รีเซต

ยีน เกวลิน เผยชีวิตรักหนักหน่วง แฉเดือดแฟนเก่า “ทำร้าย-กักขัง-ข่มขู่”

ยีน เกวลิน เผยชีวิตรักหนักหน่วง แฉเดือดแฟนเก่า “ทำร้าย-กักขัง-ข่มขู่”
ข่าวสด
5 มกราคม 2565 ( 12:24 )
252

ชีวิตจริงยิ่งกว่าละคร! ยีน เกวลิน เผยเรื่องราวความรักสุดหนักหน่วง แฉวีรกรรมแฟนเก่า “ทวงของ-ทำร้าย-กักขัง-ข่มขู่”

เปิดใจหมดเปลือกครั้งแรกถึงเรื่องราวความรักสุดระทม สำหรับนางเอกสาว ยีน เกวลิน ศรีวรรณา ซึ่งกำลังมีผลงานละคร มัจฉาอันดา ทางช่อง8 ถึงผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นบรรดา “แฟนเก่า” กับพฤติกรรมสุดแปลกและหนักหน่วงที่ตนเองต้องเจอมาตลอดในช่วงที่คบหากัน

ทั้งนี้ ยีน เกวลิน ได้เริ่มต้นเล่าให้ “ข่าวสดบันเทิงออนไลน์” ฟังว่า “สมัยก่อนเคยมีแฟนเป็นคนไทยที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไฮโซ ด้วยความที่เราทำมาหากินเองได้ ไม่ต้องพึ่งเงินฝ่ายชาย สิ่งที่เขาให้เรามาทุกอย่างมันคือตามโอกาสและเทศกาลที่เขาปรนเปรอเรา ซึ่งเป็นสิ่งที่แฟนกันทำให้กันได้อยู่แล้ว ไม่ได้เดือดร้อนเขา”

แต่วันที่เลิกกลับกลายเป็นว่าเขาทวงทุกอย่างจากเราคืน เฮ้ย! คุณมียิ่งกว่าเราไม่รู้กี่ล้านเท่า แต่คุณทวงจากเราคืนมันหมายความว่าอะไร บอกเลยว่าช็อกไม่คิดว่าเราจะเจอกับตัวเอง แล้วมันเป็นอะไรที่โคตรเสียความรู้สึกเลย เราคบเขามา 3 ปีกว่าได้”

“ครั้งแรกที่เหมือนขอห่างกัน เขาก็พูดถึงว่าแล้วเงินนั้นจะคืนเมื่อไหร่ เราเลยคิดอยู่ในใจว่าแล้วความเสียหายของเราล่ะในเวลาที่เราต้องออกไปกับเขา กลายเป็นว่าเขามองเป็นธุรกิจ แล้วคุณไม่เคยคิดเลยเหรอว่าเราต้องเสียเวลากับการที่ไม่ไปงานอีเวนต์นี้เพื่อเขา เราก็สูญเสียของเราเหมือนกัน”

แล้วพอโดนทวงมาได้คืนเขาไหม? “ไม่ค่ะ เอาตรงๆ นะเขาฟ้องเราเลย มีจดหมายส่งมาที่บ้านว่านางสาวเกวลินและครอบครัวอย่างนั้นอย่างนี้ พอดีตอนนั้นคุยกับพี่ดิว(อริสรา)เขาเลยแนะนำทนายมาให้ เราก็เลยให้ทนายช่วยดูให้หน่อยว่าเคสแบบนี้มันสามารถที่จะฟ้องร้องกันได้หรือเปล่า

“ทนายบอกว่าเคสนี้มันคือเคสที่คบกันด้วยความเสน่หา ไม่ใช่คุณมีพันธะสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร ทุกคนรู้เห็นว่าเรามีการคบหากันเป็นแฟน การที่คุณมาทวงแบบนี้คืออะไร แต่มีของแบรนด์เนมบางอย่างที่เราคืนเขาไปนะคะ เพราะเขาทวง ไม่เอาก็ได้ค่ะ อยากได้คืนก็เอาไป เนี่ยมันเป็นอะไรที่แบบรู้สึกแย่มาก”

หนีเสือปะจระเข้เพราะดันเจอคนใหม่ที่หนักกว่า? “ใช่ๆ หนีเสือปะจระเข้เลย หลังจากเลิกกับคนนั้นไป พอมันมีเคสทวงของเกิดขึ้นเราก็รู้สึกขยาดผู้ชายไทยไประยะหนึ่งเลยอ่ะ แล้วทีนี้ก็เลยย้ายประเทศ คนที่มาคบกันจริงๆ คือเป็นคนสิงคโปร์”

“ประเด็นคือคบกันเดือนแรกไม่มีปัญหากันสักเท่าไหร่ แต่เราเริ่มรู้สึกแล้วว่าเขาเหมือนมีปัญหาเวลาที่เขาทำอะไรบางอย่างให้แล้วเราแค่ Thank you อย่างเดียวไม่ได้ แต่เขาต้องการคำพูดที่มันสวยหรูกว่านั้น เช่นว่าขอบคุณนะที่ช่วยดูแลฉันในประเทศสิงคโปร์ที่ทำให้ฉันมีชีวิตใหม่”

“และปัญหาอยู่ที่ว่าพอเขาไม่จบเขาอารมณ์เสียใส่เรา แล้วเขาลงไม้ลงมือ ทำเดี๋ยวนี้! บังคับให้เราโพสต์ลงในไอจีด้วย ถ้าเราไม่ทำเขาก็คือจัดการเราเลยนะ ภาพทุกวันนี้คือยังมีอยู่เลย นี่ส่งให้เพื่อนที่สิงคโปร์บอกว่าถ้าสมมติวันหนึ่งมันเกิดอะไรขึ้นกับเราฝากแจ้งความด้วยนะ”

เจอเหตุการณ์อะไรบ้าง? “คบกันเดือนที่สองเขามาเที่ยวที่กรุงเทพฯ แล้วมีการจองห้องพักและซ่อนดอกไม้เอาไว้ในตู้เสื้อผ้า เราก็พูดกับเขาเอาว่าจริงๆ ไม่ต้องเตรียมอะไรให้เราเลย แค่มาหาเราก็แฮปปี้แล้ว กลายเป็นเขาถามว่าแน่ใจนะว่าไม่ต้องการอะไร แล้วเขาก็เดินไปที่ตู้เสื้อผ้าคว้าเอาช่อดอกไม้มาเขวี้ยงใส่ถังขยะเลย”

“ตอนนั้นช็อกมากว่าฉันทำความผิดรุนแรงถึงขนาดที่ทำให้เขาต้องเขวี้ยงดอกไม้ลงถังขยะเดี๋ยวนั้นเลยเหรอ แล้วคือเขาตะโกนด่าเราเลวทรามต่ำช้ามากว่าเราเป็นคนไร้ชาติไร้สกุล โอ๊ย! คือช่วงที่คบเขาในระยะเวลาหนึ่งปีเป็นอะไรที่เรารู้สึกเหมือนด้อยค่าลงไปทันทีเมื่ออยู่กับคนๆ นี้”

โดนทำร้ายร่างกายด้วย? “ใช่ค่ะ คือเวลาเขาจะพูดอะไรเราต้องลงมานั่งเพื่อฟังและจ้องหน้าเขา ไม่ใช่ว่าจะฟังและทำอะไรไปด้วยได้ พอเขาพูดว่าให้มานั่งตรงนี้มันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก ซึ่งเรารู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่สำคัญของเขามันไม่มีอะไรเลย ตอนนั้นยีนก็เลยบอกว่าพูดมาเลยไม่เป็นไรเดี๋ยวเราทำสองอย่างพร้อมกันได้”

“คือหูเราฟัง มือเราก็จัดของไปด้วย แต่เขาบอกไม่ได้แล้วก็มาลากมากระชากเรา สักพักเราก็หันไปจัดของต่อ แล้วเขาก็จับฝาตู้ป้าบใส่หน้าเราแบบนี้เลย หลังหูบุบเลยอ่ะ ช็อกเลย! ฝาตู้มันตบเข้ามาที่หูเราผ่าหน้าเราไป เขาไม่ขอโทษเลย นี่ก็คือหันไปบอกว่ามันจำเป็นต้องถึงขั้นนี้เลยเหรอ”

กักขังและข่มขู่? “เขาด่าเลยนะว่าอีกะ-รี่ มึงต้องอยู่ที่นี่ ถ้ามึงจะออกไปนะมึงไม่ต้องเหยียบสิงคโปร์อีก มึงมันอีนางขายตัว เขาพูดอะไรออกมาอ่ะ จริงๆ เราไม่รู้สึกว่าโกรธอะไรเพราะเราก็ไม่ได้เป็นแบบนั้น แต่เรารู้สึกว่าอีนี่มันไม่ให้เกียรติเราแล้วอ่ะ”

“เขาก็คือด่าเราและยืนขวางประตู มันมีประตูทางออกอยู่แค่ทางเดียวคือถ้าเราไปผลักเขา เขาก็ผลักเราย้อนกลับเลย เข่าเขียวเข่าแหกบ้างอะไรบ้าง

“อยู่ที่นั่นประมาณ 10 เดือนกว่า เขาไม่เชิงว่าไม่ให้ออกไปไหน มีอย่างเดียวที่ทำได้คือต้องกลับไทยเดือนละครั้ง เพราะพาสปอร์ตเรามันอยู่ได้แค่เดือนละครั้ง อันนี้คือเรื่องที่เราต้องเอาตัวรอดเอง พอเรารู้ว่าเขาเป็นแบบนี้ทุกเดือนเราก็จะเริ่มค่อยๆ ทยอยของของเรากลับแบบไม่ให้เขารู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่”

สุดท้ายหลุดออกมาจากชีวิตผู้ชายคนนี้ได้ยังไง? “หลุดออกมาเพราะเรื่องของโควิดนี่แหละ จริงๆ ต้องขอบคุณโควิดมากเลยที่มันเหมือนมาช่วยชีวิตเรา ตอนนั้นพอเราได้กลับมาเมืองไทยแล้วเป็นช่วงที่ล็อกดาวน์ประเทศพอดี ประเทศเขาก็เหมือนกันไม่มีการให้คนนอกเข้าประเทศ”

“แต่เขาเป็นคนบอกเลิก เนื่องจากว่าเหมือนเราบอกปัดที่จะไปหาเขาตลอด คือมันจะมีช่วงที่เริ่มคลายล็อกดาวน์แล้ว แต่เราก็อ้างว่าตอนนี้เราเซ็นสัญญาต่อกับทางช่อง8 แล้ว เพราะว่าคำพูดนี้จะเป็นอะไรที่ทำให้เขาตัดเราได้เร็วที่สุดเพราะเขาต้องการจะเอาเราไปอยู่ที่นู่นเลย”

“ช่วงหนึ่งยีนไม่ได้รับละครที่เมืองไทยมา 3 เรื่องเพราะยีนถูกขู่ ที่หายไปจากวงการบันเทิงไม่ใช่เราปฏิเสธเพราะว่าเรานิสัยไม่ดีหรืออะไร แต่เราต้องปฏิเสธ เพราะเขาขู่เราว่าถ้าเรากลับเมืองไทยไปทำงานเขาจะทำอย่างนั้นอย่างนี้”

ทำไมทนอยู่มาตั้งเป็นปี? “สาเหตุที่ต้องทนอยู่คือเราเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของตัวเองด้วย เขาขู่ว่ารู้ความลับของเรา เราก็จะแบบเขาไปรู้มาได้ยังไงซึ่งเราไม่ได้ทำอะไรผิดด้วย แล้วเขาบอกว่าเขาไม่มีอะไรจะเสียนะ เราต่างหากที่จะต้องเสีย คือเขาสามารถที่จะปั้นเรื่องเพื่อมาทำลายชีวิตเราได้อ่ะ”

“เจอแปลกและหนักมากเลย คือเราไม่เคยคิดว่าแบบเฮ้ย! เราใช้ชีวิตเกิดมาเราจำเป็นจะต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเหรอ เรื่องเหล่านี้ไม่มีใครรู้เลยเพราะไม่เคยเล่าให้ใครฟังด้วย”

อุทาหรณ์ถึงผู้หญิง? “เรื่องที่แชร์มันเป็นอะไรที่ยีนประสบมาตรงๆ เราไม่ควรที่จะให้ผู้ชายหรือคนที่มีอำนาจมากกว่ามากดขี่ข่มเหง ตราบใดที่เรายังมีแรงทำเราทำเองดีกว่า อย่าให้คนมองว่าผู้หญิงเป็นเพศที่อ่อนแอ มันไม่ใช่ ที่ผ่านมาเราอาจจะอ่อนแอทางร่างกาย แต่จิตใจเราไม่เคยอ่อนแอเลย”