My Brilliant Life (2014) สามารถรับชมได้ทาง : https://www.viu.com/ott/th/th/vod/70922/My-Brilliant-Lifeคนที่กำลังจะเป็นพ่อแม่คนสิ่งที่เป็นกังวลที่สุดคงไม่พ้นเรื่อง สุขภาพ ร่างกาย ของลูกที่กำลังจะเกิดมา พ่อแม่ทุกคนก็คงอยากมีลูกที่เกิดมาสมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและจิตใจ แต่ถ้าเกิดลูกที่เกิดมาไม่สมบูรณ์พร้อมก็คงเป็นภาระที่หนักหนา ของทั้งพ่อและแม่ที่จะต้องดูแลเด็กที่เกิดขึ้นมา แล้วยังต้องพยายามประคับประคองชีวิตคู่อีกด้วย เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าเมื่อมีปัญหาขึ้นมาในครอบครัว ถ้าบางครั้งจิตใจที่ไม่เข้มแข็งหรือไม่รักกันมากพอ ก็อาจจะมีใครคนใดคนหนึ่งหันหลังให้กันก็เป็นไปได้อารึม (Seong-mok Cho) เด็กหนุ่ม อายุ 17 ปี ที่มีร่างกายแก่เท่ากับคนอายุ 80 ปี เพราะป่วยเป็นโรคชรา ซึ่งมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยในอัตรา 1 ต่อ 30 ล้านคนเลยทีเดียว แต่ อารึม ก็ยังโชคดีที่มีพ่อและแม่อย่าง มิรา (Hye-Kyo Song) กับ แดซู (Dong-won Gang) คู่สามีภรรยาที่แต่งงานกันตั้งแต่อายุ 17 โดยที่ยังเรียนไม่จบมัธยมด้วยซ้ำ เพราะว่า มิรา เกิดตั้งท้องขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ แดซู ทะเลาะกับพ่อแล้วต้องออกจากบ้านมาจนถึงทุกวันนี้ แม้ทั้ง มิรา กับ แดซู จะไม่ได้มีฐานะร่ำรวยอะไร มิรา เองก็เป็นสาวโรงงานและ แดซู ก็เป็นเพียงคนขับรถแท็กซี่ แต่ทั้งคู่ก็พยายามดูแล อารึม ให้ดีที่สุด เพราะต่างรู้ดีว่าทั้งสามคนมีเวลาให้อยู่ร่วมกันได้อีกไม่มากแล้วได้รับอนุญาตการใช้รูปภาพประกอบบทความจาก : VIU***เปิดเผยเนื้อหาบางส่วน***หลังดูเรื่องนี้จบก็ต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นหนังดราม่าที่ไม่ขาย “ความดราม่า” คือถึงแม้หนังจะกล่าวถึงการที่ครอบครัวหนึ่งกำลังจะเกิดความสูญเสียก็จริง แต่เมื่อเรารู้และมันก็ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เวลาที่เหลืออยู่ก็คงไม่ใช่เวลาที่จะมานั่งโศกเศร้าเสียใจอะไร แต่เวลาที่เหลือควรจะทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำ พูดในสิ่งที่ยังไม่เคยพูด ตักตวงความสุขให้มากที่สุดในช่วงเวลาที่ยังมีกันและกัน อย่าง อารึม ที่ยังไม่เคยกินเหล้าเลยสักครั้งเขาก็แอบบอกให้ ลุงจาง (Il-seob Baek) แอบเอา โซจู มาให้ลองดื่มดูสักครั้งหรือด้วยอายุ 17 ปีที่เอาจริง ๆ เป็นวัยที่ อารึม น่าจะได้เรียนรู้รสชาติของการมีความรักและการอกหักสักครั้งในชีวิต การที่ แดซู ได้กลับไปหาพ่อของตัวเองอีกครั้ง เพราะว่าในตอนนี้ตัวเองที่ได้เป็นพ่อคนแล้วกำลังจะสูญเสียลูกไป ก็เลยทำให้เข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่อมากขึ้น ฉากนี้ก็เป็นอีกฉากหนึ่งที่ชอบนะ อันที่จริง ๆ เป็นฉากธรรมดาไม่มีอะไรมาก พูดกันก็น้อยตามประสาลูกชายกับพ่อแต่หนังก็สื่อสารออกมาได้ดี คนรักกันคนในครอบครัวเดียวกันโกรธกัน เมื่อเวลาผ่านไปบางทีแค่มาเจอหน้ากันกำแพงที่มีมันก็พังทลายหมดแล้วได้รับอนุญาตการใช้รูปภาพประกอบบทความจาก : VIUเป็นหนังที่เมื่อดูจบแล้วให้แง่คิด มุมมอง พลังงานด้านบวก เพราะไม่ว่าจะผู้คนในครอบครัวหรือผู้คนในสังคม ต่างหยิบยื่นความช่วยเหลือให้แก่กัน ที่จะแอบมีความหน่วงอยู่บ้างเห็นจะเป็นประเด็นการบูลลี่ กลั่นแกล้ง เหยียดรูปลักษณ์ของ อารึม ในบางฉากเท่านั้น แต่หนังก็ปิดท้ายประเด็นนี้ด้วยอารมณ์ขัน ที่สื่อให้เห็นถึงความรักของ แดซู ผู้เป็นพ่อที่มีต่อ อารึม หนังคุมอารมณ์ของตัวละครแล้วก็ผู้ชมได้ดี สมกับที่หนังพูดถึงความสูญเสียแต่ชีวิตไม่เสียศูนย์ แม้จะรู้ว่ามีเรื่องไม่ดีอะไรรอเราอยู่ข้างหน้า แต่เราก็รู้ว่าที่ตรงนั้นมันก็ยังมีความหวังรอเราอยู่เช่นกันได้รับอนุญาตการใช้รูปภาพประกอบบทความจาก : VIUสรุปแล้ว My Brilliant Life (2014) เรื่องนี้เป็นหนังดราม่าความสูญเสียที่ไม่ฟูมฟาย แต่บอกว่ายังไงวันหนึ่งมันก็ต้องมาถึง สู้ทำอะไรที่อยากทำหรือทำอะไรให้คนที่รักกันตอนที่ยังมีเวลาอยู่ดีกว่า คำว่า "รัก" ระหว่างผู้หญิงและผู้ชายบางที่ก็ยังมีสารพัดคำจำกัดความนะ แต่ถ้าเป็นความรักของพ่อแม่แล้ว ก็คง "รัก" ไม่ว่าลูกจะเป็นยังไง ไม่ว่าจะดำจะขาวจะสูงจะเตี้ยหรือจะดีเลว ก็คงพร้อมให้โอกาสและยืนอยู่ข้าง ๆ เสมอDirector: Je-yong Leeขอบคุณเครดิตรูปภาพประกอบบทความจากภาพยนตร์ : My Brilliant Life (2014)สามารถรับชมได้ทาง : https://www.viu.com/ott/th/th/vod/70922/My-Brilliant-Lifeเขียนโดยแอดมิน เพจ ปีนรั้วดูหนัง