Series Full ReviewWhen The Camellia Blooms : วันที่ดอกไม้เบ่งบานคำพิพากษากับฟ้าหลังฝัน มรสุมชีวิตกับความเรียบง่าย อาจดูคล้ายหดหู่แต่งดงามและจริงใจNetflix : 1 Season 20 Episodes (2019) ความจริง ก่อนที่จะมาดูเรื่องนี้ ผู้เขียนเองไม่ใช่แฟนเจ้าประจำซีรีส์ แต่ก็ยอมรับว่าดูมาพอสมควร เพียงแต่ช่วงหลังก่อนจะมาเจอเรื่องนี้ เริ่มได้ดูมากขึ้นเนื่องจากต้องอยู่บ้านมากกว่าปกติ ซึ่งเท่าที่ผ่านมางานซีรีส์ทางเกาหลีที่ผู้เขียนได้ดูมามักไม่ค่อยมีงานที่แย่ ไม่ค่อยได้เททิ้งสักเท่าไหร่ อาจเป็นเพราะผู้เขียนเองเลือกดูด้วยกระมัง แต่ด้วยความที่ผู้เขียนสามารถดูได้ทุกแนว แม้จะมีชมชอบการดูเรื่องหนักๆ งานที่ต้องใช้สมองคิดตาม และเรื่องไหนที่เค้าว่าดีก็ดูตามที่เวลาจะเอื้ออำนวย จนมาเจอกับอย่างเรื่องนี้ ที่ว่ากันว่า นี่คือซีรีส์หนึ่งในห้าเรื่องที่เข้าชิงรางวัลสายงานซีรีส์ของทางเกาหลี แล้วพรหมก็ลิขิตให้ผู้เขียนเจอ และจะลองดูสักตอนสองตอนในช่วงดึกของคืนหนึ่ง แต่แล้วก็เกิดอาการประทับใจในเสน่ห์ของตัวละคร มิติของเรื่องและชั้นเชิงการเล่าเรื่อง แล้วก็เกิดอาการหยุดไม่อยู่ จนดูจบได้ภายในสามวัน กับยี่สิบตอนของซีรีส์ ที่ว่าถึงหญิงสาวสวยที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมาเปิดร้านเหล้าคนเดียว และแน่นอนว่าเธอได้ถูกพิพากษาจากสังคมในชุมชนไปเรียบร้อย When TheCamellia Blooms วันที่ดอกไม้เบ่งบาน เรื่องย่อโอทงแบค หรือที่ใครๆเรียกขานว่า ทงแบค (กงฮโยจิน) หญิงสาวตัวคนเดียวมีลูกติด เธอย้ายจากโซลมาเปิดร้านเหล้าที่ชื่อ คามิลเลีย กลางตรอกที่มีแต่ร้านอาหารในเมืององซาน เมืองชายทะเลที่งดงามและมีชื่อเสียงทางด้านปูดอง ที่ดูแล้วกิจการร้านเหล้าไม่น่าจะรุ่ง ทว่า ร้านของ ทงแบค กลับได้รับตอบรับเป็นอย่างดี ได้รับการอุดหนุนจากเหล่าพ่อบ้านใจกล้าละแวกนั้น ที่มีชีวิตประจำวันที่จำเจมาทั้งชีวิต จนกระทั่งเธอถูกพิพากษาจากแม่บ้านทั้งหลายในละแวกนั้นว่าเป็นหญิงไม่ดี เพราะเธอคือแม่เลี้ยงเดี่ยว และเธอคือหญิงสาวที่เปิดร้านเหล้าให้บริการผู้ชาย กระนั้น ด้วยความที่ ทงแบค เป็นคนยอมคน และเหมือนกับเธอจะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ รู้สึกต่ำต้อยในชะตาชีวิตตัวเองมาตลอด เธอจึงไม่มีปากเสียงกับใครทั้งสิ้น เพียงก้มหน้าก้มตารับมันไป แต่ เธอยังมีคนที่เอ็นดูเธอ ในความที่เป็นเธอแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่หาเงินเลี้ยงลูกตัวคนเดียว คือหญิงชราหนึ่งคน ที่เป็นที่เกรงใจของคนในย่านนี้คือป้า กวักทอกซุน (โกดูชิม) ที่เข้าใจ ให้กำลังใจคอยอยู่เคียงข้างและปกป้อง แล้ววันหนึ่ง การมาของไอ้หนุ่มบ้านนอกที่เป็นตำรวจ ผู้ชายซื่อๆโผงผางตรงไปตรงมานาม ฮวังยงชิก (#คังฮานึล) ที่ตกหลุมรักเธอในแรกเจอ และ ยงชิก ก็ไม่รีรอที่จะจีบเธอด้วยวิธีบ้านๆซื่อๆของเขา จนใจของ ทงแบค ที่พยายามแข็งขืนก็อ่อนลงด้วยความซื่อ ใส และจริงใจนั้น ที่นำมาซึ่งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ในชีวิตที่ดูหมองหม่นของเธอแต่กระนั้นปัญหาก็ตามมา เมื่อกลายเป็นว่า ยงชิก คือลูกชายของ ป้าทอกซุน ซ้ำยังไม่พอเมื่อการกลับเข้ามาในชีวิต ทงแบค ของ คังจองรยอล (คิมจีซุค) นักเบสบอลชื่อดัง รักแรกและพ่อของลูก ชายผู้ทำให้ ทงแบค เจ็บปวดกลับเข้ามาก่อกวนในหัวใจ และพร้อมจะแย่ง ทงแบค ไปจาก ยงชิก แถม ทงแบค ยังถูกตามรังควาญจากฆาตกรต่อเนื่อง ทำให้ ยงชิก ต้องปกป้องทั้งตัวเธอและหัวใจเธอ ถ้านั่นยังไม่สาหัสสำหรับ ทงแบค พอ อดีตที่ตามหลอกหลอนเธอมาทั้งชีวิต ก็กลับมาปานพายุที่โหมกระหน่ำ เมื่อแม่ (อีจองอึน) ที่ทอดทิ้งเธอไปตั้งแต่เด็ก แล้วกลับมาหาเธอในวันที่เธอกำลังจะมีความสุข เรื่องราวทั้งหมด ถูกถ่ายทอดผ่านโทนสวยงาม ตลก โรแมนติก ระทึก และซาบซึ้ง แต่แม้จะมีประเด็นมากมายให้เล่า กลับกลมกล่อม และดึงดูดใจผู้ชมได้อย่างประทับใจและตราตรึงบทที่เป๊ะ ผสานลงตัวระหว่างความลึกลับน่าสงสัย มรสุมชีวิต กับความเป็นรอมคอมสวยใจดีต่อตาดีต่อใจ ที่ลงท้ายด้วยความงดงามประการแรกที่ต้องชื่นชมคืองานด้านบทที่วางมาอย่างเป๊ะ ผ่านโครงเรื่องที่หลากหลายแนวแต่แน่น ทุกมิติผูกพันกันลงตัวในความแน่นหนานั้น กับจังหวะจะโคนที่ปล่อยของ การจุดประกายในอารมณ์ความรู้สึก ถูกใส่ลงมาอย่างพอดี แม้จะมีประเด็นต่างๆมากมาย นั่นคือจุดเริ่มจากการเข้ามาอยู่ในย่านองซานของ ทงแบค ที่ถูกชาวบ้านโดยเฉพาะแก๊งแม่บ้านมอง และพิพากษาเธอไปแล้วตั้งแต่ตอนแรก ทว่า ด้วยความที่ ทงแบค ไม่มีทางเลือกมากนัก เธอจึงต้องพยายามแกร่งให้พอ ที่จะอยู่ในสภาวะนั้นมาได้ถึงหกปี แม้ว่าจะดูเหมือนก้มหน้ารับชะตากรรม และยอมเป็นฝ่ายถูกกระทำเสมอมาก็ตามประการต่อมาคือเมื่อการมาถึงของตำรวจหนุ่มบ้านนอก ชายแสนดีแสนซื่ออย่าง ยงชิก ที่ความใสซื่อและจริงใจของเขา ค่อยๆละลายก้อนน้ำแข็งในหัวใจของเธอ และเริ่มแทรกเข้ามาในชีวิตของ ทงแบค กับลูก จนเมื่อเธอเปิดใจปัญหาต่อไปก็เข้ามา นั่นคือว่าที่แม่สามีกลายเป็นคนที่แสนดีกับเธอ คนคนเดียวที่ยืนข้างเธอเสมอท่ามกลางสายตา และเสียงพิพากษานั้นอย่าง ป้าทอกซุน ซ้ำยังไม่พอ ประเด็นต่อมาคือการเข้ามาแทรกแซงชีวิตของเธอ การกลับมาของรักแรกและพ่อของลูก ที่แม้เขาจะแต่งงานมีลูกไปแล้วหากแต่ยังไม่เคยลืมเธอ และพร้อมจะแย่งเธอไปจาก ยงชิก ทุกเมื่อ และแน่นอนว่าเขาพยายามจะรับผิดชอบลูก ที่เขาไม่เคยดูแลมาก่อน กระทั่งเมื่อหลายอย่างเริ่มดูดี ก็มีประเด็นเรื่องความเป็นแม่และความเป็นลูก ทั้งทางฝั่งของ ทงแบค เองที่แม่ผู้เคยทอดทิ้งเธอ และกลับมาเพราะรู้สึกผิดและต้องการไถ่โทษ กับทางฝั่งของ ยงชิก ที่แม่ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกมีชีวิตที่ดี รวมถึงไม่อยากให้ลูกลงเอยกับแม่ม่ายลูกติดตามจารีตของสังคม แต่ประเด็นที่เยอะแยะมากมายทั้งหมด ถูกเล่าได้อย่างกลมกลืน และการเปลี่ยนโทนเรื่องแนบเนียนจนไม่เห็นริ้วรอย ถึงแม้ว่าจะซ้อนเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่อง เรื่องเชิงลึกลับน่าสงสัย ที่กลายเป็นอารมณ์สืบสวนสอบสวนที่เข้มข้นถึงใจแทรกเข้ามา ที่ผู้ชมสงสัยตั้งแต่เปิดเรื่อง เมื่อมีใครบางคนตามรังควาญ ทงแบค มาตลอด ทำให้มีโทนของการสืบคดีและล่อหลอกคนดูให้คาดเดา แล้วเมื่อคนดูเดาก็หักมุมจนกระทั่งนาทีสุดท้าย ซึ่งความแน่นและเรียบเนียนของบท ทำให้ไม่เห็นริ้วรอยของการสลับและเปลี่ยนโทนเรื่อง แต่กลับทำให้ดูได้อย่างชวนให้ติดตามไม่มีให้เห็นความยืดยาดอืดอาดแม้แต่น้อยชั้นเชิงที่ธรรมดาตามประสาเกาหลี แต่เมื่อบทดีจังหวะได้ เรื่องง่ายๆก็กลายเป็นความน่าจดจำแม้จะมีถึงยี่สิบตอนก็ยังน้อยไปสิ่งที่ต้องชื่นชมเต็มที่คือชั้นเชิง การเล่าเรื่องที่เปิดหน้าไพ่เด็ดให้คนดูได้เห็นตั้งแต่ฉากเปิด ทำให้ผู้ชมรู้สึกสงสัยตั้งแต่ต้น และสมองผู้ชมคาดเดาไปแล้วว่า เรื่องน่าจะไปทางไหน และแน่นอนงานด้านบทที่ดีพอ จะเกาะกุมหัวใจผู้ชมให้เอาใจช่วย รู้สึกผูกพัน รักตัวละคร และหวังว่ามันจะไม่เป็นเช่นนั้นอย่างที่สมองคิด ซึ่งบทละครเรื่องนี้ ใช้วิธีนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งชั้นเชิงที่ว่า ก็ทำหน้าที่ของมันอย่างได้ผล และยังรวมถึงการเล่าเรื่องแบบซีรีส์สืบสวนเกาหลีแบบจริงจังในงานรอมคอม (เนี่ยนะ) ที่ชี้นำให้คนดูไม่ไว้ใจใครแม้แต่คนเดียว (ยกเว้นพระเอกกับนางเอก) หรือการเล่าเรื่องแบบเดินหน้าไปก่อนแล้วย้อนมาเฉลย ที่เกาหลีก็จะเป็นแบบนี้ทุกเรื่อง หากแต่ก็ได้ผลดีอย่างน่าทึ่ง ทั้งที่น่าจะคาดเดาได้แต่ก็ไม่ กระทั่งสำหรับคนที่ดูงานสืบสวนสอบสวนมามากมายอย่างผู้เขียน ยังต้องทึ่งในการเล่าเรื่อง ทั้งที่ตัวตนของเรื่อง ได้ถูกเสนอให้เป็นงานรอมคอมฟีลกู้ด ที่ไม่ว่ายังไงต้องดูแล้วรู้สึกดีเสียมากกว่า และชั้นเชิงการเล่าเรื่องจัดว่าได้ผลดีอย่างที่สุด แต่ทว่า แม้จะซ้อนแนวทางที่ไม่น่าจะไปด้วยกันได้เข้ามา เรื่องกลับไม่มีเป๋ หลุด หรือหย่อนลง กลับกลายเป็นเพิ่มความน่าติดตามขึ้นอีกโข กระทั่งทำให้จำนวนตอนจะมีถึงยี่สิบตอน ตอนละประมาณหนึ่งชั่วโมงไม่มีผลอะไรเลย กลับกันยังรู้สึกว่าน้อยไปด้วยซ้ำเพราะว่าในจำนวนตอนที่มากกว่าปกติ ไม่เห็นแววของการยืดยาดหรือเนือยเอื่อย ด้วยประเด็นที่ต้องการจะสื่อ แม้จะมีมากมายแต่กลับสามารถที่จะสื่อสารให้คนดูได้สัมผัสได้อย่างลึกซึ้ง และอิ่มเอม โศกเศร้าเคล้าน้ำตา น่ารักสดใสจนถึงลุ้นระทึกได้เป็นอย่างดี มีบทเรียนแง่มุมชีวิตมากมายให้ได้เห็นด้วยตาและสัมผัสได้ด้วยใจ ตามแบบงานแนวนี้ชั้นเยี่ยมพึงมีในทุกองค์ประกอบ ซึ่งหลังจากยุคสตรีมมิ่งครองโลก ผู้เขียนเองก็เพิ่งมาทราบว่า งานละครจากทางเกาหลี ก็มีถ่ายไปออนแอร์ไปเช่นกัน แต่เท่าที่ดูมาไม่เคยเห็นซีรีส์เกาหลีมีริ้วรอยของการยืดเรื่องเพิ่มตอนเมื่อเรทติ้งดี เดาว่านั่นเพราะผู้สร้างให้ความสำคัญกับเรื่องบทมาก่อนเป็นปฐม โดยเฉพาะกับเรื่องนี้สำหรับผู้เขียนเองเมื่อดูจบ ยังรู้สึกว่าไม่อิ่มทั้งที่ดูมาตั้งแล้วตั้งยี่สิบตอน แม้ว่า บทสรุปมันจบลงตัวดีอยู่ สมบูรณ์แบบ แต่กลับรู้สึกไม่อิ่ม เพราะอยากให้เห็นภาพความสุขของ ทงแบค มากกว่านี้ เนื่องเพราะหัวใจผู้เขียน กระทั่งผู้ชมอีกมากมายสงสารเธอมาทั้งเรื่อง ชีวิตของ ทงแบค ต้องผ่านเรื่องราวและอุปสรรค มรสุม ตัวแปรที่คาดเดาไม่ได้มากมาย แต่บทสรุปกลับใจร้าย ที่จะไม่ให้คนดูได้อิ่มเอมกับความสุขของเธอให้มากกว่านี้ การแสดงที่เคมีลงตัวที่สุดระหว่างความดีงามในหัวใจและความเรียบง่ายใสซื่อ พร้อมทั้งเสน่ห์ที่ไม่อาจละสายตาได้จาก กงฮโยจิน สำหรับเรื่องนี้ ส่วนที่มิอาจปฏิเสธได้เลยว่ามีส่วนอย่างมาก ในการยกระดับตัวเรื่องที่ดีอยู่แล้ว ให้กลายเป็นความยอดเยี่ยม นั่นคือคือเคมีของนักแสดงทุกคน ย้ำ ทุกคน เข้ากันดีมาก มอบสีสันให้ตัวละคร วางพื้นฐานกับความหนักแน่นให้ตัวเรื่อง และไม่มีใครที่น่าชิงชังแม้แต่คนเดียว แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ พลังดาราของ กงฮโยจิน ที่งานด้านภาพช่วยส่งให้ออร่าเปล่งประกายที่สุด จนคนดูตกหลุมรักเธอทันทีเมื่อเธอปรากฏตัว ไม่ต่างจากตอนที่ ยงชิก เจอเธอในร้านหนังสือ และ กงฮโยจิน จัดการบทที่ได้รับมาได้อย่างไร้ที่ติ เมื่อตัวละคร ทงแบค คือตัวละครที่มีมิติให้เล่นมากมาย เก็บกดแต่มองโลกในแง่ดี ในหัวใจต้องพยายามแข็งแกร่งเพื่อลูก หากแต่ถูกฉาบหน้าด้วยความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตา และก้มหน้าเป็นฝ่ายถูกกระทำ จนกระทั่งการเข้ามาของ ยงชิก ที่เหมือนเธอเจอแสงสว่างและสดใส จวบการมาของแม่ที่ทิ้งเธอไป ทำให้เธอรู้สึกสับสน ตามด้วยความกระอักกระอ่วน เมื่อคนที่แสนดีกับเธอและลูกที่สุด คือแม่ของคนที่เธอรักหากแต่ไม่ยอมรับตัวเธอ กับความรักของเธอและ ยงชิก ซึ่งมิติตัวละครเหล่านี้ ถูกถ่ายทอดมาอย่างเยี่ยมที่สุด กอบโกยหัวใจผู้ชมไปทั้งหมดจากการรับผิดชอบของ กงฮโยจิน ซึ่งผู้เขียนเองก็ไม่ทราบจริงๆว่า งานจากเกาหลีมีการแคสติ้งที่เหมาะกับบท หรือนักแสดงเองที่มาตรฐานสูงจนรับผิดชอบบทได้ทั้งหมด แต่เดาว่าเป็นทั้งสองอย่าง เช่นบท ยงชิก ของ คังฮานึล ที่แสดงเป็นผู้ชายบ้านนอกที่ใสซื่อจริงใจ โผงผาง ทำอะไรตามสัญชาตญาณ และนั่นทำให้คนดูเทใจให้ ยงชิก หมดใจ ไม่ต่างจาก ทงแบค เพราะเขาแสดงได้อย่างสมบทบาท จนเรียกได้ว่า ดีกว่านี้ไม่มีอีกแล้วในบท ยงชิก เพราะแม้จะเป็นตัวละครมิติเดียว แต่มันคือมิติที่ได้ใจ เป็นมิติเดียวที่ผู้ชมดูแล้วต้องรัก ยงชิก รักในความจริงใจที่ ยอมให้คนทั้งดลกโกรธเกลียด แต่ไม่ยอมหยุดรักเธอ รักในความซื่อ จนบางครั้งแอบยิ้มไปบางพฤติกรรม การแสดงของ คังฮานึล เรื่องนี้ถ้าไม่นับว่าผู้เขียนตกหลุมรัก ทงแบค ไปพร้อมกับเขาแล้ว ต้องเรียกว่านี่คือสิ่งที่น่าจดจำ แถมยังไม่พอยังมีเคมีที่เข้ากันได้ดีจนเกินคำบรรยายกับ กงฮโยจิน กระทั่งมองไม่เห็นช่องว่างระหว่างเขาและเธอเลย ไม่ว่าจะมองเข้าไปในมุมไหน เรียกได้ว่าคู่ควรกับรางวัลที่ได้รับกับบทบาทนี้อย่างไร้ข้อกังขาถ้านั่นยังไม่พอตัวละครสมทบอื่นๆ ที่ล้วนแต่คุ้นหน้าคุ้นตา ก็เล่นได้อย่างเข้าขา เนียนตา และได้ใจคนผู้ชมไปจนสิ้น ไม่ว่าจะเป็น โกดูชิม ในบท ป้าท็อกซุน แม่ ยงชิก อีจองอึน ในบท แม่ทงแบค คิมจีซุค ในบท คังจองรยอล รักแรกที่มาแทรกกลาง ซนดัมบี ในบท ฮยางมี ลูกจ้างที่เหมือนเป็นทั้งเพื่อนและทั้งปัญหา คิมคังฮุน ในบท เจ้าหนูพิลกู หรือ คู่สามีภรรยาเจ้าปัญหาของ ยอมฮเยรัน กับ โอจองเซ โดยเฉพาะรายหลังแสดงจนเชื่อเลยว่า นี่คือคนรวยที่ไม่ฉลาดนัก อาจดูไม่ค่อยน่ารัก แต่ก็ไม่ใช่คนเลวร้ายน่ารังเกียจ จนคว้ารางวัลไปอีกรายแต่สำหรับส่วนตัวผู้เขียนแล้ว กลับมองว่าแก๊งมนุษย์ป้าแห่งองซาน คือสีสันฉูดฉาดจัดจ้าน ที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้งดงามขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ด้วยพัฒนาการและการเก็บงำความดีงามของจิตใจ ไว้ไต้หน้าฉากแม่ค้าปากตลาด ประกอบกับงานด้านภาพ ทิวทัศน์ที่สวยจนอยากไปองซานสักครั้ง เพลงประกอบที่เพราะติดหู จนกระทั่งเมื่อซีรีส์จบต้องมาหาฟังต่อ และทั้งหมดคือองค์ประกอบที่เยี่ยมที่สุด ของซีรีส์ที่ยาวถึงยี่สิบตอนมอบให้ และสารภาพว่า ผู้เขียนดูจบแบบไม่อยากให้จบ ยังคงอยากติดตามดูชีวิตในวันที่พบความสุขของ ทงแบค กับ ยงชิก ต่อไปอีก และอย่างที่บอก แม้ว่าดูจบอย่างมีความสุข อิ่มเอิบ อิ่มเอม ดีต่อใจ แต่ไม่อิ่ม ที่ว่าไม่อิ่มไม่ใช่ว่าตัวซีรีส์มีข้อแม้จุดด้อยอะไร กลับกัน มันคือดีมาก ดีไปทุกอย่างต่างหาก จนดูแล้วไม่อยากให้จบลงแบบนี้ ยังอยากดูต่อ และเป็นซีรีส์เพียงไม่กี่เรื่องที่ผู้เขียนดูซ้ำ (ณ วันนี้ดูไปแล้วสามรอบ) ด้วยความที่เป็นเรื่องราวที่น่าจะหดหู่ แต่กลับเสนอในมุมที่สดใสงดงาม มอบความสุขให้คนดูได้ทุกอารมณ์ทั้งสงสาร สุขสดใส โศกซึ้ง มีโทนเดียวที่ไม่มีให้คือความหดหู่ งานซีรีส์ที่มอบบทเรียนในชีวิตมากมาย จากมุมมองของความเป็นแม่ ความเป็นลูกสาว ความเป็นพ่อและความเป็นลูกชาย มอบแง่มุมทางสังคมเรื่องของการตัดสินใครจากภายนอก หากแต่ไม่มองให้ลึกซึ้งที่เบื้องลึกข้างใน มอบบทเรียนชีวิตว่าไม่ว่าโชคชะตาจะเลวร้าย หรือเล่นตลกกับเราขนาดไหนหากเรา ไม่ยอมล้มและแกร่งพอที่จะสู้กับมัน ก็จะมีวันที่ดอกไม้เบ่งบานได้สิ่งประดามีเหล่านี้ คือองค์ประกอบที่ยอดเยี่ยม จนทำให้คว้ารางวัลสูงสุด รางวัลแดซัง ในการประกาศรางวัล แพ็คซัง อาร์ตส์ อวอร์ดส์ ในปี 2020 รวมถึง รางวัลบทโทรทัศน์ยอดเยี่ยม นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม โอจองเซ และ นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม คังฮานึล แต่ เหนือสิ่งอื่นใด รางวัลที่ได้จะไม่มีค่าอันใดเลย หากตัวเรื่องไม่เข้าถึงส่วนลึกในหัวใจผู้ชม และสำหรับเรื่องนี้ นี่คืองานซีรีส์ที่ได้ใจผู้ชมในทุกมิติ เป็นงานที่ยอดเยี่ยมในทุกองค์ประกอบ งานที่มอบความประทับใจให้มากมาย จนไม่แปลกที่จะกลายเป็นงานที่ขึ้นหิ้งในใจใครหลายคน และหนึ่งในนั้น ก็ต้องนับผู้เขียนไปด้วย จนต้องประทับตราว่า อย่าเพิ่งตายถ้ายังไม่ได้ดูดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 /ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 /ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 จาก Facebook KBS 드라마 🎬 ดูซีรีส์แล้วอินยิ่งต้องมาแชร์ประสบการณ์ความฟินกันใน TrueID Community 📺✨อัปเดตข่าว ดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID ฟรี!