รีวิว Scott Pilgrim Takes Off (สก็อตต์ พิลกริมออกสตาร์ท) อนิเมะจากหนังที่ยังคงความฮาและสนุกเหมือนเคย [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflix บทความรีวิวนี้ ถูกเขียนขึ้นมาจากความรู้สึกส่วนตัวของผม หากผิดพลาดประการใด หรือไม่ถูกใจใครต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ แต่ก่อนจะมาเริ่มการรีวิวเรามาดูเรื่องย่อกันก่อนดีกว่าเรื่องย่อ Scott Pilgrim Takes Off (สก็อตต์ พิลกริมออกสตาร์ท)อนิเมะเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือภาพ Scott Pilgrim ที่ก่อนหน้านี้เคยถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์มาก่อนแล้ว ได้แก่ Scott Pilgrim vs. the World ที่ออกฉายในปี 2010 ซึ่งหากใครเคยดูฉบับภาพยนตร์มาก่อนก็จะบอกเลยว่าฉบับอนิเมะนี้เรื่องราวก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก โดยจะติดตามเรื่องราวของ Scott Pilgrim (พากย์เสียงโดย Michael Cera) เด็กหนุ่มวัย 23 ปี ที่ชีวิตไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน อยู่มาวันหนึ่งเขาได้พบกับหญิงสาวที่เขาฝันถึงทุกคืน Ramona Flowers (พากย์เสียงโดย Mary Elizabeth Winstead) ทั้งคู่ได้ไปเดทกันและตกหลุมรักกัน แต่ว่ามันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะแฟนเก่าทั้ง 7 ของ Ramona ออกมาขัดขวางไม่ให้พวกเขาได้คบกัน และในระหว่างการต่อสู้กับแฟนเก่าคนแรกจู่ๆ Scott ก็ได้หายตัวไปอย่างปริศนา Ramona จึงต้องพยายามสืบหาความจริงว่าแท้จริงแล้วเกิดอะไรขึ้น โดยท้ายที่สุดแล้วเรื่องราวทั้งหมดจะลงเอยอย่างไร ทุกคนต้องไปรับชมด้วยตาตัวเอง Scott Pilgrim Takes Off (สก็อตต์ พิลกริมออกสตาร์ท) มีทั้งหมด 8 ตอน สามารถรับชมได้พร้อมพากย์ไทยทาง Netflixตัวอย่าง Scott Pilgrim Takes Off (สก็อตต์ พิลกริมออกสตาร์ท)รีวิว Scott Pilgrim Takes Off (สก็อตต์ พิลกริมออกสตาร์ท)สำหรับเรื่องนี้ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าผมไม่เคยดูฉบับหนังมาก่อน คือไปดูแบบไม่รู้เลยว่าเรื่องราวมันเกี่ยวกับอะไร พอได้ดูจริงๆ ก็ชอบเอาเรื่องอยู่ เนื้อเรื่องกาวได้ใจดีจริงๆ เรื่องราวมันหลุดโลกมากๆ จะบอกว่าบทเขียนมาดีก็ยังไงอยู่ เพราะคนที่เคยดูหนังมาก่อนต่างบอกว่าอนิเมะนี้เหมือนหนังแบบเป๊ะๆ ทั้งเรื่องราวและฉากหลายฉาก คือถอดมาจากหนังเลย แค่เปลี่ยนฟีลจากคนแสดงเป็นการ์ตูนเฉยๆ ซึ่งมันก็ไม่ผิดที่จะทำออกมาเหมือนหนัง เพราะทีมงานที่ทำอนิเมะเรื่องนี้ก็คือยกมาหนังทั้งหมด ทั้งผู้กำกับที่มาทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ ยันนักแสดงทุกคนที่กลับมาพากย์เสียงเป็นตัวละครที่พวกเขาเคยแสดงไว้ แถมผู้เขียนการ์ตูนต้นฉบับยังมานั่งแท่นเป็นผู้จัดเองอีกด้วย จากนี้คือจะรีวิวในมุมมองของคนที่ไม่เคยรู้จักเรื่องนี้มาก่อน เริ่มที่บทที่ส่วนตัวผมชอบนะ มันพาเราไปไกลมากในชนิดที่เราคาดไม่ถึงดี เริ่มด้วยการให้เห็นพระเอกที่ไม่เอาไหน อาศัยอยู่กับเพื่อน ทำวงดนตรีห่วยๆ กับเพื่อน จนไปได้เจอสาวในฝันและเริ่มเดทกัน ทั้งที่พระเอกเองก็มีแฟนอยู่แล้ว ตอนแรกก็คิดว่าเดะดราม่าเรื่องรักสามเศร้าแน่ๆ แต่อยู่ๆ เรื่องมันก็ข้ามไปให้พระเอกไปสู้กับแฟนเก่านางเอก แบบสู้กันเวอร์ๆ เลย ซึ่งมันเจ๋งตรงที่เขาไม่อธิบายเลยว่าพลังพวกนี้คืออะไรและมาจากไหน แบบต้องถอดสมองดูจริงๆ อย่าคิดหาเหตุผลจากนั้นจู่ๆ พระเอกก็ตาย มีฉากงานศพทีเพื่อนก็ไม่ได้เศร้าอะไรเลย และอยู่ๆ นางเอกก็ฝันว่าพระเอกยังไม่ตาย เลยเริ่มสืบหาความจริงว่าพระเอกไปไหน มันเปลี่ยนแนวไปเรื่อยเลย เริ่มจากแนววัยรุ่นโรแมนติก ต่อด้วยแอ็คชั่น และก็มาสืบสวนเฉย จากนั้นก็ไปแนวไซไฟข้ามเวลา คือเขาพาเราไปไกลจริงๆ แถมระหว่างทางก็มีเรื่องฮาๆ กาวๆ ให้เราได้ขำอยู่ตลอด ตัวละครทุกตัวในเรื่องคือคาแรคเตอร์จัดมาก ทุกตัวมีนิสัยที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง คำพูดคำจา การแต่งตัว ทุกตัวละครมีเอกลักษณ์และน่าจดจำทุกตัว ส่วนตัวชอบช่วงที่นางเอกไปสืบเรื่องพระเอกในกองถ่ายหนังมากๆ จู่ๆ น้องชายของเพื่อนในวงพระเอกก็กลายเป็นคนเขียนบทหนังที่สร้างมาจากเรื่องพระเอก แถมคนที่มาแสดงเป็นพระเอกในเรื่องก็คือแฟนเก่านางเอก คนที่มาแสดงเป็นนางเอกคือแฟนเก่าพระเอก ส่วนนางเอกตัวจริงดันกลายไปเป็นสตั๊นให้กับบทของตัวเอง คือมันมั่วซั่วแต่ฮาดี ชอบการที่ให้ตัวละครผู้กำกับในเรื่องชื่อ Edgar Wrong ที่ล้อมาจากชื่อ Edgar Wright ผู้กำกับของฉบับภาพยนตร์ ยิ่งคนที่รู้เรื่องพวกนี้และทันมุขที่เขาจะเล่นเราจะยิ่งสนุกไปอีกแต่สิ่งที่ต้องชมเลยก็คือการดำเนินเรื่องในแต่ละตอน ไปจนถึงการทิ้งปมช่วงท้ายตอนที่ทำได้ดีมากจริงๆ นี่แหละคือความแตกต่างของหนังกับอนิเมะ ฉบับหนังคือเขาเล่าเรื่องต่อได้เรื่อยๆ จนจบแบบไม่พัก แต่พอมาเป็นอนิเมะเป็นตอนๆ ความยากคือเราจะตัดจบแต่ละตอนยังไงให้คนดูอยากดูตอนต่อไป ซึ่งบอกเลยว่าอนิเมะเรื่องนี้ทำสำเร็จ เขาจะตัดจบตอนด้วยการให้เราได้เหวอตลอด ทำให้เราอยากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อ พอรู้ตัวอีกทีก็ดูเรื่อยๆ จนจบเสียแล้ว ส่วนสุดท้ายคืองานภาพและแอนิเมชั่น ส่วนนี้ก็ทำได้ดีเช่นกัน ลายเส้นในเรื่องเป็นการ์ตูนแบบฝรั่ง แต่เพลงเปิดดันเป็นเพลงภาษาญี่ปุ่นแบบอนิเมะญี่ปุ่น การออกแบบงานแอนิเมชั่นก็มีสไตล์ที่จัดจ้านมาก ถือว่าเป็นอนิเมะอีกเรื่องที่อยากให้ทุกคนลองดูจริงๆ ใครที่เคยดูฉบับหนังมาแล้วชอบคุณก็น่าจะชอบฉบับอนิเมะนี้ด้วยเช่นกัน ส่วนคนที่ไม่เคยดูมาก่อนเลยก็ดูได้ และอาจจะชอบได้เหมือนกัน แต่ต้องยอมรับว่าเรื่องราวกาวๆ แบบนี้มันอาจไม่ได้ถูกใจทุกคน คือถ้าชอบก็ชอบไปเลย แต่ถ้าไม่ชอบก็จะรู้สึกว่าไม่สนุกไปเลย เอาเป็นว่าอย่าเชื่อทั้งหมดที่ผมรีวิว ทุกคนควรไปพิสูจน์และตัดสินมันด้วยตาของตัวเองสุดท้ายนี้ ฝากกดแชร์ และกดติดตามด้วยนะครับช่องทางอื่นๆ ในการติดตาม ละเลงหนังFacebook Fanpage : ละเลงหนังกลุ่มสำหรับพูดคุยเรื่องหนัง : พูดคุยเรื่องหนังทุกเรื่องบนโลก By ละเลงหนังบทความอื่นๆของ ละเลงหนัง :รีวิว The Killer (นักฆ่า) หนังนักฆ่าสุดเลือดเย็นที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflixรีวิว The Marvels (เดอะ มาร์เวลส์) หนังสูตรสำเร็จที่พอดูสนุกเพลินๆ แต่อาจไม่ได้เหมาะสำหรับทุกคนรีวิว Attack on Titan: The Final Season Part 3.2 (ครึ่งหลัง) บทสรุปของการเดินทาง 10 ปีที่อาจไม่สวยงามแต่แสนตรารึง ยกให้เป็นหนึ่งในอนิเมะที่ควรดูซักครั้งก่อนตาย!รีวิว Onimusha (โอนิมูฉะ) อนิเมะแนวซารูไรดัดแปลงจากเกมชื่อดัง ภาพสวยสนุกดูเพลิน [มีพากย์ไทย] ดูได้ทาง Netflixรีวิว The Hunger Games: The Ballad of Songbirds and Snakes (เดอะ ฮังเกอร์เกมส์ ปฐมบทเกมล่าเกม) ภาคแยกที่ดีงามในทุกกระเบียดนิ้ว ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวงแหล่งที่มาทั้งหมดจาก Netflix Anime, NetflixBrasilภาพปก: ภาพที่ 1ภาพประกอบ: ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4วิดีโอ: Scott Pilgrim Takes Off | Final Trailer จาก Youtube: Netflixเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !