"Titanic ครบรอบ 25 ปี" กลับมาฉายทั้งที ควรดูแบบ IMAX 3D ดีไหม?
หลังจากสร้างปรากฎการณ์ถล่มรายได้ข้ามไปกับ ‘Avatar: The Way of Water’ ก็ได้ฤกษ์ที่ ‘Titanic’ สุดยอดภาพยนตร์เกียรติยศกวาด 11 รางวัลออสการ์จะกลับมาฉายใหม่อีกครั้ง โดยความพิเศษคราวนี้คือการกลับมาเยือนโรง IMAX อีกครั้งหลังจากฉายในระบบ IMAX3D เมื่อ 11 ปีก่อนด้วยฟิล์ม 70 มม. โดยคราวนี้เป็นการฉายในระบบ 3D ด้วยเครื่องฉายเลเซอร์ในนาม ‘IMAX Laser3D’ และมีการรีมาสเตอร์ภาพบางส่วนให้ฉายเป็นระบบไฮเฟรมเรทได้เหมือน ‘Avatar’ แต่สำหรับใครที่กำลังลังเลว่าจะตีตั๋วชม ‘Titanic’ ที่กลับมาฉายใหม่ในโรง ‘IMAX With Laser’ หรือไม่ Beartai Buzz ขอให้ข้อมูลเบื้องต้นประกอบการตัดสินใจชม
งานภาพที่ถูกปรับปรุงใหม่
ก่อนอื่นเรามาดูความแตกต่างระหว่าง ‘Titanic’ เวอร์ชันต้นฉบับที่ฉายในปี 1997 และฉบับ IMAX ฟิลม์ 70 มม. ในปี 2012 ก่อนนะครับ โดยในครั้งแรกที่มีการรีมาสเตอร์ภาพ ได้มีการปรับในสองส่วนสำคัญคือการสแกนฟิล์มเป็นดิจิทัล (Telecine) และมีการอัปสเกลลิงในส่วนความคมชัดเป็น 4K และเนื่องจากเป็นการฉายในระบบ IMAX จึงมีการเพิ่มอัตราส่วนภาพจากเดิม 2.39:1 เป็น 1.78:1 และ 1.33:1 ในเวอร์ชัน IMAX ที่ฉายในปี 2012 ส่วนเวอร์ชันครบรอบ 25 ปีที่ฉายในปี 2023 อัตราส่วนภาพจะกลับไปใช้ 2.39:1 เหมือนต้นฉบับ แต่มีการปรับปรุงในส่วนของHDR ภาพให้คมชัดและให้คอนทราสต์สีสันดีขึ้น แถมยังมีบางฉากที่ถูกพัฒนาให้เป็นไฮเฟรมเรตหรือ HFR เพื่อการแสดงผลภาพ 3 มิติที่ดีขึ้นอีกด้วยครับ
งานภาพ 3 มิติ
สำหรับสิ่งที่ถือเป็นไฮไลต์ของการฉาย ‘Titanic’ รอบนี้คือการนำกลับเข้าโรง IMAX เป็นรอบที่ 2 แต่ด้วยเทคโนโลยี HFR ที่เราได้กล่าวไปส่งผลให้งานภาพ 3 มิติในการฉายครั้งนี้แสดงผลได้ดีมากขึ้น และจากการทดลองถอดแว่นเพื่อชมภาพด้วยตาเปล่าพบว่ามีการแทรกเฟรมภาพที่เป็น 2 มิติน้อยมาก และที่สำคัญคือในฉากที่เป็นดรามาธรรมดาเราจะสังเกตได้เลยว่า คาเมรอน ได้ดีไซน์ให้งานภาพ 3 มิติสอดรับกับการเล่าเรื่องได้ดีมากไม่แพ้ฉากวินาศสันตะโรตอนท้ายที่บอกเลยว่าพอเป็น 3D ความน่ากลัวของเรืออัปปางยิ่งทวีคูณ
เครื่องฉายเลเซอร์
การเปลี่ยนเครื่องฉายเป็นเลเซอร์ของโรง IMAX ทั้งพารากอน และ ไอคอนสยาม รวมถึงการเพิ่มโรงใหม่ที่ เมกาบางนา (Mega Bangna) จะทำให้การชม ‘Titanic’ ครั้งนี้ชวนอินกว่าทุกครั้ง เพราะพอไฟล์หนังที่ฉายมีความละเอียดถึง 4K และงานภาพมีการพัฒนาในส่วนของ HDR แล้ว เลยทำให้หลายซีนของหนังทำงานกับหัวใจผู้ชมได้ดีขึ้นประหนึ่งเพิ่งชมครั้งแรก ตั้งแต่สีสันคอสตูมตัวละครที่บอกได้เลยว่าเหมือนเพิ่งรู้ว่าสีชุดจริง ๆ เป็นยังไง ไปจนถึงฉากในความทรงจำที่แทนสายตาของ โรส มองขึ้นมาบนเรือเห็นแจ็กพร้อมพลุแฟลร์ที่บอกได้เลยว่าความหล่อของลีโอนาร์โด และสีสันของพลุด้านหลังน่าจะทำให้สาว ๆ ตกหลุมรักเขาอีกครั้งได้เลยล่ะครับ
ไม่มีฉากภาพขยาย
สิ่งที่น่าจะเป็นจุดบอดเดียวของ ‘Titanic’ เวอร์ชันนี้คือการที่หนังเลือกฉายอัตราส่วนเดียวคือ 2.39:1 แต่ข้อดีก็คือการที่มันครบรอบ 25 ปีนั่นหมายถึงการพาผู้ชมกล้บไปสัมผัสประสบการณ์แรกที่เคยชมในโรงหรือแม้แต่ในฉบับโฮมเอ็นเตอร์เทนเมนต์ ซึ่งข้อดีของการใช้อัตราส่วนเดิมทำให้ความตั้งใจแรกของเจมส์ คาเมรอน (James Cameron) ผู้กำกับหนังถูกถ่ายทอดออกมาอีกครั้ง แต่ก็มีในส่วนของ HDR และ HFR มาเพิ่มประสบการณ์ชมครั้งใหม่นี้ครับ
ข้อควรระวังสำหรับผู้มีความไวต่อแสง
สิ่งหนึ่งที่เป็นผลกระทบจากการปรับปรุงภาพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือการแสดงผลของสีสันภาพ ประกอบกับการวางที่นั่งในโรง IMAX ก็ทำให้ระยะสายตากับจอภาพใกล้กันมากกว่าปกติ แต่ ‘Titanic’ มีฉากช่วงเรือใกล้อัปปางที่ถ่ายทอดให้เห็นช่วงเวลาที่ไฟฟ้าในเรือขัดข้อง ซึ่งแน่นอนว่าแสงไฟกระพริบที่ปรากฎบนจอรบกวนการรับชมพอสมควรเลย ซึ่งส่งผลให้ผู้ที่สายตามีความไวต่อแสง อาจต้องหลับตาไปช่วงเวลาหนึ่งเลยครับ
‘Titanic’ กลับมาฉายอีกครั้งทั้งในระบบIMAX 3D, Digital 3D และฉบับปกติ ระหว่างวันที่ 9 กุมภาพันธ์ถึง 14 กุมภาพันธ์ 2566