Movie Review Cells at Work! (2024) เซลล์ขยันพันธุ์เดือด ดูท่าน่าจะเพี้ยนๆบ้าบอแต่สนุกครบทุกอารมณ์กับระดับ "เมอิ นากาโนะ" "ทาเครุ ซาโตะ" แจมด้วย "เคียวโกะ ฟุคาดะ" ที่ทำให้ยังไงก็ต้องดู รับชมหนังซีรีส์ระดับพรีเมียม กดสมัคร TrueID+ ดูได้ทุกที่ 24ชม. คลิก!! เคยเขียนมาหลายครั้งแล้วว่าญี่ปุ่นจะมีทรัพยากรที่ค่อนข้างล้นเหลือเพราะถ้านึกถึงการ์ตูนก็จะมีคนจำนวนไม่น้อยที่คิดถึงญี่ปุ่นมาเป็นอันดับแรกเพราะความคุ้นเคยกับการ์ตูนญี่ปุ่นหรือมังงะ และมังงะนี่เองที่เป็นทรัพยากรที่ทำให้ญี่ปุ่นหยิบเอามาเป็นวัตถุดิบในการสร้างหนังสร้างละครซีรีส์ได้อย่างไม่มีจบสิ้นตราบใดที่ยังมีการรังสรรงานออกมา แน่นอนว่ามังงะที่สามารถหยิบเอามาสร้างให้เป็นหนังหรือซีรีส์คนแสดงได้นั้นต้องสนุกและได้รับความนิยมอย่างสูงมีฐานแฟนๆที่หนาแน่นเพราะนั่นคือกลุ่มเป้าหมายหลัก แล้วถ้าไม่ใช่กลุ่มนั้นคือคนที่ไม่ได้อ่านหรือติดตามมังงะเรื่องนั้นๆมาอย่างผู้เขียนล่ะอะไรที่จะมาเป็นพลังดึงดูดที่มากพอให้ตัดสินใจดูหนังหรือซีรีส์เรื่องนั้นๆได้ และสิ่งนั้นคือนักแสดงที่เมื่อเห็นก็อยากดูเช่นเรื่องนี้ที่มีนักแสดงที่ผู้เขียนชื่นชอบแสดงด้วยฝ่ายหญิงคือเมอิ นากาโนะที่มาประกับกับทาเครุ ซาโตะที่ไม่ค่อยพลาดงานของเขา แถมยังมีขวัญใจคนเก่าปนโปสเตอร์ติดผนังเคียวโกะ ฟุคาดะมารับเชิญด้วยผู้เขียนจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่ดูเรื่องนี้แม้ว่าดูท่าจะเพี้ยนๆก็ตาม นี่คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นในร่างกายของมนุษย์ที่ชื่อว่านิโกะ อุรุชิซากิ (มานะ อาชิดะ) ที่มีเซลล์เม็ดเลือดแดงเกิดขึ้นมาใหม่คือ AE3803 (เมอิ นากาโนะ) ที่ได้รับการช่วยเหลือจากเซลล์เม็ดเลือดขาว U-1146 (ทาเครุ ซาโตะ) ที่มีหน้าที่กำจัดเชื้อโรคที่เข้ามาคุกคามร่างกาย จนเมื่อ AE3803 โตขึ้นก็ได้ทำหน้าที่ของเซลล์เม็ดเลือดแดงที่ต้องนำส่งออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆของร่างกายเพื่อให้เซลล์ต่างๆที่มีหน้าที่ต่างกันได้บริโภคและเพิ่มพลังการทำงาน ทว่าวันหนึ่งเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติคนหนึ่งที่ไม่เติบโตและกำลังจะถูกจำกัดตามระบบของร่างกายแต่มันไม่ยอมมันจึงพัฒนากลายมาเป็นเซลล์มะเร็งลูคีเมีย (ฟูคาเสะ) และนั่นคือภัยคุกคามอย่างสาหัสต่อร่างกายของนิโกะเพราะเธอต้องป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวและต้องเข้ารับการรักษา แน่นอนในร่างกายเซลล์ทั้งหลายก็ต้องพยายามต่อสู้กับเซลล์ลูคีเมียที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วและมันจัดการกับเซลล์ในร่างกายจนตายไปเรื่อยๆ และด้านนิโกะเองก็ต้องต่อสู้กับการรักษาด้วยวิธีทางการแพทย์ด้วยพลังใจทั้งหมดที่มี เมื่อเป็นงานสร้างจากมังงะจึงมีความเป็นมังงะที่อาจดูเพี้ยนๆบ้าๆบอๆแต่ทุกอย่างถูกร้อยเรียงเข้าด้วยกันเป็นระบบอย่างเหลือจะเชื่อ ไม่มีทางเลยที่ดูเรื่องนี้แล้วจะไม่คิดถึงอะนิเมชันตะวันตกอย่าง Inside Out เพราะเหมือนมีคอนเซปต์เดียวกันแต่นี่ไม่ใช่เรื่องอารมณ์แต่เป็นกลไกของร่างกายระดับเซลล์ ซึ่งใครมันจะไปคิดว่าไอ้เรื่องหน้าที่ของเซลล์ตางๆของร่างกายมันจะกลายมาเป็นงานแอ็กชันคอมมิดี้ได้ดีแบบนี้ทั้งที่ดูทรงแล้วน่าจะเพี้ยนๆ ซึ่งก็เพี้ยนจริงและด้วยการเซ็ตภายในร่างกายมนุษย์ให้เหมอนเป็นโลกในเกมที่ต้องคิดถึง Super Mario แล้วบทซ้อนเรื่องโลกจริงของเจ้าของร่างกายกับการต่อสู้ภายในร่างกายที่เน้นความหวือหวาฉูดฉาดจนคล้ายหนังมาสค์ไรเดอร์อยู่บ้าง แล้วสอดแทรกกลไกการดูแลร่างกายการรักษาสุขภาพและการรักษาอาการป่วยให้ออกมาเป็นหนังสงครามโลกสลายได้อย่างเป็นระบบอย่างเนียนๆ เพราะแม้จะเล่าเหมือนเพี้ยนจนบ้าบอแต่บทหนังมีทิศทางชัดเจนมีธงที่จะมุ่งไปมีดราม่าซ้อนไว้นับว่าเป็นบทหนังที่เหมือนจะบ้งแต่ยอดเยี่ยมเหลือจะเชื่อ อุดมไปด้วยความบันเทิงแซ่บจัดจ้านประมาณบ้าก็บ้าไปให้สุดแต่ก็สุดกลมกล่อมเพราะมีหัวใจได้ทุกอารมณ์ที่อาจเรียกได้ว่าอัจฉริยะ ถ้าว่ากันที่เรื่องกลไกร่างกายระดับเซลล์แบบนี้แค่คิดก็ง่วงแล้วถ้าจะมานั่งฟังแต่เมื่อมาเป็นหนังเรื่องนี้มันดันอุดมไปด้วยความบันเทิงสุดแซ่บ เพราะความเข้าใจเล่นของมังงะส่งผลมาหนังคนแสดงที่หยิบเอาเรื่องควรจะน่าเบื่อมาเล่นสนุกได้ทุกอย่างหรือใครจะลืมกลไกการขับถ่ายที่การปะทะกันระหว่างกล้ามเนื้อหูรูดชั้นนอกกับขชั้นในที่ขำจนน้ำหูน้ำตาไหลได้ลง ยังไม่พอยังมีฉากต่อสู้ที่เหมือนเป็นซามูไรพเนจรเวอร์ชั่นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ดูมันส์เลยแม้จะมีความเป็นการ์ตูนอยู่บ้างซึ่งของมันแน่อยู่แล้ว ยังยังไม่พอยังมีความจับใจหรือมีหัวใจมีดราม่าแทรกไว้เรื่องของลูกสาวกับพ่อเลี้ยงเดี่ยวที่มีการสูญเสียมาเป็นจุดยึดเหนี่ยวและเอาเรื่องการดูแลสุขภาพร่างกายมาเปรียบเทียบทำให้หนังมีหัวใจขึ้นมาทันใด ไม่นับการเบียวในแบบญี่ปุ่นกับตัวละครภายในร่างกายจึงจัดว่ามาครบทุกอารมณ์ได้อย่างอัจฉริยะเพราะแม้จะเหมือนบ้าๆแต่กลมกล่อมยิ่งนัก แม้หนังจะดูเพี้ยนๆปั่นๆแต่การแสดงไม่เป็นอย่างนั้นเพราะถูกกำกับด้วยบทและคาแร็กเตอร์ ด้วยคอนเซปต์ที่ดูจะเพี้ยนปั่นๆดูโปสเตอร์แล้วอาจจะคิดว่ามันจะออกมาเป็นหนังบ้าอะไรเพราะสีสันสะดุดตาปานนั้น แต่สิ่งที่สามารถการันตีได้อย่างหนึ่งว่านี่ไม่ใช่หนังดาดๆแน่นอนคือนักแสดงระดับทาเครุ ซาโตะกับเมอิ นากาโนะที่ไม่เคยอยู่ในหนังแย่ๆนั่นคือสองคนนี้ค่อนข้างจะเลือกบทที่จะแสดงและเมื่อเรื่องนี้มีชื่อสองคนนี้การันตีไว้จึงมั่นใจได้ระดีบหนึ่ง ซึ่งด้วยความที่คาแร็กเตอร์มันมาจากการ์ตูนที่ผู้เขียนก็ไม่ได้อ่านหรอกแต่ก็พอมองออกว่าการแสดงคีพคาแร็กเตอร์ไว้แถมด้วยความเบียวตามแบบฉบับมังงะและสำหรับเมอิ นากาโนะและทาเครุ ซาโตะก็คือทำหน้าที่ได้ดีมาก โดยเฉพาะรายหลังที่ผู้เขียนคิดว่าเป็นความจงใจให้เขาออกลีลาบู๊แบบบัตโตไซเวอร์ชันตกถังแป้งจนเกือบจำไม่ได้ถ้าไม่ได้ยินเสียงกับบทบัตโตเซลล์ สุดท้ายขวัญใจคนเก่าที่ไม่ใช่พี่เป้าคนเดิมที่เคยมีรูปเธฮติดฝาผนังเคียวโกะ ฟุคาดะกับบทรับเชิญสวยๆพร้อมกับนักแสดงสมทบที่เล่นกันมันส์พะย่ะค่ะทุกคน อย่ามองแค่หน้าหนังที่เหมือนจะอะไรก็ไม่รู้แต่นี่คือหนังดีที่ควรดูเพราะนอกจากความสนุกยังแฝงดราม่าและเรื่องที่ควรใส่ใจไว้อย่างสวยๆ อย่าไปคิดถึงใครอื่นเลยเอาผู้เขียนนี่ล่ะที่เห็นโปสเตอร์หนังแล้วยังคิดว่านี่มันหนังบ้าอะไรเพราะดูทรงแล้วท่าจะบ้าบอคอแตกเป็นแน่ เพราะตัวละครแดงขาวสีสันฉูดฉาดประมาณลูกกวาดรสสตอเบอรี่แต่อย่างน้อยก็เห็นหน้าเมอิ นากาโนะล่ะน่า ส่วนทาเครุ ซาโตะยอมรับว่าจำบ่ได้แต่เมื่อดูแล้วกลายเป็นว่าหนังที่ทรงออกมาจะบ้าบอและเพี้ยนซึ่งมันก็ตามนั้นแต่บทหนังกลับมีครบทุกอย่างที่เป็นงานชั้นดี เพราะด้วยการเล่นสนุกกับเรื่องที่น่าจะเข้าใจยากแถมเซ็ตฉากเป็นอะไรก็ไม่รู้แต่หนังกลับดูสนุกแถมยังมีดราม่าที่พึงมีไว้อย่างครบครัน นั่นคือหนังสามารถเป็นความบันเทิงทีมีหัวใจพร้อมมีอะไรให้ฉุกคิดและยังมีความเป็นหนังญี่ปุ่นแท้ที่มักจะโลกสวยหรืออาจบอกได้ว่าจะดูเอามันส์ก็ได้จะดูเอาฮาก็ดีเหลือหลายหรือจะดูเอาความซาบซึ้งใจที่ไม่ขยี้ก็มีให้อย่างสมบูรณ์แบบ แถมยังมีเรื่องของการดูแลร่างกายอย่างชนิดที่ยังไงก็ต้องฉุกคิดร้ายจริงๆ ดูไปบ่นไป ขอบคุณภาพประกอบ ภาพปก จาก Instagram netflixjp ภาพที่ 1 / ภาพที่ 2,3,4,5,6,7 จาก Instagram warnerjp_official จะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !