คุ้มค่าทุกวินาที คุ้มค่าแก่การรอยคอย ภาพยนตร์ชีวประวัติว่าด้วยเรื่องราวของบิดารแห่งระเบิดปรมาณูที่มีชื่อเสียงที่สุดในช่วงปี 1940 "จูเลียส รอเบิร์ต ออปเพนไฮเมอร์" นักฟิสิกส์ชาวสหรัฐ ออปเพนไฮเมอร์ได้รับโอกาสจากทางรัฐบาลให้มาควบคุมโปรเจคต์แมนฮัตตัน เกี่ยวกับการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะเดียวกันหนังยังฉายให้เห็นชีวิตหลังจากสงคราม ออปเพนไฮเมอร์ยังต้องต่อสู้กับข้อครหาว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์หรือไม่ บาปความผิดที่ฝังอยู่ในใจ สิ่งที่เขาสร้างคร่าชีวิตผู้บริสุทธิ์ไปเกือบสองแสนรายตั้งแต่โนแลนประกาศทำหนังเรื่องนี้ออกมาผมเต้นตื่นมากที่จะได้ดู แม้ผมอาจจะไม่ใช่แฟนหนังโนแลน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าโนแลนทำหนังน่าดูจริง ทั้งพล็อตแปลก ๆ (Inception, Tenet) หนังซุปเปอร์ฮีโร่ไตรภาคที่ผมโคตรรัก (คุณก็น่าจะรู้) หนังโนแลนอาจจะดูยาก ซับซ้อน และคงน่าเบื่อ(น่าเบื่อในแบบหนังสนุก) คิดว่าตัวเองคงไปนั่งหลับแน่ ๆ แต่ไม่ใช่เลย ผมตื่นตะลึง ไม่มีฉากไหนทำผมหลับลง ไม่ลุกไปเข้าห้องน้ำ (โชคดีที่ไม่ปวดท้องเลย) 3 ชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว โนแลนเอาคนที่เบื่ออะไรง่ายแบบผมได้อยู่หมัดคิลเลี่ยน เมอร์ฟี่ (Cillian Murphy) ในบท ออปเพนไฮเมอร์ แสดงออกมาได้ดีมาก สายตาเอกลักษณ์ของเขาที่ผมได้เห็นตั้งแต่ Batman ในบท Scarecrow ดวงตาที่ซ่อนอะไรไว้มากมาย ลึกลับ น่าค้นหา โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) ในบท เลิพ ชเตราส์ สลัดภาพโทนี่ สตาร์คได้หมดจด โดนทับด้วยบท Lewis Strauss อยากเห็นแกในบทแนว ๆ นี้อีก แกแสดงได้ดี ผมชอบโดยส่วนตัวด้วย และอีกตัวละคร MVP. สำหรับผมคือ เจสัน คาร์ก (Jason Clarke) ในบท โรเจอร์ ร็อบบ์ พี่แกโคตรเดือด โคตรดี ซีนปะทะอารมณ์กับออฟฟี้นี้ โคตรสุด ส่วนตัวละครอื่น ๆ ผมไม่ติเลย แสดงดีได้มาตรฐาน(ผม) บททุกตัวละครก็เด่น ๆ ทั้งนั้น นักแสดงมืออาชีพไว้วางใจ เซอร์ไพร์มากกับเอดดี้ของผม Rami Malek มาน้อยต่อยหนักมากฉากในหนังผมรู้สึกทำได้ดี แต่ก็ไม่ได้สำคัญอะไรเพราะหนังเน้นไปที่การพูดคุยกันมากกว่า ฉากส่วนใหญ่ก็อยู่ใน ลอส อลามอสกับฉากสอบสวนในห้องเล็ก บ้านและจริง ๆ อยากเห็นระเบิดในมุมกว้างแบบที่เห็นกันบ่อย ๆ ในภาพ อันนี้เหมือนจะซูมเข้าไปหน่อย ถ้าเห็นภาพเต็ม ๆ อาจจะอึ้งมากกว่านี้ บทหนังกระจายบทดี แต่บางเรื่องอาจจะตามไม่ทันบ้างแม้จะศึกษาชีวประวัติมา ต้องคิดเร็ว ๆ ไปตามหนังถึงจะทันและสนุก ซีนบทพูดที่ดีที่สุดคือ ฉากสุดท้ายระหว่างออฟฟี่กับไอส์ไตน์ภาพรวมแล้วผมชอบหนังเรื่องนี้ ชวนให้ติดตาม การแสดงสุดยอดทำให้ลืมภาพจำเก่า ๆ ของนักแสดงได้ โทนขาวดำสลับไปมาก็ดูดี ไม่แย่ ดนตรีประกอบเร้าให้เราตื่นเต้นไปถึงจุดที่ระเบิด หมายถึงซีนระเบิดอารมณ์ สิ่งที่ไม่ชอบสุด ๆ คือ การตัดภาพไปมาด้วยความรวดเร็ว ตามไม่ทัน ผมว่าหลายคนอาจจะเป็น บางทีตัดไปตาแทบหลุดและอยากเห็นซีนระเบิดเต็มภาพจริง ๆ ผมคิดว่าโนแลนอาจจะเลี่ยงไม่ได้ให้ภาพการระเบิดเป็นจุดสำคัญของหนัง เพราะมัน Sensitive กับผู้คน ท้ายที่สุดแล้ว หนังเรื่องนี้ไม่ได้ทำออกมาเพื่อความสะใจของผู้ชนะในสงครามอย่างน้อยผมคิดว่าโนแลนก็คิดแบบนี้ ผมมองมันเป็นงานศิลปะที่สะท้อนภาพความจริงในมุมมองของออปเพนไฮเมอร์มนุษย์ธรรมดาที่มีกิเลศ ทำสิ่งที่อยากทำโดยไม่คิดถึงผลที่ตามมา เป็นผลที่คาดไม่ถึงทั้งเรื่องครอบครัว การเมือง วิทยาศาสตร์"ถ้ามีความทะเยอทะยานพอ ก็ไม่มีอะไรที่จะหยุดมนุษย์เดินสองเท้าได้" หนังเรื่องนี้ไม่มีพระเอก มีเพียงผู้คนที่ยืนบนหลักการของตนเอง ไม่มีตัวร้าย มีเพียงการกระทำที่บ่งบอกตัวตนการแบกรับความทุกข์ใจของออปเพนไฮเมอร์ นั้นไม่ได้แปลว่าเขาสำนึกผิด ผมกลับมองว่ามันเป็นสิ่งที่เขารู้ว่าจะเจออยู่แล้ว ไม่มีใครต้องการสงคราม ไม่มีใครต้องการความสูญเสียมนุษย์ทะเยอทะยาน เปลี่ยนไปตามอารมณ์ และยึดอยู่บนหลักของตนเองของพวกพ้อง ชาตินิยม เราไปตัดสินใครทั้งหมดเพียงเรื่องเดียวที่เขากระทำไม่ได้แม้เราอยากจะทำแบบนั้นก็ตามเครดิตรูปภาพภาพปก จาก OppenheimerMovieภาพที่ 1 จาก OppenheimerMovieภาพที่ 2 จาก OppenheimerMovieภาพที่ 3 จาก OppenheimerMovieภาพที่ 4 จาก OppenheimerMovieจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !