สวัสทุกคนนะครับ วันนี้เราจะพูดถึงภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากผู้ที่สร้างความประทับใจให้กับใครหลาย ๆ คนมาแล้ว อย่างเรื่อง Onward อนิเมชั่นผจญภัยแฟนตาซีที่จะพูดถึงเรื่องราวของโลกที่ไม่ได้ต่างจากเรามากมายเท่าไหร่นัก แค่ที่นั่นเนี่ยมียูนิคอร์น มีนางฟ้า มีอสูรร้าย แล้วก็มีเวทมนตร์ นี่เป็นเรื่องราวของครอบครัว Alpe ครอบครัวหนึ่งครับที่สูญเสียคุณพ่อไป และเมื่อเอียนอายุได้ 16 ปี คุณแม่ Alpe ก็ได้นำของขวัญที่คุณพ่อได้ฝากไว้ให้ลูกชายทั้ง 2 คนและเมื่อเปิดมันออกมา มันกลับเป็นประคฑาสำหรับนักเวทย์ บาร์เลย์ผู้เป็นพี่ชายเมื่อได้เห็นจดหมายที่แนบเอาไว้ ก็รู้ทันทีว่าพ่อของเขาได้ทิ้งเวทมนตร์เอาไว้ ซึ่งจะทำให้ครอบครัวนี้ได้มีโอกาสเจอกับคุณพ่ออีกครั้งหนึ่ง แต่จะอยู่ได้เพียงแค่ 24 ชั่วโมงเท่านั้น แต่เมื่อทำการร่ายมนต์ก็ได้เกิดเหตุการณ์ผิดพลาดขึ้น และนั่นก็ทำให้พ่อของเขานั้นเหลือเพียงแค่ครึ่งตัวเท่านั้นเอง เอียนและบาร์เลย์จึงตัดสินใจออกตามหา สิ่งที่จะทำให้พวกเขาได้พบกับพ่อของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง กับการผจญภัยที่สุดแสนจะน่าอัศจรรย์และซาบซึ้ง จนคุณอาจจะต้องเสียน้ำตา ต้องขอบอกก่อนเลยนะครับว่าความรู้สึกหลังจากดูจบเนี่ยก็คือดีครับ มากถึงมากที่สุดครับ แต่จะดียังไงบ้างเนี่ยไปฟังกันครับ มาที่เรื่องแรกเลยนะครับก็คือการเล่าเรื่อง ในปัจจุบันเนี่ยมันมีเทรนการเล่าเรื่องแบบหนึ่งอยู่ครับ ซึ่งผมยังไม่รู้ว่าเรียกว่าอะไรนะครับแต่ในตอนต้นครับ เขาจะสร้างภารกิจ สร้างความเชื่อความเชื่อหนึ่งขึ้นมาในตอนต้นเรื่องครับ และพอดำเนินเรื่องไปถึงท้ายเรื่อง ทุกอย่างเนี่ยมันจะกลับตาลปัตรไปหมดครับ ต้องขอบอกว่าเรื่องนี้เนี่ยก็ใช้วิธีการเล่าแบบนี้ครับ แล้วก็เล่าได้อย่างแนบเนียน มีการปูเรื่องภูมิหลังของทั้งครอบครัวแล้วก็โลกแฟนตาซี ค่อย ๆ เล่าครับ เรียกว่าเล่าแบบไม่รีบ แต่พอถึง Climax ของเรื่องแล้วนะครับ ทุกอย่างมาผูกกัน มันกลมกล่อมมาก ๆ เลยครับ ทั้งเนื้อเรื่องหลัก เนื้อเรื่องรองหรือแม้แต่คำพูดธรรมดาที่ทุกคนอาจจะไม่ได้ใส่ใจ มันก็มามีผลกับเนื้อเรื่องในตอนสุดท้ายเช่นเดียวกันครับ ดังนั้นอย่าลืมตั้งใจดูกันด้วยนะครับสำหรับส่วนนี้ แล้วจะรับส่วนที่ 2 ก็คือเรื่องภาพครับ ส่วนนี้คงไม่ต้องพูดอะไรกันให้มากความครับกับค่ายักษ์ระดับนี้ ความแฟนตาซีภายในเรื่องถูกออกแบบมาให้เข้ากับเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบันอยู่แล้วครับ จนเราเนี่ยจะเห็นภาพและจะคิดตามได้จริง ๆ ครับ ว่าถ้าเกิดว่าโลกแห่งความจริงมันมีเรื่องราวแบบนี้ หน้าตามันก็คงจะเป็นประมาณนี้แหละ แต่ถ้าจะให้พูดถึงสิ่งที่เรื่องนี้ไม่มีเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ นะครับ ก็น่าจะเป็นตัวละครที่มันหน้าตาน่ารักนั่นเองครับ ผมไม่ได้บอกว่าตัวละครเหล่านี้ออกแบบมาไม่ดีนะครับ ทุกรายละเอียด ทุกงานเนี่ยสวยงามจริง ๆ ครับ แต่ผมมองว่ามันขาดความน่ารักไปนั่นเองครับ หลาย ๆ ครั้งเนี่ยเราก็ตัดสินใจไปดูหนังเรื่องเดียวเพราะว่าความน่ารักของตัวละครเลยจริงไหมครับ แต่การที่เรื่องนี้ขาดสิ่งเหล่านี้ไป มันก็ไม่ได้ทำ Animation เรื่องนี้น่าดูน้อยลงเลยนะครับ แล้วก็เครดิตอีกส่วนนึงนะครับที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ Chris Pratt และ Tom Holland นั่นเองครับ ที่มาให้เสียงตัวหลักรับบทเป็นพี่น้องสุดป่วนภายในเรื่อง เราจะได้ยินเสียงที่เราคุ้นเคยผ่านตัวละครเหล่านี้ครับ และที่สำคัญพวกเขาก็ทำได้ดีมาก ๆ เข้าถึงอารมณ์ตัวละครแบบสุด ๆ ส่วนนี้แหละถ้าเกิดว่าเป็นไปได้ก็อยากให้ทุกคนเนี่ยได้ลองเปิดใจดูแบบซาวด์แทร็กกันนะครับ อันนี้สำหรับคนที่ปกติไม่ชอบดูแบบพากย์ไทย แต่ถ้าเกิดว่าก็ไม่ไหวจริง ๆ ก็ไม่เป็นไรครับ ยังไงก็อยากให้ลองไปดูหนังเรื่องนี้เหมือนเดิมครับ ไม่รู้ว่ากระแสเป็นยังไงบ้าง ตอนที่ผมนั่งดูนะครับ ทั้งโรงหนังมีอยู่แค่ 6 คนเท่านั้นเอง มันน่าเศร้าใจแทนครับ ถ้าหลาย ๆ คนจะพลาดสุดยอด Animation ตราตรึงใจแห่งปีอีกเรื่องไป อีกนิดนึงนะครับก่อนจะเข้าสู่ช่วงสรุป ผมขอบอกสั้น ๆ ว่าฉากแอ็คชั่นในตอนสุดท้ายนะครับ เท่ห์สุด ๆ ทำออกมาได้ดี ทรงพลัง มีความหมายและก็ได้เห็นถึงความพยายามของตัวละครแบบสุด ๆ อันนี้เนี่ยห้ามพลาดจริง ๆ ครับ สรุปครับ Onward เป็นอีกเรื่องที่พลาดไม่ได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นแฟนอนิเมชั่นหรือไม่ก็ตามครับ ถ้าคุณอยากดูเรื่องราว Fantasy ดี ๆ เรื่องนึงแล้วก็กลับบ้านไปพร้อมกับรอยยิ้มและกล่องหัวใจที่อิ่มเอม ที่อาจจะเปื้อนด้วยคราบน้ำตาสักนิดหน่อย เรื่องนี้เนี่ยเป็นหนังที่เหมาะกับคุณมาก ๆ ครับ และสำหรับเรื่องนี้นะครับผมตัดสินใจให้ 10 เต็ม 10 เลยครับ โดยไม่มีข้อกังขาใด ๆขอขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube