รีเซต

โควิดยังรุนแรง ได๋ หวั่นสงกรานต์ติดเชื้อสูง เคสป่วยหนักกลับมาอีก เปิดรับบริจาคยา

โควิดยังรุนแรง ได๋ หวั่นสงกรานต์ติดเชื้อสูง เคสป่วยหนักกลับมาอีก เปิดรับบริจาคยา
ข่าวสด
18 มีนาคม 2565 ( 16:59 )
80

โควิดยังรุนแรง ได๋ ไดอาน่า หวั่นสงกรานต์ติดเชื้อสูง เคสผู้ป่วยหนักกลับมาอีกแล้ว เผยยังสู้ต่อ แม้ทีมจิตอาสา เราต้องรอด เหลือแค่หลักสิบคน เปิดรับบริจาคยา

เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 65 ดาราพิธีกรชื่อดัง ได๋ ไดอาน่า จงจินตนาการ ที่มาร่วมงาน “ตลาดปัญญ์สุข” จัดโดย สสส. ร่วมกับ 16 ภาคีเครือข่ายสุขภาวะทางปัญญา ที่หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ (สวนโมกข์ กรุงเทพฯ) ได้เผยถึงสถานการณ์โควิดในฐานะคนทำงานเป็นจิตอาสา ทำเพจ เราต้องรอด และเปิดศูนย์พักคอย ช่วยผู้ป่วยโควิด เป็นเวลาเกือบ 1 ปีแล้ว ยอมรับว่ามีความกังวลและเป็นห่วงสถานการณ์ตอนนี้ เคสผู้ป่วยสีแดงหรือผู้ป่วยหนักมีอาการรุนแรงเริ่มกลับมาอีกครั้ง โดยเฉพาะจำนวนผู้สูงอายุติดโควิดเพิ่มสูงขึ้น แม้จำนวนทีมจิตอาสาจะลดลงจากพันคน เหลือแค่หลักสิบคน แต่เจ้าตัวยังลุยทำงานช่วยเหลือผู้ป่วยต่อไป พร้อมเปิดรับบริจาคยาเพื่อเตรียมรับมือช่วยผู้ป่วยมากขึ้น

ตัวเลขผู้ติดเชื้อโควิดยังสูงขึ้นเรื่อยๆ? “ความรู้สึกที่ได้เห็นตัวเลขเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราคงต้องเหนื่อยกันอีกแล้วในส่วนของอาสานะคะ ก็คงรู้สึกเหมือนกับทุกคน มันรู้สึกชินเหมือนกันเพราะว่าเราเจอมา 1 ปีแล้ว แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่อยากให้ทุกคนยังคงตั้งการ์ดอยู่เหมือนทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์ว่า ฉีดวัคซีนแล้วมันก็ยังติดได้ ติดแล้วก็ยังติดอีกได้ ด้วยความที่เราอยู่กับมันมานานคนอาจจะคิดว่ามันปกติแล้ว แต่จริงๆ แล้วมันยังไม่ปกติ โดยเฉพาะผู้ป่วยกลุ่มผู้สูงอายุ ผู้ที่มีโรคประจำตัว 7 อย่าง หญิงตั้งครรภ์ รวมไปถึงเด็กเล็ก ยังเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ค่ะ

จริงๆ แล้วตั้งแต่ช่วงประมาณเดือน พ.ย. เราไม่ค่อยมีเคสที่เป็นเหลืองแดงแล้ว แต่ว่าเมื่อคืนนี้ (17มี.ค.) เป็นคืนแรกที่เริ่มมีเคสเหลืองแดงอีกครั้งหนึ่ง มันอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิดแต่มันก็อาจจะเป็นอะไรบางอย่างที่จะมาบ่งชี้ว่าหรือตอนนี้สถานการณ์มันน่าจะต้องเริ่มตื่นตัวกันแล้วหรือยัง เพราะจากก่อนหน้านี้คนพูดว่าไม่เป็นไรหรอก กินยา 2-3 วันก็หายแล้ว ใช่ ในกรณีที่เป็นวัยรุ่น วัยทำงาน แต่ว่าวัยรุ่นวัยทำงานบางทีติดแล้วคิดว่ามันไม่เป็นอะไรแล้วไปอยู่ในบ้านที่มีผู้สูงอายุอยู่ แล้วถ้าผู้สูงอายุติดเชื้อขึ้นมามันก็จะยาก เพราะผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงบางคนยังไม่ได้ฉีดวัคซีน ก็น่าเป็นห่วงค่ะ”

คนชะล่าใจกันมากขึ้นไหม? “คนชิลมากกว่าค่ะ คงเบื่อกันด้วยล่ะค่ะ เราอยู่กับมันมาตั้งหลายปีแล้ว ทุกคนคิดว่าไม่เป็นไรออกไปใช้ชีวิต ยอมติดโควิดดีกว่าอดตาย เข้าใจเพราะทุกคนเจอสภาวะเดียวกันหมด ทำมาหากินไม่คล่อง ธุรกิจสะดุด แต่ว่าภายใต้การที่เราต้องดิ้นรนในแต่ละวันก็อยากให้ทุกคนดูแลตัวเองให้ดีที่สุด เพราะตอนนี้มันมีหลายคนที่บอกว่า ใส่หน้ากากสองชั้นดูแลตัวเองดีมากแต่ก็ยังติดอยู่และไม่รู้ว่าติดมาจากไหน เพราะฉะนั้นโควิดอยู่รอบตัวเรา แล้วก็ใครที่ติดก็ขอให้มีความรับผิดชอบต่อสังคม ไม่ใช่ว่าติดแล้วชิลชิลออกไปเดินเล่นเข้าห้างเปิดหน้ากากกินข้าวกับเพื่อน แล้วถ้าติดช่วยบอกความจริงกับเพื่อนเพราะมันมีบางคนที่ติดแล้วบอกไม่เป็นไรหรอกฉันไม่มีอาการอะไร ซึ่งเราไม่รู้ว่าคนที่เรากินข้าวด้วยคนในครอบครัวเขาเป็นใครบ้าง มันอาจจะทำให้คนๆ หนึ่งต้องเสียชีวิตไปเพราะความชิลของเรา เพราะฉะนั้นต้องฝากเอาไว้สำหรับคนที่ติดเชื้อให้รับผิดชอบต่อสังคมด้วย”

ทางรัฐบาลเตรียมประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นในเดือนกรกฎาคม? “หากสถานการณ์โควิดมันเป็นแบบที่เราคิด คือเราจะได้ยินเสมอว่าโอมิครอนไม่รุนแรง หากมันเป็นแบบนั้นการที่จะมองว่าเทรนด์มันจะไปถึงเป็นโรคประจำถิ่น มันก็เป็นสิ่งที่เห็นสมควรนะคะ แต่ถ้ามันมีการกลายพันธุ์ของเชื้อซึ่งเกิดขึ้นตลอดเวลา เราต้องยอมรับว่าเรากำลังสู้กับสิ่งที่เรามองไม่เห็น หลายๆ งานวิจัยไม่ครอบคลุมว่าสิ่งที่เรากำลังเจออยู่นั้นมันคืออะไร เพราะฉะนั้นมันไม่มีอะไรที่จะบอกได้ตายตัว

อย่างเมื่อวานนี้ (17มี.ค.)ได้มีการเข้าร่วมฟังการประชุมกับทางกรมการแพทย์ ก็ได้พูดถึงกรณีของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงว่าทำไมที่ฮ่องกงดูน่ากลัวจัง คือเราต้องดูด้วยว่าปริมาณของคนที่ฉีดวัคซีนเท่าไหร่ต่อประชากรของประเทศ คุณภาพของวัคซีนที่ฉีดเป็นยังไง อังกฤษ ยุโรป กำลังจะไม่ให้ใส่หน้ากากแล้ว แต่อะไรก็ตามที่มันใช้ได้ในประเทศนั้นๆ อาจจะใช้ไม่ได้ในประเทศเรา เพราะฉะนั้นหากว่าถ้ามันไม่รุนแรงเป็นโรคประจำถิ่น มันก็ดี เราทุกคนจะได้มูฟออน แต่ถ้าในระหว่างนี้ก่อนจะไปถึงวันนั้นเราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนมันก็ต้องทำงานร่วมกันแล้วอิมโพรไวส์ไปด้วยกัน เพราะว่าเราไม่มีทางรู้เลยว่าสถานการณ์เป็นยังไง ลองดูดีๆ สถิติวันนี้เราจะพบว่าผู้ป่วยที่ทำ Home Isolation อยู่ที่บ้านเริ่มมีแดงมากกว่าวันก่อนๆ ที่ผ่านมา เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานไหนมันก็ต้องดูสถานการณ์จริง ดูตัวเลขจริง แล้วช่วยกันแก้ปัญหาไปด้วยกัน”

คิดว่าพร้อมหรือยังกับการเตรียมประกาศเป็นโรคประจำถิ่น ใกล้ถึงเทศกาลสงกรานต์ โอกาสมีคนติดเชื้อมากขึ้น? “เป็นห่วงมากค่ะ ครั้งที่แล้วเราพูดว่าที่ศูนย์เราคนเยอะมากแต่ตอนนั้นที่ศูนย์มีแต่เด็ก แต่ ณ วันนี้ศูนย์พักคอยเรามีแต่ผู้สูงอายุซึ่งวันนี้มันเป็นเทรนด์ให้เราเห็นแล้วว่าผู้สูงอายุเริ่มติดเยอะ เพราะผู้ป่วยติดเตียงจะออกไปฉีดวัคซีนมันก็ยาก เพราะฉะนั้นสงกรานต์นี้กังวลมากค่ะ ไม่ต้องถึงสงกรานต์เอาแค่อาทิตย์นี้ก็กังวลแล้วค่ะ”

เตรียมรับมือการทำงานหนักมากขึ้น? “ต้องยอมรับว่าช่วงที่เราเปิดเพจเราต้องรอดขึ้นมา วันที่ 25 เม.ย. 64 ตอนนั้นเรามีอาสาสมัครเป็นหลายพันคน แต่ ณ วันนี้เราเหลือกันหลักสิบ สถานการณ์มันดูน่าเป็นห่วง ไม่น่าไว้วางใจ ถ้าเราเหมือนเป็นเฮดของคนที่จะช่วยเหลือคน เหมือนเป็นการกดปุ่มว่าทุกคนที่เคยมาทำงานด้วยกันถ้าว่างกลับมานะ เพราะว่าเราต้องเตรียมตัวแล้วล่ะ ถ้าเตรียมตัวแล้วสถานการณ์มันไม่ได้แย่อย่างที่คิดก็ไม่เป็นไร แต่ถ้ามันเกิดมีอะไรขึ้นมา เราทุกคนก็ต้องเตรียมตัวรวมตัวให้เร็วที่สุดเพื่อจะได้ช่วยคนให้ได้มากที่สุดค่ะ

ในฐานะที่ทำงานช่วยเหลือคนติดเชื้อ ซึ่งมีหลายคนคิดว่าตอนนี้ยังไงก็ติดอยู่ดี ติดแล้วไม่เป็นไร อยากแนะนำยังไง? “ทุกคนชอบคิดว่าติดๆ ไปเถอะ แต่เราต้องคิดด้วยว่ามันจะส่งผลกับร่างกายของเราในระยะยาวยังไงบ้าง หรือที่เรียกว่า Long COVID อาการลองโควิดมันก็ไม่ธรรมดานะคะ บางคนหายใจไม่เต็มปอด บางคนเหนื่อยง่าย บางคนมีผื่นขึ้นตามตัว ทุกอย่างที่พูดถึงตรงนี้มันยังไม่มีงานวิจัยอะไรที่ครอบคลุมเลย เพราะฉะนั้นไม่ติดดีที่สุด มันไม่ใช่แฟชั่นที่ทุกคนจะมาติดโควิดกันเถอะ ดูแลตัวเอง ที่สำคัญที่สุดติดแล้วก็ติดอีก เราเจอเยอะมาก 1 ปีติดไปแล้วสามรอบ ก็พูดแล้วพูดอีกค่ะว่าอย่าชิลเพราะว่าเรากำลังสู้กับสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่รู้ว่ามันคืออะไร

เครียดกังวลไหมที่ตอนนี้อาสาสมัครเหลือแค่หลักสิบคน? “เครียดหรือกังวลไหม ก็แค่ไม่ได้นอนมากขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นเอง ทุกคนก็ทำเต็มที่ค่ะ ถ้าเราทุกคนหลักสิบเราเต็มที่ที่สุดแล้วเราก็ต้องได้แค่นั้น ถามว่าเครียดไหม ก็เอาเท่าที่เราไหวค่ะ เราก็เข้าใจว่าทุกคนก็ต้องทำมาหากินเนอะ คือช่วงก่อนหน้านี้ที่เรามีอาสาสมัครเยอะเพราะช่วงนั้นมันเป็นช่วงล็อกดาวน์ ทุกคนว่างสามารถมาช่วยได้ แต่ว่าตอนนี้ทุกคนต้องทำมาหากินดูแลครอบครัว อีกส่วนหนึ่งช่วงเวลาที่ผ่านมาเรามีทีมอาสาสมัครส่งยา เราเข้าใจว่าผู้ป่วยทุกคนมีความเครียดแล้วบางทีพอโดนผู้ป่วยด่าเยอะๆ เขาก็ทนไม่ไหว บางทีผู้ป่วยเขาอาจจะติดต่อหลายที่แล้วไม่มีใครโทรหาเขา แล้วเราดันเป็นคนที่รับเรื่องแล้วโทรหาเขา พออาสาสมัครเราโดนว่าเยอะๆ ถมๆ กันมาเป็นปี บางคนเขาก็ไม่ไหวเหมือนกัน เข้าใจคนที่โดนด่าๆ อาสาเราไม่ไหว เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเขา เพราะว่าทุกคนก็ต้องเอาตัวเองให้รอดก่อน ไม่อย่างนั้นมันจะ toxic มากกับการที่เราอยู่ตรงนี้แล้วต้องรับการโดนด่าทุกวัน

โดนดราม่าจากคนที่คิดว่าไม่ได้รับการช่วยเหลือทันตามที่เขาต้องการ? “ใช่ค่ะ สิ่งที่เราเจอบ่อยที่สุดก็คือ ติดต่อไปตั้งนานแล้วทำไมเพิ่งโทรมา ซึ่งเราก็ได้แต่รับฟังค่ะ ก็ช่วยได้เท่าที่เราช่วย เราก็จะบอกทุกคนเสมอว่าเอาเท่าที่ไหวเพราะว่าเราก็ทำกันมาเยอะแล้ว ถ้าไม่ไหวอยากออกจากตรงนี้เราจะเคารพการตัดสินใจของทุกคนแล้วเราก็ลุยกันต่อไปค่ะ ถามว่าน้อยใจไหม ไม่น้อยใจค่ะ เข้าใจ คือถ้าเราเป็นเขา เราก็คงจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่พอเขาพูดไปเขาก็จะวางหูใส่เรา แล้วสักพักเขาจะโทรกลับมาหาเราเองขอโทษด้วยนะพอดีเครียด รบกวนช่วยหน่อยได้ไหม นอกเหนือจะช่วยเรื่องโควิดแล้วเราก็ช่วยฟังการระบายของผู้ป่วยที่มีความเครียดสะสมด้วย

ทำงานหนักเครียดไหม ได้นอนบ้างหรือเปล่า? “น่าจะไม่ได้นอนมานานแล้วค่ะ ส่วนมากมันจะไม่ได้ตั้งใจนอนจะฟุบหลับไปเองในทุกคืน แต่ทุกครั้งที่ฟุบหลับพอตื่นมามันจะมีอาสาคนอื่นๆ ที่เขายังตื่นอยู่ แล้วเราจะรู้สึกผิดว่าทำไมเขายังตื่นอยู่ ก็จะแข่งกัน เธอตอบ ฉันจะตอบบ้าง จะแย่งกันตอบจะได้ช่วยคนได้เยอะๆ

ได้เช็กสุขภาพตัวเองบ้างไหม? “สุขภาพจิตหรือสุขภาพร่างกาย คำถามคือยังไหวไหมใช่ไหม ก็มีหลายวันที่เกือบจะไม่ไหวเหมือนกัน ต้องยอมรับเพราะมันก็เครียดเนอะ แต่โชคดีที่มันเป็นการทำเพื่อช่วยเหลือคนจริงๆ เวลาเราขาดอะไรเราก็ตั้งจิตอธิษฐานแล้วเราก็ได้ทุกอย่างมา ก่อนหน้านี้เราก็เครียดเพราะเวลาตอบอินบ็อกซ์ เราบอกเขาว่าผู้ป่วยต้องไปต่อแถวแล้วรับยาเจอจ่ายจบนะ แล้วสิ่งที่ได้รับกลับมาคือไปมาแล้ว เล่าสถานการณ์ให้ฟัง มีคุณยายคนหนึ่งติดโควิด เป็นข้าราชการต้องไปต่อแถวรับยาตามรพ.ตามสิทธิ์ ปรากฏว่าเขาไปเองไม่ไหวเลยส่งคุณตาไปต่อแถว ซึ่งคุณตาเขาแยกตัวไปแล้วไม่ติด แต่จากการที่เขาไปต่อแถวรับยาทำให้เขาติด มันก็ปมในใจเรานะว่าหรือเราส่งเขาไปติดโควิดหรือเปล่า ปมนี้เลยทำให้รู้สึกว่า เราจะกลับมารับบริจาคยาอีกครั้งหนึ่ง คนไม่พอหรอกแต่เราจะพยายามช่วยส่งยาให้ได้มากที่สุด จะไปรับยาที่สถาบันวิจัยจุฬา ภรณ์ ไปรับยาฟาวิพิราเวียร์ มาทั้งหมด 50,000 เม็ด จะช่วยผู้ป่วยได้ 1,000 ราย เมื่อวานนี้(17มี.ค)ก็มีคนบริจาคยาเข้ามาเดี๋ยวจะไปแพ็กยาแล้วทำให้ที่สุดเท่าที่เราทำได้

ภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือไหม? “ทุกวันนี้เราทำงานร่วมกับภาครัฐอยู่นะคะ คือทุกคนก็จะถามว่าทำคนเดียวเหรอ ไม่ใช่ เพราะว่าเราทำคนเดียวไม่ได้อยู่แล้ว ศูนย์พักคอยที่เราดูแลอยู่ตอนนี้ เราทำงานร่วมกับโรงพยาบาลสิรินธร โรงพยาบาลตากสิน โรงพยาบาลนพรัตน์ ซึ่งทุกศูนย์ของเราได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร มีการพูดคุยกับท่านรองอธิบดีของสปสช. เราก็จะอัพเดตกันอยู่เสมอ ก็จะพยายามทำทุกอย่างให้เข้าระบบที่สุดแล้วพยายามจะควักเงินของตัวเองให้น้อยที่สุดเพราะต้องยอมรับว่าควักจนไม่มีอะไรให้ควักแล้ว เราก็พยายามแมตซ์กับหน่วยงานตามสิทธิ์ของทุกคน เพราะฉะนั้นเราทำงานร่วมกับภาครัฐ เราไม่ได้ถูกทอดทิ้ง เพียงแต่ว่าบางครั้งการที่จะต้องให้ประสานตามสิทธิ์มันอาจจะช้าและไม่ทันใจผู้ป่วย ไม่ทันใจเราในฐานะของจิตอาสา เพราะฉะนั้นถ้ามันมียาแล้วมีคนมาช่วยเราส่ง ลุยเลย จะได้ไม่ต้องรอ ไม่ต้องไปต่อแถวกัน ตอนนี้รับบริจาคยาอยู่นะคะ

“เมื่อระลอกก่อนเราจะมีการแบ่งอาสาสมัครของเราไปตามเขตแต่ละเขต เราใช้วิธีการเหมือนเป็นขนส่งจะแบ่งไปแต่ละเขตแล้วพอมีเคสปุ๊บ ก็ให้เขากดส่งจากเขตนั้นๆ เดี๋ยวเราน่าจะมีชุดยารวมกันทั้งหมด 2,000-3,000 ชุดในการที่จะกระจายไปให้ผู้ป่วย แต่ต้องย้ำว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะต้องใช้ยาต้านฟาวิพิราเวียร์ เพราะตอนนี้ประชาชนทุกคนเข้าใจว่าถ้าฉันเป็นโควิดฉันต้องกินยาฟาวิเท่านั้น ซึ่งไม่ใช่แต่ต้องเป็นไปตามวินิจฉัยของแพทย์ ตอนนี้ฟ้าทะลายโจรก็สามารถช่วยรักษาให้หายได้แล้ว หนึ่งคือให้ประชาชนเข้าใจในจุดนี้ก่อน สองคือถ้าใครอยากมาเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือไม่ว่าด้านใดก็ตาม ก็สามารถยื่นความจำนงมาได้ที่ไลน์แอดของเรา รวมไปถึงตอนนี้ เราต้องรอด ต้องการอะไรบ้าง เรายังคงไม่รับเงินสดเหมือนเดิม แต่ช่วงนี้ต้องการเป็นยาต่างๆ ถ้าใครสนใจก็ร่วมกันบริจาคเข้ามา หรือใครที่มีข้อคิดเห็นแนะนำอยากช่วยอะไรก็แจ้งมาได้ ถามว่าเรามีนโยบายอะไรไหม ยังคิดไม่ออกค่ะพูดตรงๆ เพราะมันเจออะไรเข้ามาทุกวันเดี๋ยวจะมาอัพเดตเรื่อยๆ ค่ะ

โควิดยังคงรุนแรงนะคะ ไม่ว่าจะฉีดวัคซีนกี่เข็มก็ตาม โควิดยังคงทำให้คุณเสียชีวิตได้นะคะไม่ว่าคุณจะฉีดวัคซีนกี่เข็มก็ตาม เพราะฉะนั้นถ้าติดขอให้คุณรับผิดชอบต่อสังคม เพราะเราไม่รู้ว่าการที่เราปกปิดว่าตัวเองติดโควิดแล้วเปิดหน้ากากกินข้าวมันจะส่งผลต่อชีวิตคนอื่นยังไงบ้าง ก็ขอฝากเอาไว้แล้วกัน โควิดมันไม่ใช่วาระที่ใครคนใดคนหนึ่งจะช่วยให้มันจบได้ จะให้มันจบมันต้องได้รับความร่วมมือจากทุกคน ทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน รวมไปถึงประชาชนทุกคนที่จะต้องรับผิดชอบตัวเองด้วย ต้องเป็นกำลังใจให้กันสู้ไปด้วยกันค่ะ #เราต้องรอด ค่ะ