Series Full ReviewRacket Boysมิตรภาพของเพื่อนแท้ หัวใจ ความรัก แรงผลักดัน เรื่องเด็กๆที่เนื้อหาไม่เด็ก สดใสดูสบายตา เนื้อหาดีต่อใจNETFLIX : 1 Season 16 Episodes (2021)ท่านผู้อ่านตัดสินใจดูซีรีส์แต่ละเรื่องด้วยเหตุผลใด... คำตอบที่ได้อาจต่างกันไปตามประสบการณ์และรสนิยม แต่สำหรับดูไปบ่นไปแล้วการเลือกดูซีรีส์ในแต่ละเรื่อง อาจมีเหตุผลส่วนอื่นมาประกอบ ที่จวบจนวันนี้แม้ว่าผู้เขียนจะได้ดูงานที่ยอดเยี่ยมจากเกาหลีมาอย่างมากพอประมาณ ก็ได้ค้นพบว่าบางครั้งการได้ประทับใจในงานซีรีส์ฟีลกู้ดที่ดูแล้วหัวใจชุ่มชื่นเปี่ยมสุขก็ช่วยเยียวยาความรู้สึกในบางช่วงเวลาได้ จนบางครั้งความรู้สึกดีที่มีต่อเรื่องราวหรือตัวละครในเรื่องอันเนื่องมาจากอารมณ์และความรู้สึกที่ได้สัมผัสร่วมกันมาตลอด ก็ได้สร้างความรู้สึกไม่อิ่มหลังจากซีรีส์จบเช่นเดียวกับเรื่องที่ผู้เขียนกำลังจะแนะนำต่อไปนี้ที่ความจริงดูจบเมื่อตอนออนแอร์สดแล้ว ตอนนั้นสถานการณ์ไวรัสมีผลกระทบต่อการถ่ายทำทำให้ถูกเลื่อนออกไปรอบหนึ่ง และมีการถูกเลื่อนตอนจบออกไปเพราะการถ่ายทอดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคของบ้านเขา จึงนับว่ากว่าตอนสุดท้ายจะมาก็ค่อนข้างทุลักทุเล แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องมาก็ยังคงมาได้อย่างน่าชื่นชม เมื่อมองจากอุปสรรคที่เรื่องนี้ได้เจอมาที่ไม่ต่างจากบทละครแล้วมามีบทสรุปที่ทรงคุณค่าก็นับว่าคือความเยี่ยม และอย่างที่เอ่ยมาข้างต้นว่าเมื่อเรื่องจบลงกลับมีความรู้สึกว่ายังไม่อิ่ม ยังอยากดูชีวิตของพวกเขาในเวลาต่อมาอีกเรื่อยๆ Racket Boysเรื่องย่อยุนแฮกัง (ทังจุนซัง) คือนักเบสบอลดาวรุ่งฝีมือเยี่ยมระดับมัธยมต้น แต่การเข้าทีมกลับมีปัญหาเมื่อพ่อของเขายุนฮยอนจง (คิมซังคยอง)ไม่มีเงินจ่ายค่าไปเข้าค่ายฝึกซ้อม และสองพ่อลูกก็เข้าตาจนเมื่อภาวะทางการเงินอยู่ในระดับคับขัน จนพ่อต้องระเห็ดไปรับงานเป็นโค้ชแบดมินตันให้กับทีมโรงเรียนแฮนัมซอที่เมืองซอลลาไต้ไกลสุดขอบประเทศ แต่เรื่องกลับไม่เป็นดังหวังเมื่อทีมแบดมินตันทีมนี้ที่ประกอบด้วยพังยุนดัม (ซนซังยอน)กัปตันทีม และสมาชิกอีกสองคนคือนาอูชาน (ชเวฮยอนอุค)และน้องเล็กอียงแท (คิมคังฮุน)เพียงสามคน ทำให้ไม่สามารถส่งทีมเข้าแข่งขันได้เท่านั้นยังไม่พอโรงเรียนนี้ไม่มีทีมเบสบอล และการมาใช้ชีวิตในชนบทของเด็กกรุงของยุนแฮกังยังต้องปรับตัว แต่เมื่อไม่มีทางเลือกพ่อที่เป็นโค้ชแบดมินตันจึงยื่นเงื่อนไขที่ยากจะปฏิเสธให้กับยุนแฮกังในการมาเติมเต็มทีมแบดมินตัน ถึงตอนนี้ทุกคนจึงทราบว่ายุนแฮกังคืออดีตนักแบดมินตันอัจฉริยะในระดับประถมแต่ก็หายไปเพราะหันไปเล่นเบสบอลที่เป็นที่นิยมกว่า แล้วด้วยปัญหาส่วนตัวของเหล่านักกีฬาในทีมจึงทำให้บ้านพักของโค้ชกลายมาเป็นที่พักนักกีฬาไปด้วย และรวมถึงสมาชิกอีกสองคนของทีมหญิงคือมือหนึ่งในระดับเยาวชนฮันเซยุน (อีแจอิน)กับสาวมือซ้ายอีฮันซล (อีจีวอน)ที่เป็นศิษย์ของโค้ชทีมหญิงผู้มีฉายาน่าเกรงขามว่า “รานอส” รายองจา (โอห์นารา)แล้วกลายเป็นว่าโค้ชราผู้น่ากลัวเป็นแม่ของยุนแฮกังกับน้องสาวยุนแฮอิน บ้านครอบครัวแบดมินตันของโค้ชราและโค้ชยุนจึงมีสมาชิกเป็นนักกีฬาหญิงอีกสองคน ด้วยจุดหมายที่ต้องเข้าแข่งขันเป็นทีมให้ได้ และยุนแฮกังก็มีแรงบันดาลใจที่จะชนะครั้งนี้เพื่อกลับไปเล่นเบสบอล แต่แล้วยุนแฮกังกลับพบว่าแม้จะมีพรสวรรค์ทางด้านกีฬาสองอย่าง แต่ในส่วนลึกเขายังคงเป็นอัจฉริยะนักแบดมินตันและรักที่จะจับแร็กเก็ตมากกว่า และมันก็มาพร้อมกับสมาชิกใหม่ที่เป็นเด็กเรียนเป็นลูก ส.ส. ผู้มีอิทธิพล และได้กักขังความชอบและความสามารถเชิงกีฬาเอาไว้ภายไต้ความตั้งใจเรียนคือจุงอินซล (คิมมินกี)ทำให้สมาชิกทีม Racket Boys ครบและจากการใช้ชีวิตด้วยกัน กินด้วยกัน นอนด้วยกัน ก็ได้หลอมทุกมิติปัญหาของแต่ละคนให้ถูกกลบฝังด้วยความเป็นหนึ่งเดียว ด้วยมิตรภาพ ด้วยความแนบแน่น ด้วยความเชื่อใจ แต่ถ้าจะมีแค่นั้นมันก็จะกลายการ์ตูนกีฬาเกินไป จึงมองเห็นอะไรในแววตาระหว่างยุนแฮกังกับฮันเซยุนที่งมองกันด้วยสายตาแบบเดียวกัน เรื่องนี้ได้มอบมิติของการเป็นนักกีฬาในมุมมองของ Winner กับมุมมองของ Looser การยอมรับในชีวิตที่ต่างจากวัยรุ่นทั่วไปในฐานะนักกีฬา การก้าวข้ามกำแพงของความพ่ายแพ้เพื่อมองเห็นผลของความมานะ ผ่านการใช้ชีวิตในชนบทที่งดงามด้วยมิตรไมตรีที่มีอยู่หลังวาจาที่ไม่รื่นหู และทุกอย่างมันลงตัวจนดูแล้วต้องยิ้มตามเรื่องแบบเดิมแต่น้ำไม่เน่าเพราะเข้าใจเล่าและฉลาดเล่นบางทีเรื่องเดิมๆที่ถูกเล่าซ้ำๆก็ไม่ได้หมายความว่าจะน่าเบื่อแต่ขึ้นอยู่กับผู้เล่าว่าจะมีชั้นเชิงหรือร้อยเรียงเล่าเรื่องยังไงให้ได้ใจผู้ชม ซึ่งเรื่องนี้ก็คือตัวอย่างนั้นเพราะหากลองนึกถึงเครดิตของผู้เขียนบทจังโบฮุนที่ฝากผลงานไว้อย่าง Prison Playbook (2017) อาจเรียกได้ว่าถอดแบบวิธีการเล่าเรื่องมาแค่เปลี่ยนบริบท แต่นั่นกลับมองเห็นความฉลาดเล่าและเข้าใจเล่นเมื่อตลอดทางในสิบหกตอนมีมิติมากมายให้ได้สัมผัส ซึงแม้เรื่องหลักจะเป็นเรื่องของแก๊งเด็กนักแบดมินตันแต่ฉากหลังคือวิถีชนบทที่มีเรื่องให้เล่ามากมาย จนทำให้ใครที่คิดว่านี่คือเรื่องกุ๊กกิ๊กใสๆของวัยรุ่นต้องคิดผิด เพราะบทสามารถร้อยเรียงเหตุการณ์ย่อยๆมากมายให้เกื้อหนุนรับส่งกันได้อย่างไร้รอยต่อ ทำให้ผู้ชมในวัยอาวุโสโอเคยังคงสนุกได้ ยิ้มได้ หัวเราะได้ เสียน้ำตาด้วยความซาบซึ้งได้ เอาใจช่วยและลุ้นไปกับพวก Underdog กลุ่มนี้ แต่ถ้าจะมองให้ลึกลงไปบทจะแยกออกเป็นสองทาง หนึ่งคือเรื่องของมิตรภาพ ความรัก ความมุมานะในเรื่องเชิงกีฬาที่แยกย่อยออกไปอีกเป็นเรื่องของการใช้ชีวิตนักกีฬาของเด็กที่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นที่ต้องแลกกับการใช้ชีวิตที่ต่างออกไป ความหมายของชัยชนะความหมายของความพ่ายแพ้ แง่มุมความเป็นมนุษย์ทั้งในมุมของนักกีฬาและโค้ชที่ต่างก็มีความเป็นมนุษย์ไม่ต่างกัน อีกหนึ่งคือคือเรื่องของน้ำใสใจจริงของวิถีชนบท วิถีชาวบ้าน สำนึกรักบ้านเกิด ที่ยังแยกแยะลงไปอีกในเรื่องของการใช้ชีวิตที่ห้อมล้อมไปด้วยน้ำใจที่อุ่นระอุเทียบกับการใช้ชีวิตที่แก่งแย่งในเมืองใหญ่ มุมของมิตรภาพความเอื้ออาทรของคนในชุมชนที่มีอะไรงดงามซ่อนอยู่หลังวาจาเราะร้าย ความรักความเข้าใจในครอบครัวที่เหินห่างเพราะสภาพสังคมซึ่งความจริงมีอีกหลากหลายมิติปลีกย่อยแต่ทุกมิติที่ถูกใส่มาเหมือนลูกตบลูกขนไก่ที่ตกลงกลางคอร์ทหัวใจ และมันงดงามในทุกบทสรุปที่มีในทุกเรื่องย่อยที่เล่า แน่นอนว่าเมื่อเล่าเรื่องของทีมกีฬาน้ำหนักต้องไปทางกีฬาเป็นฉากหน้า แต่เรื่องของวิถีชุมชนก็ยังเป็นเบื้องหลังก็ยังแข็งแรง เพราะมิตรจิตมิตรใจที่มีให้กันกลายเป็นแรงผลักดันทางอ้อมเช่นน้ำใจจากคุณยายที่ห่างเหินจากหลานก็ได้ช่วยให้เด็กในเมืองปรับตัวอยู่ได้และค่อยๆกลืนไปกับความสวยงามของชีวิตในชนบท ทั้งยังต้องเอ่ยถึงความรักที่ไม่โฉ่งฉ่างของวัยรุ่นที่ทำให้หัวใจที่เหี่ยวย่นเริ่มชราของผู้เขียนกระชุ่มกระชวย เป็นสีสันให้แอบลุ้นแอบเอาใจช่วยในความอ้ำอึ้ง ซึ่งทั้งหมดนั้นต้องนึกให้ออกด้วยว่าเรื่องนี้ได้ผ่านสถานการณ์ที่เลื่อนฉายออกไปถึงสองครั้งแต่สุดท้ายก็ยังไปสู่จุดหมายที่ตั้งไว้อย่างหมดจดงดงามจึงต้องเรียกว่า “ยอดเยี่ยม” เพียงแต่ด้วยความที่เรื่องเลื่อนฉายก็มีส่วนที่ทำให้ผู้ชมที่ดูออนแอร์สดแล้วต้องหยุดพักเป็นระยะจึงได้มองเห็นข้อบกพร่องบางประการ เพราะการไม่ได้ดูต่อเนื่องแบบรวดเดียวแต่ก็เห็นความไม่ลื่นไหลในการเขียนบทในช่วงท้าย ที่เหตุการณ์บางอย่างมองออกเลยว่าถูกจับยัดแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรมองข้ามไปได้ เพราะไม่ได้ทำให้เรื่องเสียแถมยังคิดได้ว่าดีแล้วที่กล้าใส่เข้ามาแบบนี้เพื่อรักษาความเป็นมนุษย์ และเสริมความคิดที่ว่า กีฬาไม่ใช่จะชนะเสมอไป บางทีการแพ้บ้างก็ไม่เห็นเป็นไรเพราะการชนะอยู่ร่ำไปก็คือการแบกความหวังอันนำมาซึ่งความกดดัน แต่การเล่นด้วยความสนุกและมีความสุขนั้นอาจส่งผลเลิศกว่าใช่หรือไม่...ในช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต ความสำเร็จอาจขอแค่ได้มีเพื่อนแท้เมื่อเรื่องเล่าได้มีมิติที่หลากหลายมีประเด็นแหลมคมมากมายให้สัมผัส จึงต้องยอมรับว่าการหยิบมาเขียนถึงด้วยความประทับใจเป็นเรื่องที่ตัดสินใจยาก ดังนั้นเมื่อผู้เขียนได้ไตร่ตรองอย่างถ้วนถี่ถึงแง่มุมที่ชอบที่สุดจึงต้อหยิบเอามุมนี้มาบอกเล่า เมื่อเรื่องถูกเล่าเกี่ยวกับชีวิตของนักกีฬาที่กำลังอยู่ในวัยเปลี่ยนผ่าน ความเป็นนักกีฬาที่อาจมีบ้างที่ชีวิตไม่เหมือนคนทั่วไป นักกีฬาชั้นยอดมีความแตกต่างแต่อาจต้องแลกมาด้วยความโดดเดี่ยว แต่เรื่องนี้กลับให้มุมมองที่ต่างไปเมื่อมิตรภาพและความเข้าใจของการเล่นเป็นทีมคือแรงผลักดันให้ผลการแข่งขันและสำหรับเด็กในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อความคิดยังไม่ตกผลึกเรื่องของอนาคตจึงเป็นเรื่องสำคัญ จึงมองเห็นแง่มุมที่ประทับใจในการได้เห็นโค้ชยุนหันกลับมามองแฮกังผู้เป็นลูกในมุมที่แฮกังเกิดมาในครอบครัวนักกีฬา ครอบครัวนักแบดมินตันทีมชาติที่ประสบความสำเร็จ พ่อกับแม่เป็นโค้ชจึงมองเห็นทางแยกที่ว่าแท้จริงแล้วแฮกังรักแบดมินตันจริงหรือ หรือที่เห็นว่าชอบเป็นเพราะพ่อแม่อยากให้เป็น ซ้ำยังไม่พอเด็กๆทุกคนล้วนมีพื้นฐานครอบครัวที่ต่างกันทำให้ต้องต่อสู้เพื่อการเล่นแบดมินตันเหมือนกันแต่ต่างมิติ ซึ่งมันคือมุมมองของคนเป็นพ่อแม่ที่โดยมากแล้วมักจะมีกรอบความคิดที่จะให้ลูกเดินตามเส้นทางที่ตั้งธงไว้ แต่ไม่ได้มองถึงส่วนลึกของหัวใจลูกแต่เรื่องก็ยังแข็งพอที่จะบอกกับผู้ชมว่าบางทีความรักที่จะทำในสิ่งใดก็อาจมาจากการได้เห็นสิ่งนั้นมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งก็คือแบดมินตันสำหรับแฮกังมุมนี้จึงมอบความประทับใจให้ผู้เขียนในฐานะของคนเป็นพ่อที่มีบ้างบางครั้งก็ละเลยความรู้สึกของลูกเพียงเพราะความหวังดี แต่บางทีก็กลายเป็นเอาความหวังของผู้ใหญ่ไปให้กับลูกแบก ซึ่งความรักในสิ่งที่ทำ และการได้ใช้ชีวิตอยู่กับคนที่รักในสิ่งเดียวกัน การได้พยายามร่วมกัน การได้ชนะไปด้วยกัน และการได้แพ้ไปด้วยกัน นั่นคือสิ่งที่นักกีฬาทีมนี้มี และมันคือสิ่งที่นักกีฬาทีมอื่นไม่มี นั่นคือความแนบแน่นและความเชื่อมั่นซึ่งกันและกันรวมถึงการให้กำลังใจกันในฐานะเพื่อนแท้จนเมื่อมาย้อนกลับไปคิดถึงวัยนั้น ก็เป็นเช่นเดียวกับที่เรื่องบอกว่าในช่วงวัยหนึ่งการประสบความสำเร็จในชีวิตอาจขอแค่ได้มี "เพื่อนแท้" อยู่ข้างกายที่เป็นความคมคายที่ตรงใจ แถมนิดคือตอนการจากลาไปของคุณยายใหญ่ ที่ทิ้งคำพูดสุดท้ายให้ลูกสาวทั้งที่ไม่ได้เอ่ยปากมานานว่า "กินข้าวให้ครบทุกมื้อ อย่าป่วยอย่าไข้” ง่ายๆแต่ผู้ชมกลับมีน้ำตาพรั่งพรูออกมา ซึ่งหากจะเล่าถึงความคมคายทั้งหมดคงไม่อาจสาธยายให้จบได้ จึงได้แค่เขียนถึงมุมที่ประทับใจที่สุดในฐานะคนมีอายุที่มองเข้าไปในชีวิตเด็กรุ่นลูกรุ่นหลานการแสดงที่มีเสน่ห์ในทุกตัวละคร ให้สัมผัสได้ทุกมิติ เหมือนเป็นลายเซ็นของคนเขียนบทที่จะมอบตัวละครที่เป็นสีสัน ตัวร้ายที่ร้ายไม่จริงร้ายแบบน่าหมั่นไส้ในความเป็นมนุษย์แต่สุดท้ายก็ต้องสลายไปกับการเรียนรู้ของตนเอง ซึ่งเรื่องนี้ต้องยอมรับว่านี่คือการแสดงที่เปี่ยมเสน่ห์ทั้งทีม ย้ำ ทั้งทีม ตั้งแต่ชาวบ้านที่ต่างก็มีอะไรแปลกๆแต่ก็ไม่เกินความเป็นมนุษย์มนา แม้ว่าด้วยอุปสรรคของภาวะโรคระบาด ทำให้อาจมีผลกระทบบ้างเรื่องของความเนียนในการแสดงที่บางครั้งยังมองเห็นว่าเป็นการแสดง แต่ด้วยความที่บทวางตัวละครทุกคนมีเสน่ห์ก็มองข้ามไปได้ เพราะทุกคนที่รับบทตัวละครต่างๆก็สามารถเป็นที่รักของผู้ชมได้ทุกคนด้วยความที่สามารถมองเห็นความงดงามที่ปรากฏออกมาในฐานะของน้ำใจ การอยู่ร่วมกันในวิถีชีวิตที่เกื้อกูล ตัวละครที่น่าประทับใจก็เป็นไปได้ทุกคนทั้งตัวละครหลักหรือกระทั่งนักแสดงรับเชิญที่ได้เห็นมาจาก Prison Playbook มาเป็นสีสันให้ได้อมยิ้มกันทั่วหน้า โดยเฉพาะในตอนสุดท้ายที่ต้องเรียกว่าพีคส่วนจะเป็นยังไงไปพิสูจน์เอง แต่ที่ต้องเอ่ยถึงคือทังจุนซังกับอีแจอินที่เข้าคู่กันอย่างน่ารักน่าเอ็นดู ทำให้หัวใจที่เริ่มชราได้กระชุ่มกระชวยไปกับความรักที่ไม่กล้าเอ่ยของทั้งสอง ตัวทังจุนซังนั้นผู้เขียนได้ดูเขาเต็มที่มาเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สาม ยอมรับว่าเรื่องนี้อาจไม่ลึกล้ำเท่า Move To Heaven แต่ก็มีอะไรให้เล่นมากมายและเห็นพัฒนาการชัด เพราะเขาสามารถรับบทเป็นตัวเดินเรื่องได้ดีโดยมีทีมนักแสดงที่ดีอยู่เบื้องหลังเป็นกองหนุน ส่วนอีแจอินนั้นอาจเริ่มด้วยความขัดเขินแต่เมื่อเวลาผ่านไปด้วยบทที่วางไว้ให้รับส่งกับทังจุนซังก็เข้าคู่กันอย่างลื่นไหล การปกปิดความรู้สึก การเป็นยอดนักกีฬาที่มีโลกต่างจากคนทั่วไปทำให้มองภาพออกว่า นี่คือยอดนักกีฬาที่ใช้ชีวิตไม่เหมือนเด็กทั่วไปกระทั่งการได้มาพบกับคนที่แอบชอบอีกครั้ง และการได้ใช้ชีวิตอยู่กับเพื่อนแท้ก็ทำให้ยอดนักกีฬาที่กำลังจะกลายเป็นเครื่องจักรแข่งขันได้ผ่อนคลายและเล่นด้วยความสนุกมีความสุขกับการเล่น ซึ่งมันมาจากบทของทังจุนซังเสริมบทของเธอไม่ต่างกับบทของเธอไปเสริมบทของทังจุนซังที่กลายเป็นมิติกำหนดความรู้สึก กระทั่งมองเห็นได้เลยว่าทังจุนซังดูหล่อขึ้นและอีแจอินก็มีพลังดึงดูดสายตาที่น่าประหลาด หรือใครจะลืมการให้กำลังใจด้วยคำพูดที่ว่า “แพ้บ้างก็ไม่เป็นไรนะ”หรือการให้กำลังใจเมื่อยามพ่ายแพ้ในตอนท้าย ที่คงมีเพียงยอดนักกีฬาระดับเดียวกันเท่านั้นที่เข้าใจว่าบางทีก็ไม่อาจร้องให้ให้ใครเห็น แต่ขอเพียงมีคนรู้ใจเตรียมไหล่ไว้ให้ซบทุกอย่างก็จะดีขึ้นเอง และที่ไม่เอ่ยถึงคงนอนไม่หลับคือการรับบทนักแบดมินตันที่สมจริง ทั้งการเคลื่อนไหว ท่าทาง อิริยาบถ จนมองเห็นถึงการทำงานหนักของนักแสดงที่ทำให้งานออกมาดูดีไม่ดูเห็นเป็นการเล่นแบบหลอกตาคือสิ่งที่ต้องชื่นชม กับงานด้านที่ภาพสวยสดใส เรื่องที่ไม่มีพิษภัยใดจนอาจจะกลายเป็นงานโลกสวย แต่บางทีชีวิตก็ต้องการแบบนี้ การได้เห็นมุมที่สวยงาม ทิวทัศน์ที่ดูสบายตา เพลงประกอบที่ฟังแล้วสบายใจ มันก็ทำให้ดูจบด้วยความรู้สึกดีต่อใจแค่นี้ก็เกินพอแม้จะเป็นเรื่องของเด็กๆแต่หัวใจที่เหี่ยวย่นก็กระชุ่มกระชวย เพราะมีเรื่องราวมากมายที่ไม่ใช่เนื้อหาแบบเด็กๆให้มองเห็นด้วยตาและสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ แต่สิ่งหนึ่งที่คิดว่าคือความตั้งใจที่ แม้ว่าอาจพิสูจน์ไม่ได้เต็มร้อยว่าการโค้ชนักกีฬาในรูปแบบของโค้ชยุนหรือโค้ชราจะสามารถรีดเร้นศักยภาพของนักกีฬาออกมาให้ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการแต่อย่างน้อยก็ได้เห็นว่านักกีฬาก็ยังเป็นคน การดูแลเด็กในแบบที่เห็นในเรื่องของสองสามีภรรยาที่เป็นโค้ชอาจไม่การันตีความสำเร็จ เพราะปัจจัยรอบข้างก็เป็นตัวแปรที่ควบคุมยาก แต่อย่างน้อยหากนักกีฬามีพรสวรรค์อย่างฮันเซยุนหรือยุนแฮกังกระทั่งนักกีฬาที่มีแต่พรแสวงใฝ่ดีมีเพื่อนที่ดีที่คอยมีกันและกัน ก็สามารถการันตีได้ว่าอย่างน้อยนักกีฬาก็มีความสุขกับการซ้อม การเล่น และการแข่งขันเหมือนกับกลุ่ม Racket Boys ที่ในโลกแห่งความเป็นจริงพวกเขาอาจไม่ชนะการแข่งขันแต่สิ่งที่พวกเขามีที่จะต่างไปนั่นคือการได้ใช้ชีวิตในฐานะคนที่มีเพื่อน มีความรัก มีคนรู้ใจ ไม่ได้เป็นคนเก่งที่โดดเดี่ยวจนท้าทายให้พิสูจน์ว่า การใช้ชีวิตธรรมดา มีความรัก มีแฟน ได้กินต๊อกบ๊กกี ได้ดูหนังก็ยังคงเป็นยอดนักกีฬาได้ หรือเพราะมีเรื่องราวมากมายที่มีแง่คิด มีมุมมองในการใช้ชีวิต แม้กระทั่งชีวิตเด็กๆที่เป็นนักกีฬาก็ยังสามารถมอบบทเรียนให้กับผู้ใหญ่ได้ แบบสัมผัสได้ถึงความเป็นมังงะกีฬาชั้นดีจากญี่ปุ่นทั้งภาพที่เห็นตรงหน้าและทั้งจิตวิญญาณ มอบแง่คิดว่า ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะแข่งแกร่งแค่ไหน ไม่ว่าจะแพ้มาสักเท่าไหร่ก็ยังต้องมีวันปลดแอกด้วยชัยชนะได้ดังเช่นอีฮันซลหรืออียงแท หรือกระทั่งทีมซอลลาไต้ได้ถ้ามีความเชื่อมั่น ความพยายาม และมีแรงใจให้กันและกัน อาจไม่สมบูรณ์แบบจนไร้ที่ติ แต่นี่คือของดีที่ขึ้นหิ้งไปแล้วดูไปบ่นไปNETFLIXขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก / ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2 / ภาพที่ 3 / ภาพที่ 4 / ภาพที่ 5 / ภาพที่ 6 / ภาพที่ 7 / ภาพที่ 8 / ภาพที่ 9 / ภาพที่ 10 / ภาพที่ 11 / ภาพที่ 12 จาก Facebook SBS เกาะติดซีรีส์เรื่องใหม่ๆ App TrueID โหลดฟรี!