รีเซต

เรื่องน่ารู้ก่อนดู SPIDER-MAN HOMECOMING สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง ​

เรื่องน่ารู้ก่อนดู SPIDER-MAN HOMECOMING สไปเดอร์แมน โฮมคัมมิ่ง  ​
Entertainment Report_1
27 มิถุนายน 2560 ( 16:05 )
5.3K
4

“ไอ้แมงมุมเป็นไอคอน เป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล ในที่สุด เราก็สามารถนำเขากลับบ้านมายังโลกภาพยนตร์ของมาร์เวลได้แล้วครับ”                                                      
เควิน ไฟกี ประธานมาร์เวล สตูดิโอส์ และ ผู้อำนวยการสร้าง 
SpiderMan: Homecoming



ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์/ไอ้แมงมุม (ทอม ฮอลแลนด์) หนุ่มน้อยผู้เปิดตัวท่ามกลางเสียงฮือฮาในภาพยนตร์เรื่อง 
Captain AmericaCivil War ได้ก้าวเข้าสู่โลกภาพยนตร์มาร์เวลอย่างเต็มรูปแบบใน SpiderManHomecoming ไอ้แมงมุมที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกเป็นตัวการ์ตูนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์และเป็นเพชรเม็ดงามของการ์ตูนมาร์เวล บัดนี้ เขาได้กลับคืนสู่บ้านเดิมของตัวเองในภาพยนตร์ที่มีโทนสนุกสนาน แปลกใหม่และมุมมองใหม่ ภายใต้การอำนวยการสร้างของมาร์เวล สตูดิโอส์ ที่นำปีเตอร์ ปาร์คเกอร์จากหนังสือการ์ตูนเรื่องดังมาโลดแล่นบนจอเงินร่วมกับเหล่าฮีโรจากโลกภาพยนตร์มาร์เวลเป็นครั้งแรก

ปีเตอร์ ผู้กลับบ้านด้วยความตื่นเต้นจากประสบการณ์กับพวกอเวนเจอร์ ได้กลับบ้าน ที่ซึ่งเขาใช้ชีวิตอยู่กับป้าเมย์ (มาริสา โทเม) ภายใต้สายตาระแวดระวังของครูคนใหม่ของเขา โทนี สตาร์ค (โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์) ปีเตอร์พยายามจะกลับไปใช้ชีวิตประจำวันแบบเดิมๆ ตามปกติของเขา แม้จะเสียสมาธิไปกับความคิดที่จะพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นมากกว่าไอ้แมงมุม ฮีโรบ้านใกล้เรือนเคียงผู้เป็นมิตรก็ตาม แต่เมื่อวัลเจอร์ (ไมเคิล คีย์ตัน) ได้เผยโฉมในฐานะผู้ร้ายคนใหม่ ทุกอย่างที่ปีเตอร์ให้ความสำคัญก็จะถูกคุกคาม ช่วงเวลาของเขามาถึงแล้วเมื่อเขาถูกท้าทายให้ผงาดขึ้นมาเป็นฮีโรอย่างที่เขาควรจะเป็น

โคลัมเบีย พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ผลงานสร้างโดยมาร์เวล สตูดิโอส์/ปาสคัล พิคเจอร์ส SpiderMan™Homecoming  นำแสดงโดยทอม ฮอลแลนด์, ไมเคิล คีย์ตัน, จอน แฟฟโรว์, เซนดายา, โดนัลด์ โกลเวอร์, ไทน์ เดลี ร่วมด้วยมาริสา โทเมและโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ กำกับโดยจอน วัตส์ บทภาพยนตร์โดยโจนาธาน โกลด์สไตน์และจอห์น ฟรานซิส เดลีย์ จากการ์ตูนมาร์เวลโดยสแตน ลี และสตีฟ ดิตโก้ อำนวยการสร้างโดยเควิน ไฟกีและเอมี ปาสคัล ควบคุมงานสร้างโดยหลุยส์ ดิเอสโปซิโต, วิคตอเรีย อลองโซ, แพทริเซีย วิทเชอร์, เจเรมี แลทแชม, สแตน ลี, อาวี อารัดและแมทท์ โทลมัค โดยมีมิทช์ เบล, อีริค เฮาเซอร์แมน แคร์รอลและราเชล โอ คอนเนอร์ รับหน้าที่ผู้ร่วมอำนวยการสร้าง ผู้กำกับภาพคือซัลวาโทเร ต็อตติโน, เอเอสซี, เอไอซี ผู้ออกแบบงานสร้างคือโอลิเวอร์ สกอล มือลำดับภาพคือแดน เลเบนทัล, เอซีอีและเด็บบี้ เบอร์แมน ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายวิชวล เอฟเฟ็กต์คือจาเน็ค เซอร์ส ผู้ออกแบบเครื่องแต่งกายคือหลุยส์ ฟร็อกลีย์ ดนตรีโดยไมเคิล จิอัคคิโน ซูเปอร์ไวเซอร์ฝ่ายดนตรีคือเดฟ จอร์แดน


รายละเอียด เกี่ยวกับภาพยนตร์ 
น SpiderManHomecoming

ปีเตอร์ใฝ่ฝันที่จะได้ร่วมทีมกับพวกอเวนเจอร์ส ในฐานะตัวละครที่ได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์หนังสือการ์ตูนที่ได้มายืนเป็นส่วนหนึ่งของโลกภาพยนตร์มาร์เวลอย่างที่เขาคู่ควร ไอ้แมงมุม เพชรยอดมงกุฎของมาร์เวล ได้เปิดตัวในบทคามีโอของโลกภาพยนตร์มาร์เวลใน Captain AmericaCivil War เมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา กระแสตอบรับแง่บวกอย่างล้นหลามจากทั้งนักวิจารณ์และแฟนๆ ที่มีต่อเวอร์ชันใหม่ของตัวละครตัวนี้จะได้รับการตอบสนองแล้วเมื่อโซนี พิคเจอร์สและมาร์เวล สตูดิโอส์จับมือกันเพื่อสร้างการผจญภัยครั้งใหม่นี้

ทอม ฮอลแลนด์ ผู้รับบทฮีโรชักใยหนุ่ม กล่าวเสริมว่า ก่อนที่ปีเตอร์จะสามารถร่วมทีมกับฮีโรของเขาได้ เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับอุปสรรคมากมาย “จากการที่ปีเตอร์สนุกสุดเหวี่ยกับการสู้กับพวกอเวนเจอร์ใน Civil War ตอนนี้ จู่ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนว่าเขาไม่มีอะไรจะทำครับ” ฮอลแลนด์อธิบาย “โทนี สตาร์คมอบหมายให้เขาเป็นไอ้แมงมุม ฮีโรเพื่อนบ้านผู้เป็นมิตร ซึ่งหมายถึงการช่วยแมวลงจากต้นไม้ ช่วยหญิงชราข้ามถนและหยุดโจรกระจอก ไม่มีอะไรตื่นเต้นเกิน แต่แล้วเขาก็บังเอิญไปเจอกับอาวุธไฮเทค ซึ่งทำให้เขาไปสู่เส้นทางของการได้เรียนรู้และฝึกฝนความสามารถและพลังใหม่ของเขาครับ”

และถ้าปีเตอร์จะพิสูจน์ตัวเองว่าคู่ควรกับการเป็นหนึ่งในอเวนเจอร์ล่ะก็ เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับอาจารย์ที่ไม่เหมือนใคร “โทนี สตาร์คยังคงสนใจในตัวปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ครับ” โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์กล่าว “เขาช่วยปีเตอร์ให้พัฒนาขึ้นด้วยชุดและเทคโนโลยีใหม่ แต่เขาก็คอยจับตามองดูเขาอย่างใกล้ชิดและทำให้แน่ใจว่าเขามีศักยภาพเพียงพอกับการที่จะเป็นอเวนเจอรใหม่น่ะครับ”

สำหรับผู้อำนวยการสร้างและประธานมาร์เวล สตูดิโอส์ เควิน ไฟกี การนำตัวละครตัวนี้มาสู่โลกภาพยนตร์มาร์เวลรูปแบบแปลกใหม่ที่ผู้ชมภาพยนตร์ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก “ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เราได้สร้างโลกภาพยนตร์มาร์เวลขึ้นมาด้วยตัวละครและหนังจำนวนมาก และตอนนี้ เราก็มีโอกาสที่จะแนะนำปีเตอร์ ปาร์คเกอร์และแฟรนไชส์ SpiderMan เข้าไปในโลกใบนั้นเป็นครั้งแรกแล้ว” ไฟกีกล่าว “มันน่าตื่นเต้นเพราะเขาเป็นอย่างนั้นจริงๆ ในหนังสือการ์ตูน ตั้งแต่เริ่มต้น เขาไม่ได้ปรากฏตัวในโลกการ์ตูนในฐานะฮีโรคนเดียว เขาเข้ามาในโลกที่มีทั้งโทนี สตาร์ค, กัปตันอเมริกาและพวกอเวนเจอร์ และในตอนนี้ เราก็ได้ใส่เรื่องราวนั้นเข้าไปในหนังทั้งเรื่องเป็นครั้งแรก ซึ่งทำให้มันแปลกใหม่ครับ”

 

ผู้อำนวยการสร้างเอมี ปาสคัลพูดถึงการร่วมมือกันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนนี้ว่า “หนังเรื่องนี้เป็นผลิตผลจากการที่โซนีและมาร์เวลทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดค่ะ” ปาสคัลกล่าว “มันเป็นหนังของโซนี ที่สร้างโดยมาร์เวล ทุกคนมารวมตัวกันและตัดสินใจว่าถ้าเราสามารถนำไอ้แมงมุมใส่กลับเข้าไปในโลกภาพยนตร์มาร์เวลได้ ซึ่งเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของมันในหนังสือการ์ตูนอยู่แล้ว ทุกคนก็จะชนะค่ะ และคนที่ได้รับชัยชนะยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือแฟนๆ เพราะในที่สุด พวกเขาจะได้เห็นสิ่งที่พวกเขารอคอยมานานแสนนานเสียที”

“การนำไอ้แมงมุมใส่เข้าไปในโลกภาพยนตร์มาร์เวลเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกสำหรับผมในฐานะคนเล่าเรื่องครับ” ผู้กำกับจอน วัตส์ ผู้รับหน้าที่ผู้กำกับของ SpiderManHomecomingกล่าว “ไม่เพียงแต่พวกเขาจะรับมือกับเรื่องราวความเป็นมาและงานหนักอึ้งใน Captain AmericaCivil War ซึ่งพวกเขาทำได้อย่างรัดกุมและงดงามเท่านั้น พวกเรายังไม่จำเป็นจะต้องใช้เวลาอธิบายด้วยว่าทำไมเด็กหนุ่มวัย 16 ปีคนนี้ถึงคิดไอเดียที่จะเป็นซูเปอร์ฮีโรขึ้นมาได้ เขาโตมาในโลกภาพยนตร์มาร์เวล ตอนที่ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์อายุได้แปดขวบ เขาได้เห็นโทนี สตาร์คพูดว่า ผมคือไอรอน แมน’ ทางโทรทัศน์ ดังนั้น ไอเดียของการที่นี่เป็นโลกที่ซูเปอร์ฮีโรมีตัวตนอยู่หมายความว่าเราไม่จำเป็นต้องเสียเวลาไปพูดถึงประเด็นพวกนี้ เราตรงเข้าสู่เรื่องสนุกได้เลยน่ะครับ”

 

ด้วยการยึดมั่นในปณิธานของความต้องการเรื่องราวและโทนที่สดใหม่สำหรับแฟรนไชส์นี้ ทีมผู้สร้างจึงเลือกวัตส์มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ความมุ่งมั่นและผลงานก่อนหน้านี้ของวัตส์ทำให้ไฟกีและปาสคัลเชื่อว่าเขาเป็นคนที่เหมาะกับงานนี้ “เควินและฉันได้ดูหนังเล็กๆ ที่จอนเขียนบทและกำกับที่มีชื่อว่า Cop Car ค่ะ” ปาสคัลกล่าว “มันน่าประทับใจอย่างเหลือเชื่อ เขาดึงการแสดงที่เหลือเชื่อจากตัวเด็กสองคนที่ไม่ใช่นักแสดงออกมาได้ มันตึงเครียดจริงๆ คุณจะรักเด็กพวกนี้ เขาแสดงให้เห็นว่าเขามีคุณสมบัติพิเศษในการสามารถบอกเล่าเรื่องราวผ่านเด็กๆ ได้น่ะค่ะ”

“สิ่งที่สำคัญสำหรับเราไม่ใช่ว่าเขาพิสูจน์ว่าเขาสามารถถ่ายทำซีเควนซ์แอ็กชันยักษ์ใหญ่ได้เพราะผู้กำกับหลายคนก็ทำได้” ไฟกีกล่าว “มันก็แค่ว่าทุกครั้งที่เขาให้เราดูอะไรบางอย่าง มันจะมาจากความคิดอ่านและอารมณ์ขันของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เองครับ”

สำหรับวัตส์ การถูกทาบทามให้กำกับ SpiderManHomecoming เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดฝันมาก่อนเลยว่าจะเป็นไปได้ตอนที่เขาได้พบกับเควิน ไฟกี ประธานมาร์เวล สตูดิโอส์ “ตอนที่มาร์เวลโทรมาขอคุยด้วย ผมคิดว่าเพื่อจะดูว่าผมเป็นคนยังไง” เขาเล่า “แล้วพวกเขาก็เริ่มคุยถึงสิ่งที่พวกเขาอยากจะทำกับ SpiderMan และโอกาสใหม่ที่วิเศษสุดที่โซนีกับมาร์เวลร่วมมือกัน ผมตื่นเต้นอย่างเหลือเชื่อตอนที่ผมเดินออกมาและใช้กำลังทำร้ายพวกเขาจนพวกเขายอมตอบตกลงน่ะครับ”

ภาพยนตร์เรื่อง Cop Car ของวัตส์เป็นภาพยนตร์ทรงอิทธิพลในห้องประชุมและสตูดิโอสร้างสรรค์ของฮอลลีวูด “ผมคิดว่าสิ่งหนึ่งที่คนตอบสนองด้วยใน Cop Car คือการแสดงให้ความรู้สึกเหมือนเป็นสิ่งที่เด็กจริงๆ จะพูดและทำน่ะครับ” วัตส์อธิบาย “ผมจำได้ว่าสมัยอยู่ไฮสคูลเป็นยังไง ตอนที่สมองของคุณยังไม่ใช่สมองของผู้ใหญ่ คุณจะนึกคิดถึงสิ่งต่างๆ ในแบบที่บิดเบี้ยวและเฉพาะเจาะจง นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะใส่เข้าไปในเรื่องราวและหนังเรื่องนี้ครับ”

นอกจากนั้น วัตส์ยังรู้สึกผูกพันกับปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ในแบบที่เป็นส่วนตัวมากๆ เมื่อเขาเทียบกับชีวิตของตัวเขาเอง “ผมเห็นใจปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เสมอเพราะผมเป็นหนุ่มเนิร์ดที่ชื่นชอบวิทยาศาสตร์สมัยไฮสคูล เหมือนปีเตอร์ก่อนที่เขาจะโดนแมงมุมกัดน่ะครับ” เขาเผย “ผมชอบเคมีและตั้งใจไปเรียนเป็นวิศวกรเคมีที่มหาวิทยาลัย ผมจะขลุกอยู่ในห้องเคมีตอนพักเที่ยง เพื่อนๆ ผมก็เป็นคนที่ชื่นชอบพวกเคมี ฟิสิกส์…เราเป็นกลุ่มเด็กเนิร์ดสุดๆ เลยล่ะครับ”

“ลองจินตนาการดูสิครับว่าถ้าคุณมีความสามารถแบบไอ้แมงมุม คุณก็คงจะใช้เวลาทั้งหมดที่มีในแต่ละวันไปกับการพยายามขยายเวลาที่คุณจะได้เป็นไอ้แมงมุม เพราะมันคงจะเป็นความรู้สึกที่ดีที่สุดในโลก” วัตส์กล่าวต่อ “แน่นอนครับว่ามันมีความรับผิดชอบทั้งหลายทั้งปวงที่มาพร้อมกับพลังไอ้แมงมุม แต่มันก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะจดจำว่าการได้ห้อยโหนตัวจากตึกหนึ่งไปยังอีกตึกหนึ่งเป็นเรื่องสนุกแค่ไหน มันเป็นผลกระทบแบบหยินหยางที่ยอดเยี่ยมครับ การต้องรับมือกับความยุ่งยากและความเครียดของการมีพลังพวกนี้ รวมถึงการพบกับความสนุกสนานและความตื่นเต้นที่เกิดขึ้นตามมาด้วย”

“ฉันหวังว่าสิ่งที่เรากำลังทำคือการเล่าเรื่องราวไอ้แมงมุมที่เข้าถึงได้ค่ะ” ปาสคัลกล่าว “สิ่งที่ยอดเยี่ยมเสมอเกี่ยวกับตัวปีเตอร์ ปาร์คเกอร์คือเขามีความหวัง ความฝันและปัญหาแบบเดียวกับเราทุกคน ดังนั้น ผู้ชมก็จะเห็นอกเห็นใจปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ได้ในทันที แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะได้เห็นไอ้แมงมุมใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่เขาไม่เคยได้เป็นส่วนหนึ่งของมันมาก่อนด้วยค่ะ”

“เราแนะนำไอ้แมงมุมใน Civil War และคุณก็จะได้เห็นการปะทะคารม ความสนุกสนานและความแตกต่างระหว่างเขาและฮีโรคนอื่นๆ ครับ” ไฟกีกล่าว “และตอนนี้ หลังจากวันหยุดพักผ่อนที่ยอดเยี่ยมที่สุด ที่เขาได้ใช้เวลากับร็อคสตาร์พวกนี้ เขาก็ต้องกลับไปเรียนเหมือนเดิม มันก็เลยทำให้ปัญหาของเขารุนแรงมากขึ้น ปัญหาที่ตัวผมเองก็มีและผมคิดว่าคนส่วนใหญ่ที่เรียนไฮสคูลก็มี นั่นคือ มันมีอะไรมากกว่านั้นสำหรับฉันรึเปล่าที่ข้างนอกนั่น’ แต่ปีเตอร์รู้ว่ามันมี เพราะเขาเพิ่งทำมันลงไป เขาคิดว่าเขาพร้อมแล้ว และแน่นอนครับตอนที่คุณอายุสิบห้าปี คุณก็มักจะคิดว่าคุณพร้อมสำหรับบางสิ่งก่อนที่คุณจะพร้อมจริงๆ นั่นคือความสนุกของหนังเรื่องนี้ นั่นคือความเข้าถึงได้ของปีเตอร์ ปาร์คเกอร์และนั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เราอยากจะทำแบบนี้และแนะนำไอ้แมงมุมให้ผู้ชมรู้จักใหม่อีกครั้งผ่านทางมุมมองของโลกภาพยนตร์มาร์เวลครับ”

ในการเลือกทอม ฮอลแลนด์มารับบทนี้ ทีมผู้สร้างเลือกนักแสดงที่มีความหนุ่มแน่นอย่างที่ตัวละครในเรื่องนี้ต้องการ “นั่นคือตัวละครอย่างที่เขาเป็นในหนังสือการ์ตูนครับ” ไฟกีกล่าว “การที่เราพบกับทอม ฮอลแลนด์เป็นปาฏิหาริย์เพราะเราได้พบคนที่มีลุคและแสดงเป็นเด็กหนุ่มอายุสิบห้าได้ เราอยากจะรักษาความแตกต่างกับซูเปอร์ฮีโรคนอื่นๆ ที่ดูดี แต่ไม่ได้อายุสิบห้าเอาไว้น่ะครับ”

และความเปลี่ยนแปลงของปีเตอร์ในภาพยนตร์เรื่องนี้ ในตอนที่เขาผงาดขึ้นมาเป็นฮีโร ก็เป็นในแบบที่เหมาะกับช่วงอายุของเขาอย่างเพอร์เฟ็กต์ “ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์รักในการเป็นไอ้แมงมุมแต่เขาก็ไม่ได้รักการเป็นปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ซักเท่าไหร่” ผู้กำกับจอน วัตส์กล่าว “ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เป็นตัวแทนของทุกอย่างที่เขาเคยเป็น หนุ่มวิทยาศาสตร์เนิร์ดที่เฟอะฟะ แต่ตอนนี้ เขามีชีวิตใหม่รออยู่ข้างหน้าฐานะซูเปอร์ฮีโรผู้ขลุกอยู่กับโทนี สตาร์คและกัปตันอเมริกา และอเวนเจอร์คนอื่นๆ แต่แม้ว่าเขาจะมีพลังใหม่ๆ และคนรู้จักใหม่ๆ พวกนี้ เขาก็ยังไม่ตระหนักถึงตัวตนของตัวเองในฐานะปีเตอร์ ปาร์คเกอร์เสียที หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงสำหรับเขาคือการตระหนักว่าคุณไม่สามารถก้าวไปเป็นไอ้แมงมุมได้จนกว่าคุณจะหาคำตอบว่าคุณคือใครในฐานะปีเตอร์ ปาร์คเกอร์น่ะครับ”

การรับบทไอ้แมงมุมเป็นความฝันที่ยาวนานสำหรับฮอลแลนด์ “เมื่อห้าปีก่อน ผมอยู่ที่งานเอ็มไพร์ อวอร์ดในกรุงลอนดอนและมีคนสัมภาษณ์ถามผมว่าถ้าผมจะเป็นซูเปอร์ฮีโร ผมอยากเป็นใคร” นักแสดงหนุ่มเล่า “ผมก็บอกว่า ในสิบปี ผมอยากจะเป็นไอ้แมงมุมหลังจากแอนดรูว์ การ์ฟิลด์ ผมไม่คิดฝันเลยว่ามันจะกลายเป็นจริงเร็วขนาดนี้”

หลังจากการส่งเทปบันทึกภาพตัวเองหลายรอบ ฮอลแลนด์ก็เล่าถึงการทดสอบขั้นสุดท้าย ซึ่งก็คือการพบกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ แต่ก่อนที่เขาจะได้พบกับโทนี สตาร์ค เขาก็ได้พบกับสิ่งที่ดีรองจากนั้น “ผมได้พบกับสแตนด์อินของโรเบิร์ตก่อน เขาดูเหมือนโรเบิร์ตมากครับ ผมคิดในใจว่า ว้าว ตัวจริงคุณดูแตกต่างมากๆ เลย’ แล้วผมก็เลิกประหม่ากับการได้พบกับเขา แล้วตอนที่โรเบิร์ตเข้ามา เราก็อิมโพรไวส์แล้วก็เริ่มต่อปากต่อคำกัน ซึ่งเป็นเรื่องเยี่ยมครับ”

ตัวไอรอน แมนเองให้การยอมรับการคัดเลือกนักแสดงครั้งนี้ “ทอม ฮอลแลนด์เป็นคนที่เพอร์เฟ็กต์สำหรับงานนี้ครับ” ดาวนีย์กล่าว “เขากระตือรือร้น สดใส และมีพรสวรรค์ แล้วเขาก็เป็นคนคล่องแคล่วด้วยแบ็คกราวน์ด้านการเต้นและกายกรรมของเขา เขามีคุณสมบัติรวมกันที่ลงตัวในการนำเสนอตัวละครตัวนี้ในมุมมองใหม่ครับ”

“ทอมน่าทึ่งมากระหว่างกระบวนการคัดเลือกนักแสดงค่ะ” เอมี ปาสคัลกล่าว “เขาใส่อีกคุณสมบัติหนึ่งเข้าไปในปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ที่ตรงกับการ์ตูนมากๆ เราได้ทดสอบหน้ากล้องเด็กๆ หลายคน แต่ตั้งแต่วินาทีแรกที่เราได้เห็นเขาบนหน้าจอกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ เราก็รู้แล้วว่าเขาคือคนที่ใช่ค่ะ”

พลังงานของการที่ทอม ฮอลแลนด์ได้พบกับโรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ครั้งแรกเป็นแบบที่เราต้องการจากการที่ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ได้พบกับโทนี สตาร์คครับ” เควิน ไฟกีกล่าว “ฉากออดิชันเป็นฉากในห้องนอนใน Captain AmericaCivil Warและเราก็อยากจะสานต่อความสัมพันธ์ระหว่างปีเตอร์ ปาร์คเกอร์และโทนี สตาร์คที่เราปูพื้นเอาไว้ในหนังเรื่องนั้นครับ”

“ทอม ฮอลแลนด์มีความไร้เดียงสา เขาดูจะงุ่มง่าม ซุ่มซ่าม แต่คุณจะรู้สึกถึงความถูกต้องและความดีงามของเขา การได้เห็นเด็กคนนี้สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองและเนรมิตชีวิตให้กับฉากต่างๆ เป็นเรื่องน่าประทับใจครับ” วัตส์กล่าว “มันมีแค่พวกเขาสามคน มาริสา โทเม, โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์และทอม ฮอลแลนด์ ในฉากนี้ แต่มันก็ให้ความรู้สึกมีชีวิตชีวาและน่าตื่นเต้นจนมันเปิดประตูโอกาสต่างๆ ที่ผมสามารถนำเรื่องราวใน SpiderManHomecoming ไปในทิศทางนั้นๆ ได้น่ะครับ

ฮอลแลนด์กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างผู้กำกับและนักแสดงเป็นไปอย่างเป็นธรรมชาติ จริงใจและเรียบง่าย “จอนเป็นเพื่อนร่วมงานที่ยอดเยี่ยม เขาปล่อยให้คุณใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปในตัวละครครับ” เขากล่าว “เขาเป็นผู้กำกับที่เชื่อในนักแสดง เราต่างก็เจอกับเรื่องที่เราไม่เคยเจอ ผมไม่เคยแสดงนำในหนังสเกลแบบนี้มาก่อน ส่วนเขาก็ไม่เคยกำกับหนังสเกลแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน เราก็เลยช่วยกันและกันให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และเราก็มีมิตรภาพที่ดีต่อกันครับ”

SpiderManHomecoming ดำเนินเรื่องต่อจากฉากสงครามครั้งใหญ่ใน Captain AmericaCivil War ด้วยการที่โทนี สตาร์ค นำ “เด็กใหม่” กลับบ้านที่ควีนส์ “ปีเตอร์เชื่อจริงๆ ว่าโทนี สตาร์คเป็นอาจารย์ของเขาและโทนีก็ชอบปีเตอร์จริงๆ แต่เขาจะมัวมาดูแลเด็กคนนี้ไม่ได้หรอก” ไฟกีอธิบาย “โทนีอธิบายให้ปีเตอร์ฟังนิดๆ ว่าเขาสามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเองบ้าง”

ปีเตอร์เชื่อว่า “การฝึกงาน” กับสตาร์ค อินดัสทรีส์เป็นเพียงจุดเริ่มต้นและการทดสอบเพื่อกลายเป็นสมาชิกพวกอเวนเจอร์แบบเต็มรูปแบบ แต่แมงมุมก็ต้องเรียนรู้ที่จะคลานก่อนที่มันจะบินได้ อย่างที่ฮอลแลนด์อธิบายว่า “เราได้ย้อนกลับไปเพื่อนำเสนอฉากการต่อสู้ใน Civil War จากมุมมองของปีเตอร์เล็กน้อย เราได้เห็นว่าเขาสนุกสุดเหวี่ยง เขาได้นั่งเครื่องบินเจ็ทส่นตัวกับแฮปปี้ เขาได้อยู่ในห้องโรงแรมแสนสวน แต่จู่ๆ เขาก็ต้องเบียดคนบนรถไฟใต้ดินเพื่อไปโรงเรียน ไม่มีใครโทรหาเขาเพื่อมอบภารกิจให้เขาเพิ่มเติม นั่นคือความแตกต่าง เด็กที่ไปค่ายฤดูร้อนมาจู่ๆ ก็ต้องกลับมาเรียนที่โรงเรียนน่ะครับ”

“โทนีกลายเป็นเหมือนพ่อสำหรับปีเตอร์” ฮอลแลนด์กล่าว “ปีเตอร์พยายามพิสูจน์ตัวเองกับโทนีว่าเขาอายุมากพอและฉลาดพอที่จะรับงานที่ใหญ่กว่านี้ได้ แต่โทนีก็ยับยั้งเขาไว้แล้วบอกว่าเขายังไม่พร้อม ผมคิดว่านั่นคือสิ่งที่ทำให้ปีเตอร์อาจเลือกเดินทางผิด ก่อนที่เขาจะเจอกับคำตอบและเราได้เห็นว่าทำไมปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ถึงเป็นซูเปอร์ฮีโรที่ทรงพลังและเป็นที่รักมากที่สุดในโลกภาพยนตร์มาร์เวลครับ”

การมองโทนี สตาร์คเป็นพ่อก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่จริงๆ แล้ว เขามีคนในครอบครัวที่คอยดูแลเขา ที่ห่วงใยเขาอย่างลึกซึ้งอย่างป้าเมย์ ในขณะที่โทนี สตาร์คช่วยปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ให้เก่งขึ้นด้วยชุดและเทคโนโลยีใหม่และคอยจับตามองเขาระหว่างที่เขาฝึกฝนการใช้พลังซูเปอร์ฮีโรใหม่ของเขา เมย์ก็เป็นแสงที่คอยช่วยนำทางเขา

“ป้าเมย์เป็นตัวละครที่สำคัญต่อปีเตอร์ ปาร์คเกอร์มากครับ” ผู้ร่วมอำนวยการสร้างอีริค เฮาเซอร์แมน แคร์รอลกล่าว “ในหนังเรื่องนี้ เราทุกคนเห็นพ้องกันว่าตัวละครตัวนี้น่าจะเหมือนกับพี่สาวหรือคนที่อายุใกล้เคียงเขามากกว่าน่ะครับ”

“เราจะนำเสอป้าเมย์ว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวยังสาวที่พยายามดิ้นรนใช้ชีวิตของเธอเองได้ยังไงน่ะเหรอครับ” เควิน ไฟกีถาม “เห็นได้ชัดว่าเธอทำสิ่งที่น่าทึ่งในอดีตด้วยการรับปีเตอร์มาเลี้ยงดู เธอเคยผ่านโศกนาฏกรรมในชีวิตมา ซึ่งเราอนุมานเอาได้ แต่ท้ายที่สุด เธอก็เป็นผู้หญิงที่พยายามจะหาเส้นทางเดินของตัวเอง เหมือนกับปีเตอร์ มันทำให้ตัวละครของเธอมีความเปลี่ยนแปลงที่มีความร่วมสมัยมากขึ้นครับ”

เมื่อคำนึงถึงข้อนั้น ทีมผู้สร้างจึงเลือกนักแสดงรางวัลออสการ์ มาริสา โทเม “เรามองดูจิตวิญญาณความเป็นป้าเมย์ เพราะในหลายๆ ทาง เธอเป็นเหมือนสติของปีเตอร์ และเราก็ได้เห็นเธอรับมือกับสิ่งต่างๆ ในแบบเดียวกับที่ปีเตอร์ทำ ผมคิดว่าการทำให้ตัวละครตัวนี้มีอายุน้อยลงและทันสมัยขึ้นเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเน้นถึงความรู้สึกนั้นครับ” วัตส์กล่าว

“ตามประวัติของไอ้แมงมุม ป้าเมย์จะรับหน้าที่แม่ผู้คอยแนะนำปีเตอร์” โทเมกล่าว “ในเวอร์ชันนี้ เราใช้ชีวิตอยู่ในควีนส์ และมีแค่เมย์กับปีเตอร์ เธอสนับสนุนให้เขาเลิกเก็บตัวซะบ้าง เขาเป็นคนขยันและฉลาดมากๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องเยี่ยม แต่เมย์ก็สนับสนุนให้เขาออกไปสนุกและมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นอีกนิดน่ะค่ะ”

นี่คือป้าเมย์ที่เข้าถึงความเป็นวัยรุ่นของตัวเองมากขึ้นเพราะเธอได้เลี้ยงดูวัยรุ่นขึ้นมา “ความสัมพันธ์ของพกวเขาใกล้ชิดกันมากๆ และอ่อนโยนมากๆ ด้วย เธอเป็นคนที่ปลูกฝังความคิดต่างๆ ให้กับเขา แต่เธอก็รู้สึกได้ชัดเจนว่าเขากำลังปิดบังเรื่องบางอย่างจากเธอ” โทเมกล่าว”เธอกังวลถึงสิ่งที่เขากำลังคิดเพราะเธอรู้ว่าไฮสคูลอาจเป็นช่วงเวลาที่ยุ่งยากและน่าอึดอัดได้ แน่นอนค่ะว่าเธอไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขาปิดบังอยู่คือการที่เขาเป็นซูเปอร์ฮีโร”

โทเมกล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเมย์และโทนี สตาร์คเป็นอะไรที่ละเอียดอ่อน “เธอคิดว่าปีเตอร์ฝึกงานที่สตาร์ค อินดัสทรีส์และเธอก็ตื่นเต้นที่เขาได้ตำแหน่งนั้น โอกาสในการได้เรียนรู้และมีโทนี สตาร์คเป็นอาจารย์ เธอจับตามองโทนี สตาร์คซักระยะและได้เห็นว่าเขาเปลี่ยนแปลงตัวเองจากการเป็นนายทุนใหญ่ไปเป็นคนที่ทำดีเพื่อไถ่บาป แต่เธอก็จับตามองอย่างใกล้ชิดถึงอิทธิพลที่เขามีต่อปีเตอร์ เพื่อที่เขาจะได้ไม่กลายเป็นแค่คนทำงานธรรมดา เขายังคงเป็นเด็กหนุ่มที่ยังไม่โตเต็มที่ เขายังต้องการพื้นที่ในการสำรวจตัวเองและเพื่อที่จะเป็นเด็กน่ะค่ะ”

ดังนั้น ปีเตอร์ก็โหยหาอิสรภาพ และโทนีและเมย์ก็เต็มใจที่จะให้อิสรภาพกับเขาเล็กน้อยเพื่อดูว่าเขาจะทำยังไงกับมัน…และอิสรภาพนั้นก็นำเขาไปสู่เส้นทางของตัวร้ายใหม่สุดอันตราย วัลเจอร์ หรือเอเดรียน ทูมส์ ที่แสดงโดยนักแสดงผู้ได้รับการเสนอชื่อชิงอคาเดมี อวอร์ด ไมเคิล คีย์ตัน “ผลงานของไมเคิลน่าทึ่งมากครับ” ไฟกีกล่าว “เขามีคุณสมบัติมากมายที่ทำให้เขาเพอร์เฟ็กต์สำหรับบทนี้ และมันก็มีความสนุกสนานในรูปแบบที่เขาแสดง Batman และ Birdman ด้วย เขามาถึงจุดที่เหลือเชื่อในอาชีพนักแสดงของเขาและเขาก็แสดงบทต่างๆ ด้วยความจริงจังในแบบที่ช่วยพัฒนาตัวละครตัวนี้ให้ไปไกลเกินกว่าความคาดหวังของเราครับ”

ฮอลแลนด์เป็นแฟนผลงานของคีย์ตันมานานแล้ว แต่เขาก็พบว่า งานเป็นเรื่องที่มาก่อนเรื่องอื่นในตอนที่พวกเขาได้พบกันครั้งแรก “ผมเป็นแฟนเขาตั้งแต่เรื่อง Beetlejuice ครับ” ฮอลแลนด์กล่าว “ครั้งแรกที่ผมได้พบเขา เราถ่ายทำฉากที่เข้มข้นที่สุดในเรื่อง มันน่าหวาดหวั่นมากๆ และบอกตามตรงนะครับ ผมแทบไม่ได้แสดงเลย เพราะเขาใส่ความจริงจังเข้าไปในแบบที่ทำให้ผมรู้สึกหวาดกลัวจริงๆ นอกจากนั้น เขายังเป็นนักแสดงที่ใจดีและเอื้อเฟื้อมากๆ และการได้เขามาแสดงหนังเรื่องนี้ก็ช่วยยกระดับความตื่นเต้นและแอ็กชันให้หนังได้จริงๆ”

SpiderManHomecoming เริ่มต้นขึ้นด้วยผลลัพธ์ระดับล่างของภาพยนตร์ในโลกภาพยนตร์มาร์เวลที่ผ่านๆ มา นั่นคือถึงแม้ว่าการต่อสู้ของพวกอเวนเจอร์จะน่าตื่นเต้นแค่ไหน พวกเขาก็ทิ้งเรื่องวุ่นๆ ให้ชาวนิวยอร์กได้เก็บกวาดสะสาง ซึ่งก็ยังคงไม่เสร็จสิ้น ความพยายามในการฟื้นฟูสถานที่ต่างๆ เป็นเรื่องดีสำหรับเอเดรียน ทูมส์ ผู้ซึ่งบริษัทเก็บกู้ซากของเขาได้ทำสัญญาในการเก็บกวาดเศษวัตถุและอาวุธต่างๆ ที่ถูกทิ้งไว้ท่ามกลางซากปรักหักพัง…จนกระทั่งโทนี สตาร์คก้าวเข้ามาด้วยกันร่วมมือกับรัฐบาลเพื่อก่อตั้งกระทรวงควบคุมความเสียหาย และกระชากธุรกิจไปจากมือของทูมส์

“ทูมส์เป็นคนทำงานหนักผู้สร้างธุรกิจที่ไปได้สวย” คีย์ตันกล่าว “เขาไม่ได้ร่ำรวย แต่เขาก็ทำงานหนัก ด้วยการจัดการกับซากปรักหักพังที่เกิดจากการผจญภัยของพวกอเวนเจอร์ แต่พอมีคำสั่งลงมาว่างานนี้จะอยู่ภายใต้การควบคุมของโทนี สตาร์ค เขาก็คิดว่า มันไม่เห็นยุติธรรมเลย”

นี่คือสิ่งที่แบ่งแยกฮีโรจากตัวร้าย ทูมส์ ผู้สิ้นหวังกับการทำธุรกิจเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เริ่มขโมยเทคโนโลยีเอเลียนแปลกๆ และเขาก็ทำถึงขนาดสร้างชุดติดปีกที่เขาและทีมงานใช้เพื่อขโมยรถบรรทุกของกระทรวงควบคุมความเสียหาย และนำอาวุธเหล่านั้นมาขายในตลาดมืด

“ผมอยากให้ SpiderManHomecoming เป็นหนังซูเปอร์ฮีโรระดับคนธรรมดาในโลกภาพยนตร์มาร์เวล ดังนั้น เราก็เลยต้องการตัวร้ายระดับคนธรรมดา” วัตส์กล่าว “ผมชื่นชอบไอเดียของการให้ผู้ร้ายมีปัญหาที่คนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ มันไม่ใช่เรื่องของการยึดครองโลก มันไม่ใช่แผนการแก้แค้นสุดโต่ง แต่มันเป็นเรื่องของการไม่มีเงินเลี้ยงปากท้องและการต้องการมีที่ทางในโลกใบนี้ครับ”

สิ่งที่เจ๋งเกี่ยวกับวัลเจอร์คือสิ่งเดียวกับที่ผมคิดว่าเจ๋งเกี่ยวกับบรูซ เวย์น นั่นคือเขาสร้างชุด เกราะและสิ่งที่เขาต้องการขึ้นมาด้วยตัวเอง” คีย์ตันกล่าว “เขาไม่ได้มีพลังพิเศษอะไร เขาเป็นแค่คนธรรมดา แม้ว่าเขาเป็นคนที่เจอกับสารพัดเรื่องประเดประดังเข้ามาก็ตาม”

นักแสดงหลายคน เมื่อถูกเรียกตัวมารับบทผู้ร้าย จะกล่าวว่าความท้าทายคือการหาแรงขับที่เป็นมนุษย์ในตัวละครและเกือบจะหลงเชื่อในแนวคิดแบบผิดๆ ของพวกเขา คีย์ตันเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น “สิ่งที่เจ๋งเกี่ยวกับเส้นเรื่องรองในเรื่องราวนี้คือปีเตอร์ไม่ได้มองเห็นภาพใหญ่ ทูมส์เป็นผู้ใหญ่ที่ได้สัมผัสแล้วว่าโลกใบนี้เป็นยังไง” เขากล่าว “เอเดรียน ทูมส์ได้มองเห็นโลกจริงๆ และได้สัมผัสถึงความไม่ยุติธรรมและความไม่เท่าเทียมกันด้วยตัวเอง วัลเจอร์คิดแบบนั้น และผมก็คิดว่าเขาก็คิดถูกอยู่บ้าง”

ถ้าโทนี สตาร์คเป็นเหมือนพ่อสำหรับปีเตอร์ แฮปปี้ โฮแกนก็เป็นเหมือนพี่ชาย มือขวาของโทนี ผู้ฉุนเฉียวง่าย ขี้หงุดหงิด มีงานยุ่ง แต่ก็มีความเอื้ออาทร ได้ถูกวางตัวให้คอยดูแลความก้าวหน้าของปีเตอร์ระหว่างที่โทนีทำในสิ่งที่มหาเศรษฐีเพลย์บอยใจกุศลอัจฉริยะทำทั้งวัน

“สำหรับปีเตอร์ แฮปปี้เป็นพี่ชายที่ทำให้คุณเจอกับเรื่องลำบากเสมอ” แคร์รอลอธิบาย “แฮปปี้คิดว่า เดี๋ยวนะ คุณเจอกับเด็กใหม่คนนี้ คุณหาชุดสุดไฮเทคให้เขา แล้วเขาก็จะได้สู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพวกอเวนเจอร์เนี่ยนะ’ เขาระบายความอิจฉาของตัวเองลงกับปีเตอร์นิดๆ น่ะครับ”

แฟฟโรว์โตมาในควีนส์และเข้าศึกษาในโรงเรียนที่ไม่ต่างกับมิดทาวน์ ไซเอนซ์ ที่ปีเตอร์เรียน ด้วยเหตุผลเหล่านี้เอง เขาก็เลยกล่าวว่า SpiderManHomecoming เป็นเหมือนการคืนสู่เหย้านิดๆ สำหรับเขา “เพราะสิ่งที่เรามีเหมือนๆ กัน ผมก็เลยชื่นชอบตัวละครตัวนี้เสมอ” เขากล่าว “การได้เห็นมันได้รับการถ่ายทอดออกมาในหนังเหมือนอย่างในหนังสือทำให้ผมตื่นเต้นมากครับ”

ติดตามชม SpiderMan: Homecoming  ได้เร็วๆ นี้ ในโรงภาพยนตร์ 

อัพเดทชีวิตคนดัง ครบครันเรื่องบันเทิง เพลิดเพลินไปกับบทละคร

ติดตาม Dara.trueid.net ได้อีกช่องทางที่

 


และ แอพพลิเคชั่น 


TrueID Application

Add friend ที่ ID : @TrueID