้นตอนแบบนี้ ๆ แต่เวลาปิดห้องไปแล้ว เราไม่รู้เขาดูคลิปอะไร เป็นสิ่งที่พ่อแม่ทุกคนต้องย้อนดูตัวเองเลย

หนุ่ม : อ่านแล้วปวดหัว

 แจ๊ค : เจอกระสุนเต็มไปหมด แล้วกระสุนไม่ได้ซ่อนนะ อยู่ในชั้นที่อยู่ในห้อง แล้วผู้ปกครองทำไมไม่ทราบ

 พ่อแม่ไม่รู้เลยจริงมั้ย ตกลงเด็กผิด หรือพ่อแม่ผิด?

หนุ่ม : ก็ต้องเข้าใจความเป็นส่วนตัวของเขา ทุกอย่างอยู่ในห้องหมดเลยนะ ตร.ไปเจอเมื่อวานดูจากภาพก็ตกใจเหมือนกัน เด็ก 14 มีกระสุนปืน เป็นคลัง นี่คือสิ่งที่เขาบอกว่าเป็นส่วนตัว แล้วพ่อแม่หลายคนบอกว่าเป็นส่วนตัวของลูก พ่อแม่จะไม่เข้าไป

 ไลน์แชทที่เห็น ควรเรียกเพื่อนมาสอบสวนด้วยมั้ย?
หนุ่ม : แน่นอน

แจ๊ค : ต้องเรียกค่ะ

 อีกคนเขียนโหดมากเลยนะ?
หนุ่ม : ใช่ ถึงอ่านหรือเล่าให้ฟังไม่ได้เลย ถ้าเล่าจะยิ่งหดหู่

 แจ๊ค : เรายังมีคนที่เป็นเหมือนเด็กคนนี้อีกกี่คน เราไม่รู้ ที่เป็นเด็กข้างบ้าน ที่เรียนโรงเรียนเดียวกับลูกเรา ที่เดินห้างเดียวกับเรา ใช้บริการที่เดียวกับเรา มีอีกมั้ยคะ เราไม่รู้ว่าวันนึงมันเกิดขึ้น ความปลอดภัยอยู่ที่ไหน

 หนุ่ม : แล้วตามข่าวน้องประกอบปืนเอง น้องไปเรียนมาจากไหน น้องไปซื้อจากไหน ทุกอย่างบอกเลยหาได้จากอินเตอร์เน็ต เรื่องปืนก็รณรงค์กันมาตลอด แต่ทุกคนก็ยังซื้อได้

น้องถูกแจ้ง 5 ข้อหา แต่จริง ๆ ที่อเมริกา 12 ก็โดนจับแล้วนะ?
แจ๊ค :  อาจมองว่าถ้าเด็กก่อคดีเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็จะอยู่แบบเดียวกับแม้กระทั่งไปยิงในที่สาธารณะ มันอยู่ในบรรทัดฐานเดียวกัน ก็เกิดการตั้งคำถามว่าควรปรับปรุงกฎหมายตรงไหนเป็นพิเศษมั้ย แต่ไม่ได้พูดเพื่อเบลมเด็ก แต่ก็ต้องเข้าใจฝั่งที่เขาสูญเสียเหมือนกัน เด็กแฝดสองคนเขาก็กำพร้าคุณแม่ เราต้องมีจุดที่เหมาะสมมั้ย  

 หนุ่ม : เมืองนอก เด็ก 10 ขวบก่อเหตุยิงแม่เลี้ยง ศาลก็ตัดสินแบบผู้ใหญ่เลย เพราะพฤติกรรมรุนแรงเกิดกว่าเหตุ

 ผู้ก่อการร้ายคนนี้ควรติดคุกโดนโทษมั้ย?

จิ๊บ : จิ๊บเจอเหตุการณ์นี้มา จิ๊บระแวง และกลัวเป็นแพนิคเลยว่าความปลอดภัยเราอยู่ตรงไหน เรื่องนี้ถามว่ากลัวมั้ย กลัว เรากังวล เราเป็นห่วงทุกคน ที่ทุกวันนี้ความปลอดภัยอยู่ตรงไหน มันคงไม่ได้แก้ได้ที่หน่วยงานเดียว หรือคนๆ เดียว มันควรร่วมมือกันสักที เพื่อสร้างความปลอดภัย มั่นใจ ไว้วางใจอีกครั้ง ในการดำเนินชีวิตต่อไปได้

 แจ๊ค :   การลงโทษต้องมีในจุดที่เหมาะสม กับบริบทคนก่อเหตุ อายุเท่าไหร่ สุขภาพจิตเขาเป็นอย่างไร เรามีสองคำเวลาเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ คือลงโทษกับเยียวยา ส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการเยียวยา แต่เยียวยาให้ตายก็เอาชีวิตเขากลับคืนมาไม่ได้ ถ้ามีบทลงโทษที่มันจะไม่ได้เหมาะสม หรือทำให้คนกลัวกฎหมายซะบ้าง เหตุการณ์อย่างนี้ก็จะเกิดซ้ำขึ้นอีก แต่ทั้งหมดก็ต้องเคารพกฎหมายและเชื่อมั่นในดุลยพินิจของศาล ตราบใดที่กฎหมายเป็นแบบนั้น เราก็ต้องสอนลูกสอนหลานและซ้อมหนีภัย เราต้องสมมติตัวเองว่าถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ เราพึ่งกฎหมายได้ประมาณนึง แต่เราต้องพึ่งตัวเองมากกว่านะ

 หนุ่ม : ตอนนี้ทุกโรงเรียนจะสอนไว้ แต่เวลาแพนิค มันกลัว จะทำยังไงกับตรงนั้น ถ้าใครได้อ่านแชตเด็กแต่ละคน เราจะรู้ว่าชีวิตเราไม่ปลอดภัย บทลงโทษต้องหนักตามรายคน รายกรณี อย่างเด็กอายุน้อยอย่าไปโน่นนี่นั่นเขา ต้องเยียวยาจิตใจเขา แล้วครอบครัวคนที่สูญเสียล่ะ วันนึงอาจเป็นเรา อาจเป็นครอบครัวเรา อะไรจะเกิดขึ้นถ้าไม่รีบแก้ตรงนี้มันจะลำบาก

 เพื่อนถามมาว่าจากนี้ไป ผู้ใหญ่ควรพกอาวุธไว้ป้องกันตัวมั้ย?

หนุ่ม : ถ้าทุกคนมีอาวุธอยู่ในมือมันน่ากลัว

 จิ๊บ : เราควรศึกษาวิธีการหนีอย่างจริงจริง วิ่ง ซ่อน แล้วก็สู้ ถ้าวิ่งได้ก็ให้วิ่ง วิ่งไม่ได้ให้ซ่อน ถ้าซ่อนไม่ได้ต้องสู้

 แจ๊ค : จริง ๆ ไม่อยากพูดถึงเทอร์มินอลที่โคราช ไม่อยากไปเปิดแผลเก่า แต่เคยไปอ่านเรื่องคนที่เขาซ่อนแล้วคนร้ายเดินผ่าน เขาคุยกันว่าเรามาถึงจุดที่ถ้าเรามีเด็ก มีผู้หญิง พี่เปิดก่อนนะ ผมตาม อีกคนปกป้องเด็กนะ แต่ถ้าคนไทยตั้งคำถามนี้ ต้องฝากไปถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือเปล่า ถ้าคนไทยรู้สึกไม่ปลอดภัยถึงขั้นจะซื้ออาวุธเอง เราจะยังไง ลูกเราล่ะ นี่คือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงในประเทศไทยแล้วนะ มันสะท้อนว่าหนีซ่อนเป็นทางที่เกิดขึ้นได้เยอะ สู้ไม่ได้เกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นล่ะ

 หนุ่ม : ในมุมผมถ้าทุกคนพกอาวุธหมด ผมว่าตาย เพราะวุฒิภาวะทางอารมณ์ของคนไม่เท่ากัน บางคนใจร้อน บางคนใจเย็น ถ้าใจร้อนกับใจร้อนมาเจอกัน จะอันตรายเป็นสองเท่า

 แจ๊ค : วันนี้ทุกคนก็อาจเกิดคำถามแบบนี้ มันไม่ควรไปถึงจุดนั้นนะ

 กล้าไปช้อปปิ้งที่ห้างมั้ย?

เอ็ม : ไม่ วันนี้จริง ๆ ต้องไปงานสยามเซ็นเตอร์ต่อ แต่ถามว่าจะกล้าไปจอดรถที่นั่นมั้ย พูดตรง ๆ ว่าไม่กล้าจอด เมื่อวานบันไดที่เราวิ่งหนีเอาชีวิตรอดออกมา กับวันนี้ที่ต้องไปยิ้มร่าเริง เอ็มว่าทุกๆ คน ที่อยู่ในห้างวันนั้น ขนาดในลานจอดรถ เขาวิ่งหนีออกมา ความกล้าไปห้างนั้นต้องอีกสักพักให้คนเขาเข้าใจว่าเป็นยังไง

 หนุ่ม : วันนี้พารากอนเงียบเหงามาก บางคนเอาดอกไม้ไปวางไว้อาลัย

 แจ๊ค : ภาพมันบีบใจมาก มันมีภาพคนจีนเอาดอกไม้ไปวาง และอีกภาพรูกระสุนที่กระจกแตก และภาพความสูญเสียต่าง ๆ มันเกิดขึ้นแล้วเรากลัวเหลือเกินว่ามันจะเกิดขึ้นอีกมั้ย

 หนุ่ม : วันนี้นายกฯ ไปเปิดงานที่พารากอน เพื่อเรียกความเชื่อมั่น แต่ก็ต้องหนักหน่อย คนจีนเขาเซนซิทีฟเรื่องนี้มาก

 ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-วันศุกร์ เวลา13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange Mama