สวัสดีครับทุกคน วันนี้กลับมาแล้วครับพร้อมกับเรื่อง Sonic The Hedgehog ครับ สำหรับคนที่ยังไม่รู้จักนะครับ เจ้าตัวสีฟ้าผมตั้งตัวนี้เป็นตัวละครจากเกมครับ โดยพื้นฐานแล้วเนี่ย เขาเป็นเม่นแต่ไม่ใช่เม่นธรรมดานะครับ ทักษาะที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิดก็คือความเร็วเหนือเสียง ไวชนิดที่ว่า เวลาวิ่ง นะครับ คนอื่นจะเห็นเป็นเพียงแค่แสงสีฟ้าผ่านเท่านั้นเอง นี่คือสิ่งที่ผมจำได้ในตอนเด็กครับ เอาตรง ๆ เลยนะครับว่าผมก็ไม่ได้รู้สึกผูกพันหรือเป็นแฟนคลับอะไรของเจ้า Sonic มากมายเท่าไหร่นัก เคยเล่นเกมก็จริงครับ เป็นภาพ 2 มิติวิ่งเก็บห่วงสีทองตามด่านต่าง ๆ รู้สึกว่ามันยากกว่ามาริโอ้อยู่เยอะเลยล่ะครับ ยังไงก็ดีครับ เจ้านี่ก็ถือว่าเป็นมาสคอตในตำนาน ที่แฟน ๆ เกมเนี่ยหลายคนก็รักและชื่นชอบ เราพูดถึงหนังกันบ้างดีกว่าครับ ตัว Sonic The Hedgehog นะครับ เดิมทีเนี่ยจะต้องฉายตั้งแต่ปลายปีที่แล้วแล้วครับ ทว่ากลับถูกเลื่อนออกไปจากปัญหาเรื่องรูปลักษณ์ คาแรคเตอร์ของมันครับที่ไม่เหมือนกับในเกมที่ออกแบบเอาไว้ ในตอนนั้นเรียกได้ว่าเป็นประเด็นดราม่ากันทั่วโลกเลยแหละครับ แฟนคลับของ Sonic นี่ประกาศชัดเลยว่า ถ้าเป็นแบบนี้จริง ๆ จะไม่ไปดูหนังแน่นอน ไอตอนนั้นเราที่เป็นคอหนังนะครับก็ได้แต่ลุ้นว่าเรื่องนี้จะจบยังไง สุดท้ายครับทางผู้สร้างก็ยอมถอย กลับไปออกแบบตัวละครใหม่ตั้งแต่ต้น ถือว่าเป็นเรื่องที่หายากมาก ๆ นะครับ สำหรับในวงการภาพยนตร์ที่ผู้สร้างไม่ดื้อดึง แล้วก็ยอมอ่อนข้อตามเสียงของแฟนคลับ ถ้าเกิดว่าเป็นคนอื่นหรอครับ ไม่มีทางครับ จากที่ตอนแรกดูเหมือนมนุษย์ก็ดูมีความเป็นการ์ตูนมากขึ้นครับ น่ารักขึ้น แฟน ๆ Sonic ทั่วโลกก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนอีกครั้ง อย่างไรก็ดีครับ ตัวผมก็ยังรู้สึกเฉย ๆ ก็บอกแล้วครับว่าผมนี่ไม่ใช่แฟน Sonic อีกทั้งยังขยาดพวกหนังจากเกมอยู่พอสมควรครับ แต่เรื่องที่สร้างออกมาก็ต้องขอบอกว่าดูไม่จืดเท่าไหร่ เรื่องย่อของ Sonic The Hedgehog นะครับ มันง่ายมาก ๆ เจ้า Sonic เม่นสายฟ้าจะต่างดาวที่เกิดมาพร้อมกับพลังวิเศษที่ไม่เหมือนใคร ตั้งแต่เด็กแล้วแหละครับที่เขาต้องคอยหลบหนี จากพวกที่ต้องการตามล่าเขาอยู่เสมอ และต่อมาชะตาก็ได้นำพาให้เขาระหกระเหินมาซ่อนตัวอยู่ในโลกมนุษย์ ณ เมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่ากรีนฮิลล์โดยไม่มีใครรู้ ผ่านไปหลายปี เหตุการณ์กลับซ้ำรอยเดิมครับ เริ่มมีผู้คนตระหนักถึงพลังแปลกประหลาดจากตัวของ Sonic พร้อมกับออกตามล่าเขา เจ้าเม่นจะทำยังไง เขาจะต้องเผชิญหน้าทุกอย่างด้วยตัวคนเดียวอีกไหม ติดตามได้ในภาพยนตร์ครับ ความคิดแรกหลังดูจบเนี่ยก็คือ มันก็ดีครับ ดีมากกว่าที่คิดไว้เยอะเลย ดูง่าย บันเทิงครบรสสุด ๆ ครับ คือต้องบอกอย่างนี้เลยครับว่า Sonic The Hedgehog เนี่ยมันเป็นหนังที่ไม่ต้องมีการตีความใด ๆ ทั้งสิ้นครับ เล่ากันแบบตรงไปตรงมา ธรรมะสู้กับอธรรม เพื่อนพ้อง พลังแห่งมิตรภาพ ทุกอย่างที่มันครีเช่ครับ คุณจะได้เห็นในหนังเรื่องนี้หมดเลย แล้วแบบนี้มันดียังไงล่ะ หนังแบบนี้เราดูกันจนเอียนแล้วหรือเปล่า ต้องบอกแบบนี้ครับ Sonic The Hedgehog เนี่ยเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ที่ดูซ้ำซากก็จริง แต่ในลึก ๆ รายละเอียดแล้วนะครับ มันก็ถูกสร้างมาอย่างประณีตแล้วก็ตั้งใจมาก ๆ ครับ ช่วงแรกจะมีการปูเรื่องราวอย่างดี ให้คนที่ไม่เคยรู้จักได้รู้จัก ทำให้ผมเนี่ยเข้าใจใน character อย่างเจ้าหนูสายฟ้ามากยิ่งขึ้น ค่อย ๆ เล่าครับ ให้คนดูเข้าใจถึงเบื้องหลังของตัวละครตัว ส่วนนี้เนี่ยผมชอบครับ รู้สึกว่ามันไม่ได้โดดไปโดดมาดี แต่ก็แอบรู้สึกมันเนือย ๆ อยู่เหมือนกัน แต่ก็จำเป็นครับเพราะเรื่องราวทั้งหมดมาบรรจบกัน เชื่อว่าคนดูไม่น้อยครับ จะเข้าใจแล้วก็อินไปกับเจ้าหนูสายฟ้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งหลังจากผ่านช่วงแรก ๆ มาได้แล้ว หนังก็จะเริ่มมีสีสันมากขึ้นครับ ตลกมากขึ้น รวมถึงแอ็คชั่นที่มากขึ้นด้วยนะครับ ให้ระดับความตื่นเต้นนี่อยู่ประมาณ 10 เลยนะครับ ช่วงแรก ๆ อาจจะอยู่ประมาณ 5 พอกลาง ๆ นี่จะประมาณ 7 ครับ พอถึงช่วงท้าย ๆ นี่ทะลุ 10 ไปเลยล่ะครับ ฉาก Climax ของหนังก็น่าตื่นเต้นและก็อลังการมาก ๆ ครับ รู้สึกว่ามีความสร้างสรรค์ดีครับ ใครที่คิดไม่ออกว่าสิ่งมีชีวิตที่วิ่งได้เร็วกว่าเสียงเนี่ย เวลาวิ่งจะเป็นยังไง ต้องไปดู Sonic The Hedgehog ครับ ทำได้ดีมาก ๆ คล้าย ๆ กับ Quick silver ที่เราดูหนัง x-men เลยแหละครับ แถมเวลาต่อสู้ก็มีลูกล่อลูกชนครับ ทุกอย่างดีหมดเลย ทั้งการออกแบบคิวบู๊ แล้วก็ CG ที่ทำออกมาได้อย่างงดงามและเต็มเปี่ยมไปด้วยรายละเอียดครับ ทั้งหมดทั้งมวลนะครับก็ส่งผลให้กับฉากสุดท้ายเนี่ยออกมาเท่ห์และตระการตาเอามาก ๆ เลยล่ะครับ สุดท้ายนะครับที่อยากจะพูดเลยก็คือ เรื่องของตัวละครครับ อยากจะชื่นชมตัวละครตัวนี้มาก ๆ ก็คือ Doctor Romantic หรือว่าตัวร้ายประจำเรื่องนี่แหละ โดยนักแสดงก็คือ Jim Carrey ครับ ซุปเปอร์สตาร์ Comedy ผู้มีชื่อเสียง แม้ว่าช่วงหลัง ๆ นี้เขาจะเงียบไปสักหน่อยนะครับ แต่วันนี้เขากลับมาแล้ว จริงอยู่ครับว่าคาแรคเตอร์ตัวนี้เนี่ยมันก็เป็นแค่ตัวร้าย ตามแบบฉบับหนังทั่ว ๆ ไปเลยนั่นแหละ แต่ที่ต่างไปก็คือเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัวครับที่ผมรู้สึกว่ามีเสน่ห์ ไม่แน่ใจว่าเป็นที่บทพูดหรือว่าการแสดงของ Jim Carrey กันแน่นะครับ แต่บอกได้เลยว่าฮาแบบลั่นโรงแน่นอน ทั้งหมดเนี่ยคือข้อดีของหนังเรื่องนี้ครับ ถามว่าหนังนี่มีข้อเสียไหม ก็ต้องบอกว่ามีแน่นอนครับ บางช่วงของหนังนั้นก็เนือยจริง ๆ ครับ เนือยมาก ๆ ใครที่เหนื่อยจากการทำงานแล้วมานั่งดูหนังเรื่องนี้ เวลาเจอช่วงนี้เนือยนะครับในช่วงต้น ๆ อย่างที่ผมบอกไปเนี่ย อาจจะหลับก่อนถึงช่วง Climax ได้ ประกอบกับตัวละครต่าง ๆ ครับที่ถูกสร้างมาค่อนข้างเบสิคมาก ๆ มีอยู่มิติเดียวจริง ๆ ทำให้บางฉาก บางซีนครับ มันก็ขาดความน่าสนใจไปอยู่เหมือนกัน สรุปเลยแล้วกันนะครับ Sonic The Hedgehog เป็นหนังที่ดูง่ายมาก ๆ ดูสนุก ให้อารมณ์เหมือนหนังฮีโร่จาก Marvel เลยล่ะครับ ฉากแอ็คชั่นดี มีความตลกแทรก เรื่องก็ซึ้งพอประมาณ ครบครันครับดูได้ทั้งเด็กแล้วก็ผู้ใหญ่ ผมคิดเสมอว่าความชอบเป็นเรื่องรสนิยม หนังบางเรื่องที่คนอื่นคิดว่าดี คุณดูเองแล้วเนี่ยอาจจะไม่ชอบก็ได้ แต่สำหรับหนังเรื่องนี้นะครับ ผมคิดไม่ออกเลยว่าจะมีคนเกลียดมันลงได้ยังไง เว้นเสียแต่ว่าถ้าคุณต้องการหนังที่มีเค้าโครงเข้มข้น น่าสนใจ เรื่องนี้อาจจะไม่เหมาะกับคุณเท่านั้นเองครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นหนังอีกเรื่องหนึ่งจากเกมครับที่สนุกในรอบหลายปีเลยแหละ 7 เต็ม 10 ครับ แนะนำสำหรับการพาครอบครัวไปดูเป็นอย่างยิ่งครับ เด็ก ๆ น่าจะหลงรักได้อย่างไม่ยากเลย แถมพ่อแม่ก็ดูได้เพลิน ๆ ครับ เจ้าเม่นสีฟ้านี่จะทำให้คุณสนุกไปกับมันได้หรือไม่ คุณเท่านั้นที่จะพิสูจน์ครับกับ Sonic The Hedgehog ขอขอบคุณภาพประกอบทั้งหมดจาก Official Trailer Youtube