สวัสดีค่ะ...ถ้าพูดถึงคำว่า "ยาวี" คุณผู้อ่านจะให้ความหมายว่าอย่างไร ? หลายคนคงคิดว่า ยาวี คือ ภาษาที่ชาวมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้ใช้ในการสื่อสารหรือเรียกว่า "Bahasa Jawi (ภาษายาวี) ถือได้ว่าเป็นภาษาถิ่นของคนกลุ่มนี้ แต่นั่นไม่ใช่ความเข้าใจที่ถูกต้องนะคะ เพราะแท้จริงแล้ว...ยาวี ไม่ใช่ภาษา แต่ยาวี คือ ตัวอักษรที่ใช้ในการเขียนหรือที่เรียกว่า Tulisan Jawi (อักษรยาวี) นั่นเอง!ปัจจุบันนี้อักษรยาวีเริ่มหายไปจากพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ เพราะว่าผู้คนนิยมใช้ภาษามลายูในการสื่อสารและเนื้อหาในตำราเรียนที่ใช้ในหลักสูตรการเรียน การสอน ก็มักจะใช้อักษรมลายูบรรจุอยู่ในตำราเรียนวิชาต่าง ๆ ยกเว้น โรงเรียนตาดีกา (สถาบันสอนศาสนา สำหรับเด็กในระดับอนุบาลจนถึงประถมศึกษาปีที่ 6) เป็นสถาบันที่ยังมีวิชายาวี บรรจุอยู่ในหลักสูตรการเรียน การสอน มีจุดประสงค์ คือ เพื่อปูพื้นฐานความเป็นเอกลักษณ์ของคนมลายู อีกทั้งยังปลูกฝังให้เด็ก ๆ ให้ความสำคัญกับอักษรยาวี และอนุรักษ์ภาษาดั้งเดิมไม่ให้สูญหายไปจากโลกภาพถ่ายโดยผู้เขียน...มุสลิม ศิลป์ เป็นเพจหนึ่งที่มีอยู่ในเฟซบุ๊ก สร้างโดยผู้ที่มีนามปากกาว่า B'Ma บุคคลนี้ถือได้ว่าเป็นนักศิลปินที่มีชื่อเสียงด้านการเขียนอักขระยาวี หรือที่เรียกว่า Seni Khat Jawi อ่านว่า ซือนี - คอต - ยาวี แปลว่า ศิลปะอักษรยาวี ด้วยผลงานที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความสวยงาม โดดเด่น และเป็นที่ดึงดูดใจของผู้คนที่มีความสนใจในด้านงานศิลปะ ทำให้ B'Ma ได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่หลายท่าน ในการสร้างผลงานเพื่อประกวดหรือตั้งโชว์ในงานต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถสร้างงานให้เป็นอาชีพของตนเองอีกด้วยค่ะภาพถ่ายโดยผู้เขียน...ผลงานต่าง ๆ ของศิลปิน B'Ma ส่วนมากจะเขียนลงในกระดาษ ผ้าสีขาว ผนังบ้าน ไม้ กระจก เป็นต้นB'Ma เป็นศิลปินที่หลงรักในงานศิลปะมาก ๆ เขาเล่าว่า "ศิลปะคือส่วนหนึ่งของชีวิตผม เหตุผลที่ผมชอบศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นงานเขียน งานวาด การร้องเพลง เป็นต้น ก็เพราะว่าสิ่งเหล่านี้ ผู้ที่นับถือศาสนาอิสลามเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ผิด เช่น ร้องเพลงบาป ฟังเพลงบาป ทั้งนี้ผมขออธิบายว่า ไม่ใช่ทุกบทเพลงครับ ที่จะตัดสินได้ว่าร้องหรือฟังเพลงแล้วบาป เพราะในกีตาบ (ตำราของศาสนาอิสลาม) กล่าวว่า บทเพลงที่มีเนื้อหาที่ดี ชักจูงผู้ฟังไปสู่สิ่งที่ดี บทเพลงเหล่านี้ ถือว่าฟังแล้วไม่บาปครับ ในส่วนของงานเขียน โดยเฉพาะการเขียนอักษรยาวีลงบนวัสดุต่าง ๆ ในสมัยนี้หาคนเขียนได้ยากมาก จึงทำให้ผมสนใจและให้ความสำคัญกับงานศิลปะประเภทนี้ครับ"สุดท้ายนี้ผู้เขียนขอจบการรีวิวด้วยประโยคที่ว่า "ถ้าไม่ใช่เรา แล้วใครกันเล่าที่จะรักษาเอกลักษณ์ความเป็นมลายูได้ดีเท่าคนมลายูดั้งเดิม"