9 หนังสงครามแห่งความทรงจำ สมรภูมิรบสะเทือนประวัติศาสตร์โลก
ข่าวสารวงการหนัง หนังสงครามโลก
"...มีแต่ผู้ที่สังเวยชีวิตในสงครามเท่านั้นที่ได้พบกับสันติภาพ" คำกล่าวจาก เพลโต นักปรัชญาชาวกรีกโบราณ ที่ยังถูกนำมาใช้ในยามสงครามเกิดขึ้นบนโลกใบนี้ สงครามไม่เคยเกิดขึ้นอย่างสงบสุข แต่ต้องแลกมาด้วยชีวิตและความรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างสองฝ่าย แม้เราจะไม่เคยได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ของสงคราม แต่ก็เคยเห็นจากภาพยนตร์หลายเรื่องที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างสมจริง
เพื่อต้อนรับการมาของ "1917" หนังสงครามโลกครั้งที่ 1 ที่มีเทคนิคงานสร้างที่ยอดเยี่ยม และเป็นหนึ่งในตัวเต็งรางวัลออสการ์ประจำปีนี้ Movie.TrueID อยากจะพาย้อนอดีตกลับไปสู่ห้วงเวลาของสงคราม ผ่านหนังแอคชันสงครามเรื่องเยี่ยมที่ยังคงติดตรึงอยู่ในใจคนดูมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา ที่กลายเป็นเครื่องเตือนใจของคนรุ่นใหม่ที่ว่า...สงครามไม่ใช่คำตอบของทุกอย่างเสมอไป
Black Hawk Down
หนังที่เต็มไปด้วยฉากบู๊ระห่ำท่ามกลางสมรภูมิสงคราม สร้างจากหนังสือขายดีของ มาร์ค โบว์เดน ที่ว่าถึงภารกิจกองทัพสหรัฐฯ ในยุทธการโมกาดิสชู ประเทศโซมาเลีย ในปี 1993 อีกหนึ่งผลงานเรื่องเยี่ยมของผู้กำกับ "ริดลีย์ สก็อตต์" ที่มีจุดเริ่มต้นจากเฮลิคอปเตอร์แบล็กฮ็อคถูกนักรบพื้นเมืองถูกยิงสอยร่วง กลายเป็นภารกิจหฤโหดท่ามกลางความดุเดือดของการเมือง
หนังเข้าฉายเมื่อช่วงปลายปี 2001 ก่อนจะคว้ารางวัลออสการ์มาครองได้ถึง 2 ตัว ทำเงินทั่วโลกไปกว่า 170 ล้านเหรียญ และยังเป็นหนังที่แจ้งเกิดให้กับนักแสดงหลายๆ คน เช่น จอช ฮาร์ตเน็ตต์, เอริก บานา, ยวน แม็กเกรเกอร์ และยังเป็นหนังเรื่องแรกของ ทอม ฮาร์ดี ด้วย
Hacksaw Ridge
หนังที่ได้เข้าชิงออสการ์ถึง 6 สาขา และคว้ารางวัลกลับบ้านไปได้ 2 ตัว ผลงานอันยอดเยี่ยมในฐานะผู้กำกับของ "เมล กิ๊บสัน" เป็นหนังสงครามที่ใช้ทุนสร้างปานกลาง แต่ทำเงินทั่วโลกไปได้กว่า 175 ล้านเหรียญ เชิดชูเรื่องราววีรกรรมในสงครามโลกครั้งที่ 2 ของ "สิบโทเดสมอนด์ ดอส" ทหารผู้ไม่จับปืน
เดสมอนด์ ดอส เข้าประจำการเป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังจากที่ญี่ปุ่นได้บุกโจมตีอ่านเพิร์ลฮาร์เบอร์ย่อยยับ เขาถูกส่งตัวไปที่แนวหน้าบนเกาะโอกินะวะ แต่ด้วยศรัทธาอันแรงกล้าที่ไม่เลือกใช้ความรุนแรง เขายึดมั่นที่จะไม่จับปืนและยิงเพื่อฆ่าใคร ทำให้กลายเป็นวีรกรรมอันกล้าหาญของนายทหารตัวเล็กๆ คนเดียว ที่เผชิญหน้ากับศัตรู เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษญ์ให้รอดตายกลางสมรภูมิสงคราม
Pearl Harbor
หากกล่าวถึงบาดแผลอันเจ็บปวดของกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็คงจะเป็นการบุกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวที่อ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ เกาะฮาวาย เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941 ที่ถือเป็นวันที่สหรัฐอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลกอย่างเป็นทางการ และนำพาไปอยู่โศกนาฏกรรมรุนแรงหลายอย่างที่เกิดขึ้นในสงครามครั้งนั้น
ผลงานการกำกับของ "ไมเคิล เบย์" ที่เล่าเรื่องรางภารกิจสงคราม ผสมผสานกับความรักโรแมนติกแบบรักสามเส้า กลายยเป็นหนังรักแอคชันที่ครองใจคนดู ทำเงินได้มากกว่า 450 ล้านเหรียญ และยังเข้าชิงออสการ์ได้ถึง 4 สาขา พร้อมกับแจ้งเกิดให้กับนักแสดงนำของเรื่องอย่าง เบน อัฟเฟลค, จอช ฮาร์ตเน็ตต์ หรือ เคท เบกคินเซล
Midway
อาจจะเป็นเรื่องราวต่อเนื่องจากเหตุโจมตีอ่าวเพิร์ลฮาร์เบอร์ หนังสงครามที่เพิ่งเข้าโรงฉายไปเมื่อไม่นาน ด้วยภารกิจของกองทัพเรือสหรัฐ ที่หมายมั่นจะเอาคืนและโจมตีกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่นให้ราบคาบ ในปฏิบัติการโจมตีย่านมิดเวย์ กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ที่เป็นหนึ่งในหนังแอคชันที่มีฉากเมามันส์ตลอด 2 ชั่วโมงของหนัง
จากผลงานของเจ้าพ่อหนังหายนะอย่าง "โรแลนด์ เอ็มเมอริช" ที่มาพร้อมกับทีมนักแสดงชั้นนำมากมาย หนังถูกจัดให้เป็นหนังกระแสรองที่มีทุนสร้างสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ (ไม่ใช่หนังบ็อกซ์บัสเตอร์) และถึงแม้ว่าหนังจะได้คำวิจารณ์ที่เสียงแตกกันออกไป แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จต่อคนดู กวาดเงินไปทั่วโลกกว่า 123 ล้านบาท
We Were Soldiers
จากสร้างหนังสือขายดีของผู้สื่อข่าวสงคราม โจล แอล. กาโลเวย์ ที่มีชื่อว่า 'We Were Soldiers Once…And Young' ที่เล่าถึงปฏิบัติการในสงครามเวียดนาม ในช่วงปี 1965 ของ พันโทแฮโรลด์ มัวร์ ที่นำทหารเพียงหยิบมือ เข้าสู่สมรภูมิลาดรัง ที่ถูกรอบล้อมด้วยทหารเวียดกงกว่า 4 พันนาย ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเสียสละและความสูญเสียที่เกิดขึ้นในสงคราม
หนังนำแสดงโดย "เมล กิ๊บสัน" ที่ได้ร่วมงานกับผู้กำกับ "แรนดัลล์ วอลเลซ" อีกครั้งหนึ่ง หนังเรื่องนี้อาจจะได้รับคำวิจารณ์เสียงแตกต่างกันออกไปบ้าง และไม่ได้มีบทบาทใดๆ บนเวทีรางวัล แต่ก็ถือเป็นหนังสงครามเวียดนามที่ยังตราตรึงใจ และกวาดเงินไปทั่วโลกราวๆ 115 ล้านเหรียญในช่วงเวลานั้น
Flags of Our Fathers
ผลงานอันยอดเยี่ยมของปู่ "คลินท์ อีสต์วูด" ในหนังสงครามฉากหลังเป็นสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการขยายความของรูปแบบที่กล่าวถึงมากที่สุดในช่วงสงคราม เหล่าทหารอเมริกันกำลังปักธงชาติบนดินแดนของจักรวรรดิญี่ปุ่น เป็นภาพที่เต็มไปด้วยความยิ่งใหญ่ แต่มีน้อยคนนักที่จะรู้เบื้องหลังความจริงที่เกิดขึ้นในภาพนั้น
หนังเล่าถึงปฏิบัติการทางการทหารบนเกาะไอโวชิมะ เพื่อยึดครองพื้นที่ของศัตรูในสงคราม ด้วยความเสียเปรียบเพราะคนท้องถิ่นได้วางรากฐานและคุ้นเคยกับสภาพพื้นที่มากกว่า จึงทำให้เกิดการปะทะและซุ่มโจมตีอยู่หลายครั้ง ลากยาวไปเป็นเดือนๆ กว่าจะตีพ่าย และยังมี Letters from Iwo Jima หนังที่ออกมาคู่กันกับเรื่องนี้ ผลงานของปู่คลินท์ ที่เป็นมุมมองจากฝ่ายญี่ปุ่น หากได้ดูควบกันไปจะสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
The Hurt Locker
นี่คือหนังรางวัลออสการ์ เมื่อปี 2010 ผลงานของผู้กำกับหญิง "แคธริน บิเกโลว์" ที่คว้ารางวัลมาได้ถึง 6 ตัว จากการเข้าชิง 9 สาขา เป็นหนังที่เล่าถึงภารกิจในสมรภูมิสงครามยุคใหม่ อย่าง สงครามอิรัก หลังจากเหตุการณ์ 11 กันยายนผ่านมาแล้ว โดยเน้นที่ตัวละครหลัก จ่าสิบโทวิลเลียม เจมส์ หน่วยเก็บกู้วัตถุระเบิด
โดยเขาต้องมาประจำการแทนทีมเก็บกู้ระเบิดที่เสียชีวิตระหว่างหน้าที่ ท่ามกลางความไม่ไว้วางใจในพื้นที่การรบ หนังยังได้ตีแผ่ให้เห็นสภาวะและความตึงเครียดในการทำงานที่ต้องเสี่ยงชีวิตในทุกๆ วัน โดยไม่มีใครคาดเดาใดๆ ได้ว่า การเก็บวัตถุระเบิดในแต่ละครั้งนั้น ระเบิดจะปะทุขึ้นมาเมื่อใด
Saving Private Ryan
หลายคนน่าจะยังคงจดจำหนังสงครามเรื่องนี้ได้อยู่ เจ้าของรางวัลออสการ์ 5 ตัว จากการเข้าชิง 11 สาขา ผลงานอันดีเด่นของ "สตีเวน สปีลเบิร์ก" กวาดรายได้ทั่วโลกไปมากกว่า 480 ล้านเหรียญ กลายเป็นอีกหนึ่งผลงานขึ้นหึงในชีวิตการทำงานของเขา และนักแสดงอย่าง ทอม แฮงก์ส, แมตต์ เดมอน หรือ เอ็ดเวิร์ด เบิร์นส์ กลายเป็นที่จดจำ
หนังเล่าถึงภารกิจของกัปตันจอห์น มิลเลอร์ ที่หลังจากเข้ายึดหัวเมืองนอร์มังดี ประเทศฝรั่งเศสได้แล้ว ต้องออกไปติดตามหาตัว พลทหารไรอัน ลูกคนสุดท้ายของครอบครัวให้กลับบ้าน หลังจากที่พี่ชายทั้ง 3 คนของเขาได้สังเวยชีวิตในสงครามไปหมดแล้ว จึงกลายเป็นภารกิจเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ที่แลกมาด้วยความเสียสละอย่างใหญ่หลวง
Dunkirk
ขึ้นชื่อว่าเป็นผลงานของ "คริสโตเนอร์ โนแลน" ย่อมต้องไม่ธรรมดา เมื่อมาหยิบจับนำหนังสงครามโลกครั้ง 2 ด้วยแล้ว ก็ต้องยิ่งใหญ่กว่าเก่า หนังที่มีเทคนิคงานสร้างที่แพรวพราว ทั้งมุมภาพและมุมกล้องที่ยอดเยี่ยม โดยเหล่าถึงภารกิจการอพยพออกจากหาดดันเคิร์ก ที่ถูกฝ่ายศัตรูปิดล้อมเอาไว้
หนังเรื่องนี้ได้ใช้วิธีการเล่าเรื่องเหตุการณ์เดียวกัน แต่ผ่านมุมมองใน 3 ส่วน ทั้งภาคพื้นดิน ภาคพื้นอากาศ และภาคพื้นทะเล ทำมาเชื่อมต่อกันได้อย่างลงตัว เพื่อหาทางช่วยเหลือเหล่าทหารฝ่ายสัมพันธมิตรกว่า 4 แสนนาย ที่ถูกต้อนจนมุมอยู่ริมชายหาด กลับบ้านให้จนได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
รีวิว "1917" กับ 6 เหตุผลที่สมควรดู "แซม เมนเดส" สร้างหนังสงครามที่ดีที่สุด
1917 เทคนิคแพรวพราว "แซม เมนเดส" ถ่ายทำแบบ One Shot ไม่สั่งคัท
1917 จากเรื่องเล่าของปู่ สู่หนังแอคชั่นสงครามฟอร์มดี การันตีด้วยรางวัล
1917 ห้วงเวลาคือศัตรู เปิดฉากกลางสงครามระทึก จากผู้สร้างหนังเจมส์ บอนด์
----------------------------------------------------