รีเซต

"The Flash" ครองแชมป์หนังซูเปอร์ฮีโรที่ล้มเหลวมากที่สุดในประวัติศาสตร์

"The Flash" ครองแชมป์หนังซูเปอร์ฮีโรที่ล้มเหลวมากที่สุดในประวัติศาสตร์
แบไต๋
23 สิงหาคม 2566 ( 11:00 )
196

ฮอลลีวูดสร้างภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรมาแล้วกว่า 100 เรื่อง แต่มาได้รับความนิยมอย่างมากในยุคที่มาร์เวลโดดเข้ามาสร้างจักรวาลภาพยนตร์ของตัวเองตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา เมื่อหนังซูเปอร์ฮีโรมีแนวโน้มประสบความสำเร็จมากขึ้น ทั้งดีซีและมาร์เวลต่างก็มั่นใจที่จะลงทุนสร้างกับภาพยนตร์แต่ละเรื่องสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมี ‘Avengers: Age of Ultron’ ปี 2015 ครองตำแหน่งภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรที่ใช้ทุนสร้างสูงที่สุดที่ 459 ล้านเหรียญ แต่ก็ทำกำไรกลับไปอย่างน่าพอใจ ด้วยตัวเลข 1,403 ล้านเหรียญ แต่ในทางตรงข้าม ถ้าสตูดิโอมั่นใจแล้วเททุนสร้างสูงลงไป แต่ผลกลับมาตรงกันข้าม นั่นก็จะทำให้สตูดิโอเจ็บตัวหนัก อย่างเช่นตัวอย่างที่เกิดกับ ‘The Flash’

ตามข้อมูลจาก Hyperbeast นั้น ‘The Flash’ ส่อแววหายนะเด่นชัดมาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 2 ที่เข้าฉาย เพราะรายได้ของหนังลดฮวบอย่างน่าตกใจถึง 72.5% ซึ่งรายได้สัปดาห์แรกก็นับว่าต่ำอยู่แล้วด้วย และวันนี้หนังก็ถูกถอดจากโรงฉายทั่วโลกไปแล้วเรียบร้อย พร้อมกับตัวเลขรายรับทั่วโลกที่ 268 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างที่ 220 ล้านเหรียญ แล้ววอร์เนอร์ยังใช้ทุนในการโปรโมตไปอีก 150 ล้านเหรียญ หักลบแล้ว The Flash ทำให้วอร์เนอร์ขาดทุนไปประมาณ 200 ล้านเหรียญ นับเป็นความล้มเหลวทางการเงินครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรอย่างเป็นทางการ

Shazam! Fury of the Gods อีกเรื่องที่เจ๊งไปก่อนหน้า

และเป็นความหายนะซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ของวอร์เนอร์ในเวลาไล่เลี่ยกัน เพราะ ‘Shazam! Fury of the Gods’ที่เพิ่งออกฉายไปเมื่อมีนาคมนั้น ก็ทำรายได้กระจุ๋มกระจิ๋มมากที่ 133 ล้านเหรียญ เรื่องนี้ทำวอร์เนอร์ขาดทุนไปอีก 150 ล้านเหรียญ

เมื่อผลลัพธ์ออกมาเช่นนี้ ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายว่า เหตุใดหนอ ? ‘The Flash’ ถึงได้ล้มเหลวทางรายได้รุนแรงถึงเพียงนี้ ทั้งที่หนังมีองค์ประกอบของหนังฮิตเพียบพร้อมมากมาย มีแบทแมนปรากฎตัวในเรื่องถึงสองคน ทั้ง เบน แอฟเฟล็ก และ ไมเคิล คีตัน แถมยังมี กัล กาด็อต มารับเชิญในบท Wonder Woman อีกด้วย หลายคนที่ได้ชมก็ชื่นชมว่าหนังมีความแปลกแต่ก็สนุก แต่ถึงอย่างนั้นรายได้จากผู้คนซื้อตั๋วก็ไม่เพียงพอที่จะทำให้หนังได้กำไร

เออร์ซม มิลเลอร์ ขณะถูกจับกุมข้อหาบุกรุกบ้านพักอาศัย

สาเหตุใหญ่สุดของความล้มเหลวครั้งนี้ หลายคนชี้นิ้วไปที่ เอซรา มิลเลอร์ (Ezra Miller) นักแสดงนำของเรื่องในบท เดอะ แฟลช หรือ แบร์รี่ อัลเลน ที่สร้างข่าวฉาวโฉ่หลายครั้งหลายหนในปีที่ผ่านมาก่อนที่หนังจะเข้าฉาย ซึ่งพอจะสรุปเหตุการณ์เด่น ๆ มาได้ดังนี้

  • เมษายน 2022 ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในฮาวาย มิลเลอร์ขว้างเก้าอี้เข้าใส่ที่หน้าผากหญิงวัย 26 ปี
  • มิถุนายน 2022 เชส ไอรอน อายส์ และ ซารา จัมพิง อีเกิล สามี-ภรรยานักเคลื่อนไหวชาวอเมริกันพื้นเมือง ขอคำสั่งศาลห้ามไม่ให้มิลเลอร์เข้าใกล้ โทกาทา ไอรอน อายส์ ลูกสาววัย 18 ปีของเขา ผู้เป็นแม่ยังอ้างด้วยว่า มิลเลอร์ล่วงละเมิดลูกสาวของเธอมาตั้งแต่อายุ 12 ปี
  • สิงหาคม 2022 มีรายงานว่า มิลเลอร์งัดแงะและบุกรุกเข้าไปในบ้านหลังหนึ่ง ขณะที่เจ้าของไม่อยู่บ้าน เพื่อขโมยขวดเหล้า เขาโดนจับกุมในข้อหาลักทรัพย์
  • 13 มกราคม 2023 มิลเลอร์รับสารภาพในข้อบุกรุก ศาลมีคำสั่งปรับ 500 เหรียญ และภาคทัณฑ์เป็นระยะเวลา 1 ปี ห้ามดื่มเหล้า และโดนสุ่มตรวจหาแอลกอฮอล์

ตั้งแต่มีข่าวเหล่านี้ออกมา แฟน ๆ หนังหลายคนก็แสดงอาการไม่พอใจพฤติกรรมเหลวไหลของมิลเลอร์ และประกาศว่าจะบอยคอตหนังเรื่องนี้ แน่นอนพฤติกรรมทางด้านลบของมิลเลอร์ส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์ของบุคคลที่จะสวมชุดเป็นซูเปอร์ฮีโรผู้ปกป้องชีวิตและสวัสดิภาพผู้คน

ที่หนักไปกว่านั้นก็คือ มิลเลอร์ถูกคำสั่งห้ามไม่ให้ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ ภาระก็เลยตกเป็นของผู้กำกับ แอนดี้ มุสชิเอตติ (Andy Muschietti) และ บาร์บารา มุสชิเอตติ (Barbara Muschietti) ผู้อำนวยการสร้าง และ ชาชา แคลล์ (Sasha Calle) นักแสดงหญิงผู้รับบท Supergirl

แต่ถ้าพิจารณากันถึงคุณภาพหนังล่ะก็ หนังไม่ได้แย่ ได้คะแนนมะเขือเทศสดไปที่ 64 เปอร์เซ็นต์บนเว็บ rottentomatoes เป็นภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรที่สนุก ตอบสนองแฟน ๆ ได้ทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่ แต่ก็ไม่ได้ถึงขั้นว่า ‘ห้ามพลาด’

ไม่ต้องคาดหวังว่าจะได้เห็น The Flash ใน DCU ของ เจมส์ กันน์ และ ปีเตอร์ ซาฟราน

ที่มา : unilad boxofficemojo