https://www.youtube.com/watch?v=kAF2hTaIpiM ถึงแม้ว่าตัวผู้เขียนจะเกิดไม่ทันในยุคดาราดังอย่างมิตร ชัยบัญชา แต่ก็ไม่อยากพลาดเรื่องราวดี ๆ ที่หนังได้ถ่ายทอดออกมาเกี่ยวกับวิถีชีวิต การเดินทาง และมิตรภาพของนักพากย์หนังกลางแปลงและดาราดังแห่งยุค 60s จะมีอะไรบ้างที่เราชื่นชอบ มาติดตามกันได้เลยครับบทประพันธ์ เรื่องราวของหนังเริ่มต้นขึ้นในยุค 60s ช่วงที่มิตร ชัยบัญชา กำลังโด่งดังถึงขีดสุด หนังได้เล่าการทำงานของทีมงานนักขายยา บริษัทโอสถเทพยดา ผ่านการรับจ้างพากย์หนังกลางแปลง พวกเขาสามคนเดินทางไปทั่วทุกสารทิศตามแต่คนจะว่าจ้าง มานิตย์ เป็นหัวหน้าทีมที่ต้องพากษ์ทั้งเสียงผู้ชายและเสียงผู้หญิง เนื่องจากเป็นกฎของสำนักงานใหญ่ที่ไม่ให้รับสมาชิกเป็นผู้หญิง แต่พวกเขาเห็นว่า หลายอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว ยอดขายสินค้าที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้พวกเขาต้องปรับตัวโดยการรับนักพากย์หญิงเข้ามาร่วมทีม โดยไม่รายงานให้สำนักงานใหญ่ได้รับรู้ เพื่อหวังว่าสิ่งที่พวกเขาทำจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น ทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริง หนังได้ถ่ายทอดความเป็นดาราดังของมิตร ชัยบัญชาแค่เพียงบางช่วงเท่านั้น แต่เรื่องราวของเขาถูกเล่าในหนังกลางแปลงตลอดทั้งเรื่อง ผู้เขียนชอบการใส่หนังดัง ๆ เข้ามาให้เราได้รู้จักเป็นระยะ ๆ ให้สมกับคำกล่าวที่ว่าเขาคือพระเอกตลอดกาล เป็นเหมือนการเล่าให้เราได้ผูกพันกับตัวละคร เมื่อเดินทางไปถึงจุดจบของตัวละคร ซึ่งทุกคนรู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างไร ทำให้เห็นบรรยากาศของความเสียใจที่พวกเขาต้องสูญเสียดาราในดวงใจ เล่าด้วยภาพได้ดีมาก ๆ น่าสนใจตั้งแต่เปิดเรื่อง มีเหตุการณ์ จุดขัดแย้งมากพอสมควร ถ้ามีอะไรจะเสนอแนะก็คงจะเป็นประเด็นเรื่องความรักระหว่างคนสามคนรวมถึงแฟนเก่าของเรืองแข ผู้เขียนมองว่าเรื่องราวมันเบามากไปหน่อย ถึงนักแสดงจะเล่นดีมาก ก็ยังไม่ค่อยอินกับความสัมพันธ์ของพวกเขาสักเท่าไหร่ เสน่ห์ตัวละคร https://www.instagram.com/p/CprfopASzLA/?img_index=1 มานิตย์ (รับบทโดย ศุกลวัฒน์ คณารศ) หัวหน้าทีมฉายภาพยนตร์หนังกลางแปลง ที่ต้องแบกรับความรับผิดชอบในการตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ทั้งหมด เขากำลังปวดหัวกับยอดขายสินค้าที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง เพราะคนไม่อินกับการพากย์ภาพยนตร์ในรูปแบบเก่า ๆ แล้ว พวกเขาจึงต้องเสี่ยงหาผู้หญิงเข้าร่วมทีม เราชอบหัวหน้ามานิตย์ในฐานะผู้นำทีม มีความฝันและความรักในอาชีพจริง ๆ พร้อมทุ่มเททุกอย่างเพื่ออาชีพนักพากย์ภาพยนตร์ การตคิด กล้าตัดสินใจ แต่เราไม่ชอบการเดินเกมเรื่องความรัก เก๋ามันเด็กยังพอเข้าใจ แต่มานิตย์เป็นผู้ใหญ่แล้ว ไม่ควรไปเล่นตามเด็ก ๆ สุดท้ายก็ต้องรับผลที่ตามมาhttps://www.instagram.com/p/CzWKBHeyRQc/?img_index=1 เรืองแข (รับบทโดย หนึ่งธิดา โสภณ) เธอเป็นผู้หญิงที่สวย มีความฝันอยากทำงานเป็นเลขาในบริษัท แต่มีความสามารถในการพากย์หนัง ได้เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ของทีม ตั้งแต่แรกเห็นก็พอจะเดาได้ว่าเธอน่าจะมีอดีตบางอย่างที่ทำให้ต้องหนีมาทำงานอย่างรีบเร่งแบบนี้ เป็นตัวละครที่น่าสนใจมาก เพราะเราไม่รู้ที่มาที่ไปที่ชัดเจน แต่เมื่อเฉลยปมก็เข้าใจว่าแฟนของเธอก็เคยเป็นนักพากย์เหมือนกัน เสียดายที่หนังไม่ขยี้ปมตรงนี้ให้นานหน่อย รู้สึกรวบรัดมากไปเลยไม่ค่อยทัชใจสักเท่าไหร่ https://www.instagram.com/p/CpC2-04pW4x/ เก๋า (รับบทโดย จิรายุ ละอองมณี) น้องเล็กของทีมพากย์หนัง ทีมีความฝันอยากเป็นนักแสดง เราได้เห็นความเป็นวัยรุ่นเลือดร้อน กล้าได้กล้าเสีย กล้ายอมรับความรู้สึกตัวเอง แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถแยกแยะยอมรับความผิดหวังตามที่เคยพูดไว้ได้ แต่ก็ยังดีที่เจ้าตัวคิดได้ก่อนที่จะสายเกินไป และลุงหมาน (รับบทโดย สามารถ พยัคฆ์อรุณ) ผู้อาวุโสที่สุดในทีม เป็นคนใจเย็น เป็นตัวกลางเวลาน้อง ๆ ทะเลาะกัน ไม่ถือตัวว่ามีอายุมากกว่า เราชอบผู้ใหญ่แบบนี้นะ ไม่ข่ม ไม่กดดันทีม พร้อมลุยไปกับน้อง ๆ ทุกสถานการณ์ และยังมีศักดิ์ ที่เป็นอดีตคนรักของเรืองแขและยังเป็นหัวหน้าทีมพากย์หนังกลางแปลงกัมปนาทที่มาน้อย แต่มานะ โปรดักชั่น https://www.youtube.com/watch?v=2BOzG7cO8Gc สิ่งแรกที่ต้องชื่นชมคือการใส่ใจในความละเอียด เราจะได้เห็นอุปกรณ์ประกอบฉากมากมายที่ไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านยุคสมัย การแทนที่ของเทคโนโลยีที่กำลังเข้ามา ยิ่งได้เห็นเบื้องหลังการสร้างภาพยนตร์ การจำลองรถเร่ของหน่วยฉายภาพยนตร์กลางแปลงบริษัทโอสถเทพยดา ทำให้ภาพในยุค 70 ชัดเจนมากยิ่งขึ้น เหมือนเราหลุดเข้าไปอยู่ในช่วงเวลานั้นเลย เห็นแล้วก็ให้ความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ ยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ตามได้ตลอดทั้งเรื่อง แสดงออกถึงความพิถีพิถันในการออกแบบ และดีไซน์ให้ภาพช่วยเล่าเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยม เรียกได้ว่าเก็บทุกรายละเอียดจริง ๆ อรรถรสในการรับชม ผู้เขียนยกให้เรื่องนี้โดดเด่นในการถ่ายทอดเรื่องราวในยุคเฟื่องฟูของภาพยนตร์ไทย โดยมีเครื่องมือกระจายกระแสนิยม คือ รถเร่ฉายภาพยนตร์ขายยา ผู้เขียนเองก็เกิดในช่วงสุดท้ายก่อนที่รถเร่ฉายหนังจะค่อย ๆ เลือนหายไปตามการกาลเวลา เพียงแต่ในยุคของผู้เขียนจะไม่มีนักพากย์แล้ว สิ่งแรกที่ชื่นชอบคือ การเดินทางของกลุ่มคนมีความฝันที่แตกต่างกัน ได้ใช้ชีวิตออกเดินทางไปพร้อมกันบนรถเร่ขายยา ทั่วทุกสารทิศ ให้ความรู้สึกเหมือนได้ผจญภัย ฝ่าฟันอุปสรรคไปพร้อมกับตัวละคร ได้กลิ่นอายของมิตรภาพพวกพ้อง ความรักในอาชีพ ความฝันที่ใฝ่ฝัน และจิตวิญญาณแห่งยุคสมัยที่อยู่เหนือกาลเวลา และสุดท้ายเราชอบฝีมือการพากย์หนังของเวียร์และหนูนามาก ๆ ไม่เคยเห็นบทบาทนี้ของพวกเขามาก่อนเลย แค่เห็นก็รู้สึกว่าอยากไปดูพวกเขาพากย์จริง ๆ สรุปแล้วมนต์รักนักพากย์ เป็นภาพยนตร์ที่สื่อสารถึงความรักที่มีต่อภาพยนตร์ได้ชัดเจนและทรงพลังอย่างมาก อาจจะไม่ใช่ภาพยนตร์ไทยที่สมบูรณ์แบบหรือดีที่สุดเท่าที่เคยสร้างมา แต่มันก็เต็มไปด้วยความจริงใจ พลังบวกในการต่อสู้เพื่อความรัก และความฝัน โลดแล่นอย่างมีสีสันได้แล้วที่ Netflix คุณพีลงคะแนนบทประพันธ์ 9/10เสน่ห์ตัวละคร 9/10โปรดักชั่น 9/10อรรถรสในการรับชม 9/10คะแนนเฉลี่ย 9/10 ขอขอบคุณเครดิตภาพปก จาก Netflix Thailandเครดิตวิดีโอที่ 1 จาก Netflix Thailandเครดิตรูปภาพที่ 1 จาก weir19เครดิตรูปภาพที่ 2 จาก noona_nuengtidaเครดิตรูปภาพที่ 3 จาก kaojirayu_9เครดิตวิดีโอที่ 2 จาก Netflix Thailand 7-11 Community ห้องลับเมาท์มอยของกินของใช้ในเซเว่น อะไรดีอะไรใหม่ ต้องรู้ ต้องคุย ต้องแชร์