เป็นที่ฮือฮากันไม่น้อยในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อทางบริษัท Warner Bros. ได้ปล่อยตัวอย่างฉบับเป็นทางการของ Wonder Women 1984 หนังซุปเปอร์ฮีโร่หญิงค่าย DC Comics ที่หลายคนรอคอย ออกมาให้เราได้ชมเรียกน้ำย่อยกัน ก่อนที่หนังจะเข้าฉายในช่วงต้นเดือนมิถุนายนของปีนี้เรื่องราวในหนังภาคนี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Diana Prince ในช่วงเวลาประมาณ 70 ปี หลังจากเหตุการณ์ในภาคแรก หรือในปีค.ศ.1984 ตามชื่อเรื่อง แต่ละฉากที่ถูกนำเสนอในหนังตัวอย่างนั้น น่าตื่นเต้น และชวนให้ติดตามเป็นอย่างยิ่ง และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ความบันเทิงในการรับชมนี้สมบูรณ์แบบก็คือ เพลงประกอบที่แสนเร้าอารมณ์ซึ่งใช้ในหนังตัวอย่างเรื่องนี้นั่นเองบทเพลงบรรเลงสุดแสนอลังการ ซึ่งผสมผสานดนตรีซินธ์ป็อปเข้ากับเสียงของวงออร์เครสตร้าได้อย่างน่าฟัง ที่เราได้ยินได้ฟังในหนังตัวอย่างของ Wonder Women 1984 นี้ เป็นผลงานของ Sebastian Böhm นักแต่งเพลง และโปรดิวเซอร์ จากเมืองฮัมบวร์ค ประเทศเยอรมนี เขาเป็นที่รู้จักจากการทำเพลงประกอบให้กับตัวอย่างของหนังชื่อดังอย่าง Rogue One: A Star Wars Story, Aladdin และ Pacific Rim Uprisingคลิกที่นี่เพื่อฟังเพลงประกอบหนังตัวอย่าง Wonder Women 1984 ฉบับเต็ม บนยูทูปสำหรับคอเพลงสากลที่ฟังเพลงจากหลากหลายยุคสมัยแล้ว ก็น่าคุ้นเคยกับท่วงทำนองของเพลงนี้เมื่อได้ยินมันจากหนังตัวอย่างเป็นครั้งแรก เพราะมันเป็นทำนองของ "Blue Monday" เพลงซินธ์ป็อประดับคลาสสิก ผลงานของ New Order วงดนตรีจากประเทศอังกฤษ ที่โด่งดังมากในยุค 80s เรียกได้ว่า เพลงประกอบหนังตัวอย่าง Wonder Women 1984 เพลงนี้ ก็คือเวอร์ชั่นคัฟเว่อร์ของเพลง "Blue Monday" นั่นเอง และไม่ต้องบอกก็คงพอจะเดาได้ว่า เพลงนี้นั้นโด่งดังมากในช่วงเวลาตามท้องเรื่องของหนังในโลกแห่งความจริงด้วยขอบคุณภาพของ "Bernard Sumner และ Peter Hook" จาก: IMDB.comเพลงจากยุค 80s เพลงนี้ มีอิทธิพลกับคนรุ่นต่อมาในวงการบันเทิงทั้งในวงการภาพยนตร์และวงการเพลงเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในวงการภาพยนตร์ เราจะพบว่า เพลงนี้ถูกนำมาใช้ประกอบในหนังดังมากมายหลายเรื่อง ตลอดระยะเวลากว่ายี่สิบปีที่ผ่านมานี้ จากหนังโรแมนติกคอมมิดี้อย่าง The Wedding Singer (1998) หรือหนังแอคชั่นย้อนยุคสงครามเย็นเรื่อง Atomic Blonde (2017) ไปจนถึงหนังไซไฟโลกอนาคตอย่าง Ready Player One (2018) ล้วนแล้วแต่เลือกใช้บริการเพลงนี้มาแล้วทั้งสิ้นแรกเลยเพลง "Blue Monday" นั้นถูกปล่อยออกมาในรูปของแผ่นซิงเกิ้ลขนาด 12 นิ้ว ซึ่งเป็นแผ่นเสียงขนาดใหญ่ที่มีคุณภาพเสียงดีกว่าแผ่นเสียงในขนาดทั่วไป นิยมใช้โดยเหล่าดีเจที่เปิดเพลงตามคลับ และได้รับความนิยมสูงมากในเวลานั้น เคยขึ้นไปสูงสุดที่อันดับเก้าบนชาร์ทเพลงของอังกฤษในช่วงต้นปี 1983 และยังคงเป็นแผ่นเสียงขนาด 12 นิ้วที่ขายดีที่สุดในประวัติศาสตร์มาจนถึงวันนี้ ต่อมาได้ถูกนำมารวมไว้ในอัลบั้มที่สองของวงชื่อ Power, Corruption & Lies ที่ออกมาในปีเดียวกันในปี 1988 เพลงนี้เคยถูกนำมารีมิกซ์โดย Quincy Jones โปรดิวเซอร์ระดับตำนาน คู่บารมีของ Michael Jackson เจ้าของฉายา "King of Pop" ผู้ล่วงลับ ภายใต้ชื่อ “Blue Monday ’88” ซึ่งก็ช่วยให้เพลงเป็นที่สนใจไปทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศนิวซีแลนด์ เวอร์ชั่นนี้สามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งได้เลยทีเดียว เพลงยังถูกคัฟเว่อร์โดยศิลปินเพลงรุ่นหลังอีกมากมายหลายครั้ง ซึ่งก็รวมถึง Orgy (1998), Flunk (2002) และ 808 State (2004) จากค่าย Rephlex Records ของศิลปินแนวเทคโนชื่อดังอย่าง Aphex Twin ด้วยขอบคุณภาพของ "สี่สมาชิกรุ่นก่อตั้งของวง New Order บนเวทีการแสดงในยุค 80s" จาก: IMDB.comเพลง "Blue Monday" เป็นผลงานการแต่งร่วมกันของทั้งสี่สมาชิกรุ่นก่อตั้งแห่งวง New Order คือ Gillian Gilbert, Stephen Morris, Bernard Sumner และ Peter Hook พวกเขานำชื่อ "Blue Monday" มาจากชื่อของเพลงแนวอาร์แอนด์บีของศิลปินอเมริกันจากยุค 50s ชื่อ Fats Domino ซึ่งก็เป็นเพียงแต่การนำชื่อเพลงมาใช้เท่านั้น ไม่มีความเกี่ยวพันกันในเรื่องอื่นอีกเนื้อร้องในเพลงนี้ดูแล้วเข้าใจยาก ไม่ค่อยตรงไปตรงมา แต่เชื่อกันว่า เพลงนี้อาจมีเนื้อหาที่เกี่ยวข้องได้ทั้งเรื่องราวของการติดยา การทารุณเด็ก หรือความสัมพันธ์ที่ล้มเหลว โดยอาศัยการตีความจากบางถ้อยคำที่อยู่ในเนื้อเพลงดนตรีมีกลิ่นอายของงานจากปลายยุค 70s ของเจ้าพ่อดิสโก้ Giorgio Moroder ผสมกับดนตรีแนวอิเล็คทรอนิคส์ในแบบของวง Kraftwerk เสียงดนตรีเกือบทั้งหมดมาจากเครื่องดนตรีสังเคราะห์อย่าง ซินธีไซเซอร์ และดรัมแมชชีน มีเพียงเสียงกีต้าร์เบสที่เหมือนเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเพลง จากฝีมือของ Peter Hook เท่านั้น ที่เป็นเสียงจากเครื่องดนตรีจริง ซึ่ง Hook เคยเล่าไว้ว่า เขาขโมยท่อนเบสนี้มาจากเพลงประกอบหนังแนวคาวบอยตะวันตกย้อนยุคเรื่อง "For a Few Dollars More" ผลงานของนักแต่งเพลงประกอบหนังระดับตำนานชื่อ Ennio Morricone เมื่อรวมทั้งหมดนั้นเข้ากับเสียงร้องในแบบหลอน ๆ ของ Bernard Sumner นักร้องนำของวงแล้ว มันจึงกลายเป็นมหากาพย์งานเพลงข้ามทศวรรษอย่างที่เราได้ยินได้ฟังกันยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า เพลงนี้จะถูกใช้เป็นเพลงประกอบหนัง Wonder Women 1984 ในตอนที่ออกฉายจริงด้วย หรือจะเป็นแค่เพียงเพลงที่ใช้ในการโปรโมทหนังเท่านั้น แต่ถึงอย่างไร การปรากฎขึ้นอีกครั้งของเพลง ๆ นี้ ก็น่าจะเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่สำคัญถึงการกลับมาของดนตรีจากยุค 80s ที่หลายคนเฝ้าคืดถึงอยู่ จริงไหม?คลิกที่นี่เพื่อฟังเพลงนี้ในเวอร์ชั่นต้นฉบับของวง New Order บนยูทูปขอบคุณภาพจาก: IMDB.comเครดิตภาพหน้าปก: IMDB.comอ้างอิง:https://www.positionmusic.com/artist/MjYwMjE4LWQ4Yzc0NAhttps://en.wikipedia.org/wiki/Blue_Monday_(New_Order_song)https://professorofrock.com/blue-monday-by-new-order/https://www.songfacts.com/facts/new-order/blue-monday