Short CommentSanctuary สังเวียนศักดิ์สิทธิ์ (2023)มังงะสถานภาพสมจริงที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณผสานทุกอารมณ์ได้ลงตัวที่จะทำให้ "ไฟในใจลุกโชน"หนึ่งในอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่แพร่มายังบ้านเราของญี่ปุ่นคือการ์ตูนหรือที่คนรุ่นคนรักหนังตัวเล็กที่บ้านเรียกว่ามังงะ ซึ่งอาจเป็นสิ่งที่ภาษาสมัยนี้เรียกกันหรูๆว่า Soft Power ที่ขายได้และยังขายดีแม้ว่าเวลาผ่านไปจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบไปบ้างเพราะลูกชายคนเล็กของดูไปบ่นไปก็ยังอ่านมังงะแต่เป็นการอ่านออนไลน์ เมื่อเป็นเช่นนี้เท่ากับว่าการ์ตูนญี่ปุ่น ได้ผ่านโลกหรือเหมือนกับเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของผู้เขียนทำให้มีการ์ตูนที่อยู่ในความทรงจำมากมาย และโดยเฉพาะพวกผู้ชายที่เคยผ่านยุคสมัยหนึ่งมาก็จะมีการตูนดราม่าที่มีเนื้อหาปลุกความเป็นชายในตัวคุณอยู่ในใจเช่นจอมเกบลูส์,แสลมดังค์หรือก้าวแรกสู่สังเวียนเป็นต้น ด้วยเนื้อหาที่เร้าใจกับการแข่งขันกีฬาและตัวละครเอกที่มีเอกลักษณ์ที่พร้อมจะพาคนอ่านเพริดแร้วไปกับความเป็นลูกผู้ชายผู้ไม่ยอมแพ้ แล้วสิ่งที่ตามมาคือหนังหรือซีรีส์ญี่ปุ่นมากมายที่อาบกลิ่นอายเหล่าไว้นี้เช่นดียวกับซีรีส์ที่ผู้เขียนเปิดดูด้วยสัญชาตญานของผู้ชายที่เคยอ่านการณ์ตูนญี่ปุ่นมาในวัยเยาว์เรื่องนี้ที่คิดว่าต้องมีดีอะไรบางอย่างแล้วก็มีดีจริงๆตามแบบฉบับของญี่ปุ่นนี่คือเรื่องราวของเอนโซ คิโยชิ (วาตารุ อิชิโนเสะ) เด็กหนุ่มเลือดร้อนและอันธพาลร่างใหญ่ชอบทะเลาะวิวาทที่ได้เข้ามาอยู่ในชายคาค่ายซูโม่เอนโชเพื่อที่จะเป็นนักซูโม่ แต่ความที่คิโยชิมีนิสัยเกกมะเหรกชอบต่อยตีแม้จะมีพรสวรรค์แต่ความห้าวและแหกคอกของเขาก็ทำให้เขาต้องพบกับฝันร้ายในการฝึกเล่นกีฬาที่มีระบบระเบียบมีขนบอย่างซูโม่ ซึ่งแท้จริงแล้วคิโยชิคือเด็กหนุ่มจิตใจดีที่ครอบครัวแตกแยกและการมาเป็นนักซูโม่ของเขาก็เพราะการทำเพื่อพ่อ ในขณะเดียวกันคิโยชิที่ได้รับชื่อในวงการว่าเอ็นโนะก็ได้สานมิตรภาพกับชายหนุ่มร่างยักษ์ที่ชอบเหม่อมองซากุระคือนักซูโม่ที่แข็งแกร่งเกินต้านนามว่าชิสุอุจิ อีกด้านหนึ่งก็มีนักซูโม่อัจฉริยะชื่อดังที่แบกความหวังของครอบครัวคือริวกิ (คาสุ โซ) ที่ไม่ต่างจากนกน้อยในกรงทอง แน่นอนทั้งสามคนคือสามด้านของวงการซูโม่ที่จะต้องมาห้ำหั่นกันเพื่อเป็นหนึ่งโดยมีนักข่าวคุนิชิมะ อาสุกะ (คัตสึนะ ชิโอริ) ที่ถูกเตะโด่งจากการทำข่าวการเมืองมาทำข่าวกีฬาโบราณที่เธอมองว่าคร่ำครึนี้เป็นพยาน นี่คือมังงะในสถานภาพสมจริงที่มีครบทุกองค์ประกอบ ด้วยโครงเรื่องและตัวละครแบบนี้ถ้าปรับมาเป็นงานลายเส้นแบบอนิเมะที่สร้างจากมังงะก็คงไม่แปลกเพราะเต็มไปด้วยจิตวิญญาณของการ์ตูนลูกผู้ชายที่ฮิตระเบิดในอดีต ตัวเอกที่เป็นอันธพาลจิตใจดีมีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาแล้วได้มาเจอกับกีฬาที่เหมาะสมพร้อมกับครูที่ใช่ แล้วจะต้องเอาชนะความแหกคอกและความทนงตนในรูปแบบต่างๆเพื่อพบจุดเปลี่ยนและกลายมาเป็นยอดนักกีฬาแบบนี้มีให้อ่านมานักต่อนักเมื่อครั้งที่ผู้เขียนยังวัยรุ่น สิ่งที่ตามมาคือจิตวิญญาณมังงะอย่างว่าที่มาเต็มอารมณ์จนอาจทำให้คนดูเป็นไบโพลาร์ เพราะมีทั้งตลกขบขันซาบซึ้งตื้นตันโศกเศร้าเหงาหงอยตลอดไปจนถึงฮึกเหินมีพลังใจไฟลุกโชน นั่นหมายความว่าบทของเรื่องนี้ยกความเป็นมังงะมาใส่เต็มที่จนทำไม่อยากเชื่อว่าไม่ได้สร้างมาจากมังงะเพราะเท่าที่หาข้อมูลดูก็ไม่เจอจริงๆ แน่นอนเรื่องของคนที่เริ่มจากติดลบแล้วพบจุดเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อเป็นยอดคนแบบนี้เป็นเรื่องที่ได้ใจเสมอ แล้วด้วยชั้นเชิงที่ใช่ก็ทำให้นี่คืองานดราม่ากีฬาชั้นยอดที่มอบให้ได้ทุกอารมณ์อย่างที่ควรเรื่องในและนอกสนามส่งเสริมกันได้อย่างลงตัวจนเป็นความสมดุล เพราะทุกคนต่างมีเหตุผลและเรื่องราวของตัวเองจึงเป็นมิติเชิงอารมณ์ที่ได้ผลซึ่งเมื่อแจกแจงออกมาจะเห็นว่ามีผู้เล่นหลักอยู่สี่คนคือสามนักซูโม่ที่ต้องเป็นคู่แข่งกันกับหนึ่งนักข่าวสาว แน่นอนเกมการแข่งขันในสนามต้องเร้าใจเพราะนี่คือซีรีส์กีฬาเรื่องการแข่งขันจึงต้องมาให้เต็มและเรื่องนี้ก็ทำได้ดีเพราะสมจริงเหมือนการแข่งจริงซ้อมจริงไม่ใช่การแสดง แต่ที่ต้องชื่นชมคือเรื่องเบื้องหลังนอกสนามของตัวละครทั้งสี่คนที่ต่างมีเรื่องราวมีเหตุผลที่น่าค้นหาของตนเองที่ชัดหน่อยคือเอ็นโนะกับชิสุอุจิที่ถูกวางตัวไว้ให้เป็นคู่แข่งที่รักจนถึงตอนนี้ แล้วเรื่องของทั้งสองคนก็น่าเห็นใจพอกันเป็นเบื้องหลังที่ต่างกันแต่เป็นแรงผลักดันเหมือนกันต่างกันที่หนึ่งคือเปิดตัวชัดอีกหนึ่งลึกลับน่าค้นหาที่ลงตัวตามลักษณะตัวละคร แถมด้วยพัฒนาการที่ชัดของการเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะในส่วนของนักข่าวอาสุกะทำให้ตัวละครมีมิติที่จับต้องได้และคนดูรัก จนเมื่อพวกเขาทำอะไรก็ตามคนดูก็พร้อมที่จะรู้สึกไปกับพวกเขาที่อาจต่างกันทางอารมณ์แต่เหมือนกันทางความรู้สึกทั้งเอ็นโนะและชิสุอุจิตั้งใจมาขายวัฒนธรรมเต็มประตูแต่ทำไมดูเนียนตาได้ปานนี้ ถ้าตัดรูปแบบการนำเสนอที่ไม่ต่างจากการอ่านมังงะออกไปนี่ก็คือซีรีส์ดราม่ากีฬาดีๆนี่เองเพียงแต่ไม่ใช่ฟุตบอลเบสบอลบาสเกตบอลหรือมวยแต่เป็นซูโม่ ซึ่งกีฬาซูโม่ก็ไม่ต่างจากแดนสนธนยาของคนดูต่างประเทศเพราะถ้ามองแค่สิ่งที่เห็นผ่านตาก็จะไม่รู้ว่ากีฬาประเภทนี้มีอะไรมากกว่าที่ตาเห็น แน่นอนนี่คือวัฒนธรรมของชนชาติที่ชาวต่างชาติไม่อาจหยั่งถึงแล้วเมื่อเอามาขายแบบนี้จึงสัมผัสเจตนาของการพยายามขายวัฒนธรรมขนบธรรมเนียมของชนชาติญี่ปุ่น ทว่าด้วยเรื่องที่ตั้งใจมาเล่าประกอบกับความเร้าใจทั้งในเชิงการแข่งขันผสานกับดราม่าตัวละครที่เล่าได้จับใจคนดูจึงไม่รู้สึกแม้เพียงนิดว่านี่คือความตั้งใจขายกีฬาซูโม่ ตั้งใจยังไงเหตุผลคือตลอดแปดตอนคนดูจะรู้ว่าการจะมาเป็นนักซูโม่ต้องฝึกซ้อมต้องแข่งขันเลื่อนขั้นตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดเส้นทางนักซูโม่ แล้วด้วยการเล่าที่เข้าถึงอารมณ์ก็ทำให้คนดูดูสนุกได้ทั้งที่ไม่เคยสนใจซูโม่มาก่อนไปจนถึงโศกซึ้งเมื่อนักซูโม่หนึ่งคนต้องอำลาวงการกีฬาที่มีทั้งพิธีกรรมและพิธีการชนิดนี้ จึงเป็นที่มาของชื่อเรื่องว่าสังเวียนศักดิ์สิทธิ์การสร้างตัวละครชั้นยอดและการแสดงชั้นเยี่ยมทำให้แยกไม่ออกว่าคนไหนนักแสดงคนไหนนักซูโม่ นอกจากเบื้องหลังที่เป็นมิติตัวละครทำให้คนดูรักตัวละครแล้วสิ่งหนึ่งที่ต้องชื่นชมคือการสร้างตัวละครที่ยอดเยี่ยม ซึ่งแม้ว่าเป็นตัวละครที่หลุดมาจากมังงะแนวลูกผู้ชายในอดีตเพราะอย่างตัวละครเอ็นโนะก็คล้ายส่วนผสมของมาคุโนอุจิ อิปโป (ก้าวแรกสู่สังเวียน) กับซากุรางิ ฮานามิจิ (แสลม ดังค์) และมาเอดะ ไทซน (จอมเกบลูส์) แต่ตัวละครแบบนี้แหละที่มักได้ใจแล้วมาได้การแสดงที่เชื่อเถอะว่าไม่รู้ว่าใครคือนักซูโม่จริงและใครคือนักแสดงเพราะดูจากเครดิตที่ลองค้นหาดูแล้วก็ลึกลับไม่ต่างจากอดีตของชิสุอุจิ นั่นหมายความว่านักแสดงที่มาแสดงเป็นนักซูโม่อย่างวาตารุ อิชิโนเสะสามารถทำให้คนดูเชื่อในความเป็นนักซูโม่จอมกวนบ้าดีเดือดและมองเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวเขาชัดเจนตามจุดเปลี่ยนชีวิต ส่วนที่ต้องชื่นชมคือชายหนุ่มร่างยักษ์ที่แสดงเป็นเพื่อนและคู่ปรับหลักของพระเอกคือชิสุอุจิที่ตอนนี้ยังหาข้อมูลไม่เจอว่าเขาคือนักแสดงหรือนักซูโม่ ซึ่งถ้าเป็นนักซูโม่ก็ต้องซูฮกในการสื่อสารทางสายตาได้อย่างยอดเยี่ยมรวมถึงนักแสดงคนอื่นๆแยกไม่ออกจริงๆ อ้อน่าเสียดายที่นักแสดงเบอร์ใหญ่อย่างโคยูกิที่มีบทน้อยไปหน่อยแต่ไม่แน่ภาคต่อไปอาจมีบทบาทกว่านี้ก็เป็นได้แม้จะรู้สึกไม่ต่างจากการอ่านการ์ตูนญี่ปุ่นแต่ใครจะทำไมเพราะยิ่งดูไปก็ยิ่งสนุก การดูเรื่องนี้ความรู้สึกของผู้เขียนไม่ต่างจากเมื่อครั้งอดีตที่ความบันเทิงที่หาได้คือการ์ตูนญี่ปุ่น ซึ่งการ์ตูนที่เช่ามาอ่านก็จะเป็นแนวนี้พระเอกแบบนี้แรงบันดาลใจแบบนี้มอบได้ทุกอารมณ์แบบนี้ จนบางครั้งมารดาผู้เขียนบอกว่าบ้าเพราะอ่านการ์ตูนอยู่ดีๆเดี๋ยวหัวเราะเดี๋ยวน้ำตาซึม แต่นั่นคือการอ่านที่ต้องผสานจินตนาการสื่อสารไม่ลึกเท่านี้แค่อาจได้เปรียบที่สามารถสร้างภาพเหนือจริงกว่าได้ แต่การดูซีรีส์เรื่องนี้คือได้อารมณ์แบบเดียวกันที่ถูกสื่อสารผ่านการถ่ายทอดออกมาอย่างดีด้วยภาพและเพลงตามสไตล์ญี่ปุ่น ทำให้นี่คืองานซีรีส์ที่ดูสนุกที่ตั้งบนพื้นฐานคุณภาพชั้นดีเป็นงานดราม่ากีฬาตามสูตรที่กดสูตรติดและตูดติดตาเพราะมาเต็มจอ นั่นคือเมื่อดูแล้วก็หยุดไม่อยู่เหมือนกับตอนอ่านการ์ตูนหามรุ่งหามค่ำเพราะสนุกเหลือหลายทั้งเรื่องในและนอกสนาม ส่วนบทสรุปเมื่อถึงตอนนี้เชื่อว่าคงมีภาคสองตามมาเพราะมีอะไรค้างคาไว้เยอะ แต่ถ้าว่ากันถึงสองนักกีฬาหลักที่ได้ใจคนดูสองคนที่มีจุดหมายคือการพบกันบนสังเวียนก็อาจเรียกได้ว่าแม้จะสรุปแบบค้างค้าแต่ก็ลงตัวและดีในแบบของตัวเองดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3,4,5,6,7 / ภาพที่ 8 จาก Instagram netflixjpเกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องนี้https://entertainment.trueid.net/detail/z2Y4L5awDkk8