ช่วงหน้าฝนแบบนี้มันเป็นช่วงที่ทำให้เราทุกคนหวนคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆ เส้นทางที่เราเคยเดินจากมาและรู้ดีว่าไม่มีทางกลับไปรู้สึกสิ่งต่างๆเหล่านั้นได้อีก เราต่างคิดถึงสถานที่ คิดถึงบรรยากาศ รวมทั้งคิดถึง "คนๆนั้น" ที่อยู่เคียงข้างเราไม่ว่าจะสุขหรือเศร้า แต่ทุกอย่างย่อมกลายเป็นเพียงความทรงจำที่เรามองย้อนกลับไปในวันที่หมดกำลังใจ นั่นแหละคือเรื่องราวของภาพยนตร์ที่ผมจะมารีวิวในวันนี้ ภาพยนตร์เรื่อง Blue Jay (2016) ที่เป็นของ Netflix โดยตรง ซึ่งเล่าเรื่องของ Jim กับ Amanda ที่กลับมาเจอกันหลังจากเลิกติดต่อกันไปเมื่อ 20 ปีก่อนด้วยเหตุการณ์บางอย่าง การพบกันรอบนี้ทั้งคู่ได้เรียนรู้ถึงความเป็นไปในช่วงเวลาที่พวกเขาไม่ได้คุยกัน อดีตอันหอมหวานค่อยๆหวนกลับคืนมา และตั้งข้อสงสัยว่า "ถ้าเกิด" พวกเขาทั้งสองไม่ได้เลิกรักกันในวันนั้น วันนี้ชีวิตของแต่ละคนจะเป็นยังไง ใครที่อยากรับชม สามารถรับชมได้แล้วที่ Netflix - Blue Jay แต่ถ้ายังตัดสินใจอยู่ลองอ่านบทความนี้ก่อนได้ครับ (การรีวิวจะไม่มีการสปอยล์เนื้อหาภาพยนตร์) รีวิว กฎของเวลาคือมันไม่สามารถย้อนกลับ ภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนพาเราไปสำรวจอดีตของสองตัวละครผ่านการเจอกันในปัจจุบัน ว่าพวกเขาทั้งสองเคยรักกันมาแค่ไหน พาคนดูค่อยๆดำดิ่งและเรียนรู้เรื่องราวที่ขาดหายไปในช่วงที่ไม่ได้ติดต่อกันไปพร้อมกับตัวละครทั้งสอง รวมถึงถวิลหาช่วงเวลาในอดีตเมื่อพูดคุยถึงเรื่องราวเมื่อพวกเขายังเป็นเด็ก เริ่มที่จะรู้จักคำว่ารัก ใช้ชีวิตสุดโต่ง แต่ท้ายที่สุดแล้วก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่ามันคงเป็นเพียงแค่ความทรงจำ จากประโยคที่ Amanda พูดออกมาในเรื่องถึงตัวพวกเขาในอดีต "เด็กโง่พวกนั้นรู้อะไรบางอย่าง พวกเขารู้จักกับเวทมนตร์"เราสามารถรับรู้ความรู้สึกของตัวละครที่กำลังมองย้อนกลับไปได้ว่าชีวิตพวกเขามันเคยง่ายกว่านี้ จะไปไหน จะทำอะไร พวกเขาก็ยังเป็นแค่เด็กซนๆสองคนในโลกอันกว้างใหญ่ ก่อนที่พวกเขาจะต้องเติบโตขึ้นและพบกับสิ่งที่เรียกว่า "ชีวิต" ซึ่งเรื่องนี้เป็นอะไรที่ถูกขับเคลื่อนโดยอารมณ์ล้วนและผมเชื่อว่าทุกคนสามารถเข้าใจมันได้ เพราะเราทุกคนล้วนคิดถึงใครบางคนในช่วงเวลาเสมอ โดยหวังลึกๆว่าถ้ากลับมาเจอกันจะพยายามทำให้อย่างดีขึ้นจากเดิม สิ่งนั้นเป็นสิ่งที่สองตัละครเชื่อเสมอมาแต่ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิมแล้ว หลายๆอย่างเกิดขึ้นในชีวิตทำให้เราต้องก้าวเดินต่อไปโดยอาจจะไม่ได้มีกันและกัน การถ่ายทำนั้นใช้ภาพขาวดำตลอดทั้งเรื่องเพื่อเป็นภาพแทนของความทรงจำและกระตุ้นให้คนดูมีความรู้สึกร่วมกับตัวละครเหมือนว่าเราจำลองการใช้ชีวิตเป็นพวกเขาจริงๆ เพราะเราต่างน่าจะมีเหตุการณ์แบบใน Blue Jay เป็นของตัวเองBlue Jay ชื่อเรื่องจะสื่อถึงอะไร? นก Blue Jay นั้นเป็นสัญลักษณ์ของสัตว์ทางจิตวิญญาณ (Spirit Animal) ที่แสดงถึง ความสามารถในการสื่อสารและความสัมพันธ์อันเหนียวแน่นที่ไม่มีวันขาดออกจากกัน ซึ่งสะท้อนถึงสองตัวละครหลักที่ใช้การเล่าเรื่องชีวิตตัวเองพาทั้งสองให้เรียนรู้จิตใจของกันและกันมากขึ้นไปอีกขั้น รวมถึงยังบอกอีกว่าถึงแม้วันนี้เราจะไม่มีกันแต่ครั้งนึงทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมันเป็นความจริง เรื่องราวเหล่านั้นแม้ไม่ได้ถูกสานต่อ แต่มันก็ยังทิ้งรอยอะไรบางอย่างไว้เพื่อที่สานสัมพันธ์เราสอตลอดไป ขนนกสีฟ้าของ Blue Jay ยังถูกตีความหมายไว้มากมายเช่น การที่บอกว่าเรื่องทุกอย่างจะดีขึ้นและแสดงถึงการเยียวยาทางจิตใจอีกด้วย ซึ่งมันเหมืนอกับว่าตัวเอกทั้งสองได้มอบขนนกให้กันและกันเพื่อที่เมื่อทุกอย่างดีขึ้น พวกเขาก็พร้อมจะลุกขึ้นสู้อีกครั้งต้องบอกเลยว่าเรื่องนี้มอบประสบการณืที่แตกต่างออกไปให้กับแต่ละคน เพราะเหมอนที่ผมเกริ่นไว้ตอนต้นว่าแต่ละคนที่อ่านบทความนี้จะมี "คนๆนั้น" เป็นของตัวเองเปรียบเสมือนมีนก Blue Jay ที่คอยอยู่กับเราเสมอในวันที่เราท้อแท้หรือรู้สสึกที่จะอยากหยุดเดิน การได้กลับไปเจอใครบางคนในอดีตที่เราถวิลหาอาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในวันที่เราอยากยอมแพ้ อาจจะไม่ใช่เพราะเราต้องการกลับไปเริ่มต้นอะไรกับเขาแต่เขาเป็นคนบางคนที่บอกเราได้วjาแต่ก่อนเราเคยมีความสุขแค่ไหน เผื่อว่าเราจะพยายามสร้างความสุขให้ตัวเองได้อีกครั้ง สามารถรับชมเรื่อง Blue Jay ได้แล้วทาง Netflix และสามารถรับชมผ่านกล่อง True ID TV ได้แล้ววันนี้รับรองว่าคุณจะไม่ผิดหวัง ขอขอบคุณรูปภาพจาก IMDBภาพหน้าปก/ ภาพที่ 1/ ภาพที่ 2/ ภาพที่ 3/ ภาพที่ 4