Movie Review The Shadow Strays นักฆ่าเงาล่าทรชน (2024) ยำรวมหนังแอ็กชันทั่วหล้ามาใส่ความเป็นงานแอ็กชันแบบอินโดนีเซียที่เคยทำได้ดีมีความดุเดือดเลือดสาดมันส์สะใจให้หักล้างความเบาบาง ถ้าเอ่ยถึงหนังอินโดนีเซียท่านผู้อ่านที่เป็นคนชอบดูหนังโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าชอบดูหนังแอ็กชันไม่มีทางไม่เคยดูหนังแอ็กชันอินโดนีเซียที่กลายมาเป็นตำนานอย่าง The Raid: Redemption (ฉะ! ทะลุตึกนรก (2014)) ที่สร้างชื่อระบือไกลจนนักแสดง Iko Uwais และ Joe Taslim กลายมาเป็นแอ็กชันสตาร์ระดับอินเตอร์ แต่หนังแอ็กชันในแบบอินโดนีเซียก็มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในฉากต่อสู้ระยะประชิดที่อาจดูคล้ายเคยเห็นที่ไหนมาแต่ก็ระบุไม่ได้แต่อุดมไปด้วยความมันส์สะใจดุเดือดเลือดสาด ทำให้เมื่อมีหนังแอ็กชันจากอินโดนีเซียออกมาก็คาดเดาได้เลยว่าจะมาขายอะไรแล้ววันนี้ก็มีหนังใหม่ที่ตีตรา NETFLIX Original เสียด้วยแม้จะมาแนวเดิมกับแนวผู้หญิงทวงแค้น กับผลงานของผู้กำกับชั้นแนวหน้าบ้านเขา Timo Tjahjanto เจ้าของผลงานที่คนดูบ้านเราคุ้นเคยอย่าง Headshot (2016),The Night Comes for Us (ค่ำคืนแห่งการไล่ล่า (2018)) หรือที่เพิ่งผ่านไปไม่นานอย่าง The Big 4 (2022) แล้วก็ต้องมาพิสูจน์กันว่างานใหม่ของเขาเรื่องนี้จะมีดีแค่ไหน ในโลกที่โหดร้ายและไร้ความปราณีมีกลุ่มนักฆ่าเร้นกายอยู่โดยไม่ยึดติดกับศีลธรรมใดๆฆ่าทุกคนได้ในค่าตอบแทนที่เหมาะสมพวกเขาเป็นที่รู้จักกันในโลกไต้ดินว่ากลุ่มนักฆ่าเงา และหลังจากเด็ดหัวหัวหน้าแก๊งยากูซ่าเรียบร้อยแล้วก็ถูกกินโต๊ะโดยสมุนยากูซ่ามากมายนักฆ่าเงานามว่า 13 (Aurora Ribero) ก็พลาดเพราะเสียสมาธิทำให้ Umbra (Hana Malasan) นักฆ่าเงาอีกคนที่เป็นทั้งคู่หูและครูของเธอมาเก็บงาน หลังจากนั้น 13 ถูกสั่งให้กลับไปใช้ชีวิตเงียบๆที่จาการ์ตาแต่เธอดันไปพบเห็นเด็กคนหนึ่งชื่อ Monji (Ali Fikry) ที่แม่ต้องตายเพราะถูกแก๊งค้ายาซ้อม แต่เมื่อเธอและเด็กน้อยได้พูดคุยกันได้ปรับทุกข์กันความผูกพันระยะสั้นก็เกิดแล้วเมื่อ Monji หายไป 13 จึงออกตามหา และที่ที่เธอจะตามหาเจอคือฐานที่มั่นของพวกแก๊งค้ายาที่มีเบื้องหลังที่โสมมแน่นอนว่าเธอต้องฝ่าดงมือดงเท้าห่ากระสุนโดยใช้ทักษะนักฆ่าเงาของเธอเพื่อตามหา Monji ทว่าชะตากรรมสุดท้ายที่เธออาจต้องเจอเมื่อเธอทำผิดกฎองค์กรคู่ต่อสู้คนสุดท้ายอาจเป็น Umbra ครูของเธอเอง เหมือนหยิบเอาหนังแอ็กชันทั่วหล้ามารวมกันในแนวทางเคยๆโดยพยายามซับซ้อนทางเหตุการณ์แต่กลายเป็นเล่าอะไรที่ไม่ควรเล่า ฉากเปิดที่ตะลุมบอนกับสมุนยากูซ่าใส่สูทดำเป็นพรวนคงมีคนดูไม่น้อยคิดถึงฉากต่อสู้ในตำนานของ Kill Bill (2003) ถัดมาเมื่อการมองผ่านรูที่ประตูเห็นเด็กน้อยกำลังเผชิญอะไรบางอย่างก็คงไม่ไม่น้อยที่คิดถึงหนัง Léon (1994) แน่นอนหนังแนวผู้หญิงแกร่งไล่ฆ่าสางแค้นพวกผู้ชายแนวผู้หญิงทวงแค้นก็มีมาให้ดูกันไม่รู้ปีละกี่เรื่องยังไม่รวมมิติของเรื่องกับนักฆ่าผู้มีมโนธรรม แล้ววางพื้นหลังเป็นการพัวพันกับพวกชั่วที่ต้องตามไล่สะสางไปทีละคนโดยพยายามซับซ้อนทางเหตุการณ์ใส่ตัวละครที่ไม่จำเป็นเข้ามา แต่เมื่อพยายามซับซ้อนในเรื่องที่มีเพียงนิดเดียวคือผู้หญิงคนหนึ่งเดินหน้าเพื่อตามหาเด็กชายโดยใช้ทักษะมือสังหารที่มีแล้วถล่มให้สิ้นซากเดนทรชนจึงยืดไป หนังสามารถเล่าไม่เกินสองชั่วโมงก็ยังได้ถ้าไม่ไปเล่าเรื่องที่ไม่จำเป็นมากมายหลายนาทีที่ตัดทิ้งไปก็ไม่เสียเรื่องแถมยังจะเดินหน้าเข้าสู่ความมันส์ได้อย่างไม่ยั้งอีกตางหาก แม้จะดูแล้วนึกถึงนู่นนี่นั่นแต่ยังมีความเป็นแอ็กชันแบบอินโดนีเซียที่ดุเดือดเลือดสาดมันส์สะใจมาชดเชยตัวเรื่องที่เบาบาง สิ่งที่ดีที่สุดของเรื่องนี้คือความชัดเจนและรู้ตัวเองดีว่ามาเพื่อขายอะไรและตั้งธงไปทางนั้น นั่นคือนี่คือหนังแอ็กชันอินโดนีเซียที่ไม่ว่ายังไงก็ยังได้กลิ่น The Raid แถมยังเน้นความรุนแรงเลือดสาดแขนขาคอขาดกระจาย แต่มันคือส่วนเสริมชั้นดีให้ฉากต่อสู้ดูดุเดือดตื่นเต้นเร้าใจได้อย่างที่ต้องการเพราะก็ชัดเจนว่าหนังต้องการมาเพื่อสิ่งนี้คือความสนุกตื่นเต้นเร้าใจตื่นตาแต่อาจไม่ตื่นใจเท่านั้นเพราะอย่างที่บอกคือดูไปก็ยังคิดถึงนู่นนี่นั่นอยู่ตลอด แล้วความดุเดือดมันส์สะใจแบบนี้นี่เองที่มาชดเชยตัวเรื่องที่เบาบางหาแรงจูงใจไม่เจอหรือมีอะไรให้เอะใจมากมายเช่นเมื่อตอนเปิดเรื่องนี่มันนักฆ่าขั้นเทพสู้กับสมุนยากูซ่าเป็นโขยงได้สบายมือ แต่พอต้องมาตะลุยสมุนแก๊งค้ายากลายมาเป็นว่าทำไมไม่เทพเหมือนต้นเรื่องคือสะบักสะบอมซะขนาดนั้น แต่หนังแอ็กชันแบบนี้จะเอาอะไรมากมายแม้เรื่องจะเบาบางเล่านานเกินไปแต่ความมันส์สะใจยังทำงานอย่างได้ผล ฉากแอ็กชันดูดีดูสนุกเพราะนักแสดงเล่นได้แต่ก็ตกม้าตายกับซีนอารมณ์เหมือนเดิมแถมยังขาดในสิ่งสำคัญที่ต้องมี สารภาพว่าผู้เขียนไม่รู้จักสักคนในส่วนของนักแสดงนำเลยเดาเอาว่าตัวนางเอก 13 ที่รับบทโดย Aurora Ribero คือการถูกผลักดันให้เป็นแอ็กชันสตาร์ฝ่ายหญิง เพราะเหมือนคิวบู๊จะถูกออกแบบมาให้เหมาะกับรูปร่างของเธอทำให้ในฉากแอ็กชันดูดีทำให้ออกมาสนุกอย่างที่ต้องการ แต่เมื่อเวลาต้องแสดงอารมณ์คือตกม้าตายเหมือนกับแอ็กชันสตาร์ทั่วไปเอาง่ายๆคือคนดูสงสัยและไม่เชื่อว่านักฆ่าอย่างเธอจะมีแรงจูงใจที่สูงส่งมากพอที่จะแหกกฎองค์กรไปช่วยเด็กที่เพิ่งรู้จักกัน ก็ใช่ที่บทหนังให้เวลาตรงนี้ไม่มากพอก็มีส่วนแต่ถ้าเป็นนักแสดงที่เขี้ยวลากดินกว่านี้อาจทำให้พอสะกิดใจได้บ้าง อีกอย่างคือเรื่องนี้เธอเหมือนไม่มีเสน่ห์ทั้งที่ดูรูปตัวจริงออกจะดูดีแต่พอมาอยู่ในหนังพลังดาราดันไม่มีแรงดึงดูดสายตาก็ไม่ได้ ทั้งยังต้องรวม Hana Malasan ในบท Umbra ที่สอบตกเชิงอารมณ์จนตอนท้ายไม่ได้ใจอย่างที่ต้องการส่วนพวกผู้ชายก็ตามนั้นคือมาเพื่อลา ด้วยเนื้อหาที่พยายามมีชั้นเชิงที่ยังไม่เข้าขั้นแต่ก็ถูกหักล้างด้วยฉากแอ็กชันมันส์ๆแม้ว่าจะเหมือนเยอะไปหน่อยจนเหนื่อย ถ้าว่ากันที่เนื้อเรื่องคือเห็นว่าพยายามมีชั้นเชิงในเรื่องที่ควรจะเล่าง่ายๆเพราะเอาจริงถ้าตกผลึกออกมาคือแทบไม่มีอะไรเลย แต่หนังดันพยายามซับซ้อนซ้อนเรื่องของการค้ายาเรื่องของความเกี่ยวพันกับนักการเมืองที่คิดว่าน่าจะมีอะไรตรงนี้มาบีบให้มากกว่านี้แต่ก็ไม่ กลายเป็นว่าบางอย่างตัดไปก็ไม่เสียหายแล้วไปให้เวลากับเบื้องหลังระหว่าง 13 กับ Umbra ที่บทหนังพยายามจับใจในตอนท้ายจะดีเสียกว่า และแน่นอนหนังเป็นความสนุกเป็นหนังที่ดูเพื่อความบันเทิงได้สุดติ่งเพราะมันส์สะใจสมใจพระเดชพระคุณจนกระทั่งความเบาหวิวเหมือนนุ่นที่ปลิวลมของเนื้อเรื่องทำอะไรไม่ได้ แต่บางครั้งหนังบางเรื่องก็จะเป็นแบบนี้คือพยายามเล่าให้มากมีของดีที่อยากขายก็เลยโชว์ให้มากเข้าไว้ทำให้แม้จะเป็นความมันส์แต่เมื่อมันมากไปกับเวลาฉายสองชั่วโมงเกือบครึ่งบางครั้งก็เหมือนล้าที่จะดูเหมือนกันแต่ถึงยังไงก็ยังเป็นงานที่ดูได้ไม่เสียดายเวลาแน่นอน ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 จาก Instagram timobros จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !