หลังจากที่ True Detective มินิซีรีส์สืบสวนสอบสวนจาก HBO ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก จนกระทั่งทำให้หลังจากนั้นก็เกิดซีรีส์สืบสวนแนวใหม่ ๆ เกิดขึ้นตามมามากมาย ที่ทำให้เราได้หลุดกรอบจากการสืบสวนแบบใช้เทคโนโลยีอย่าง CSI หรือ MCIS เราได้เห็นซีรีส์สืบสวนที่มีส่วนผสมของความเป็นหนังดราม่ามากขึ้น มีความสมจริง บางเรื่องมาในรูปแบบสารคดีก็มี โดยเฉพาะการนำเสนอการทำงานของตำรวจในแบบที่ใช้แรงกายแรงใจล้วน ๆ ซีรีส์เหล่านี้จึงค่อนข้างได้รับความนิยมและได้รับเสียงยกย่อง เชิดชู เป็นส่วนใหญ่ The Alienist เป็นอีกหนึ่งมินิซีรีส์จาก Netflix ที่มีองค์ประกอบข้างต้นอย่างครบถ้วน จนผมอยากยกให้เป็น True Detective เวอร์ชั่นศตวรรษที่ 19The Alienist เป็นเรื่องราวของนักจิตวิทยา ดร.ไครซเลอร์ (แดเนียล บรูห์) และ นักวาดภาพประกอบ จอห์น มัวร์ (ลุค อีแวนส์) ที่ต้องมาร่วมกันสืบหาตัวฆาตกรต่อเนื่อง ที่จับเด็กชายที่เป็นโสเภณี ไปฆ่าอย่างโหดเหี้ยม โดยจุดมุ่งหมายของ ไครซเลอร์ คือนำสมองของฆาตกรรายนี้มาศึกษาวิจัยถึงความจิตวิปลาส โดยการสืบสวนครั้งนี้เขาก็ได้ความร่วมมือจาก ซาร่า ฮาวเวิร์ด (ดาโกต้า แฟนนิ่ง) เลขาสาวจากกรมตำรวจมาร่วมภารกิจของเขาในครั้งนี้ แต่การสืบสวนของพวกเขาในครั้งนี้ก็เต็มไปด้วยอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะเบาะแสฆาตกรที่แทบจะมืดแปดด้านความน่าสนใจของ The Alienist คือการพาคนดูย้อนไปยังยุคปลายศตวรรษที่ 19 ที่เป็นยุคที่เต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลงมากมายทั้งเทคโนโลยี และด้านการเมืองการปกครอง โดยซีรีส์ได้หยิบเอาเรื่องราวประวัติศาสตร์ มาผสมกับเรื่องราวของตัวเองได้อย่างกลมกลืน ไม่ว่าจะเป็นยุคแห่งการเรียกร้อง สิทธิสตรี ยุคแห่งการวิวัฒนาการยุคแรกเริ่มของภาพยนตร์ และชีวิตฐานะของผู้คนแต่ละชนชั้นในยุคนั้น นอกจากนี้งานสร้างสรรค์ด้านโปรดักชั่นของซีรีส์เรื่องนี้ก็สามารถถ่ายทอดศตวรรษที่ 19 ออกมาได้สมจริงและสวยสดงดงามอย่างไร้ที่ติด้วยการที่ซีรีส์มีการดำเนินเรื่องราวการสืบสวนผ่านตัวละครที่เป็นนักจิตวิทยาเป็นหลัก ดังนั้นการสิบสวนในเรื่องนี้จะเต็มไปด้วยศัพท์เชิงจิตวิทยาเป็นส่วนใหญ่ ทำให้เรานึกถึงซีรีส์เรื่อง Mindhunter เพียงแต่ใน The alienist อาจจะเจาะลึกได้ไม่เท่า แต่กามารถทำให้เราได้เห็นการวิวัฒนาการด้านจิตวิทยาของยุคนั้น ในการใช้วิเคราะห์จิตใจของคนร้าย ซึ่งในส่วนนี้ซีรีส์ก็ทำออกมาได้เข้มข้น และมีเอกลักษณ์ของตัวเองอย่างเด่นชัดการสืบสวนในเรื่องนี้จะทำให้เรานึกถึง True Detective เพราะด้วยการสืบสวนที่ดำเนินเรื่องอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยดารค่อยๆ เปิดเผยความจริงทีละเล็กละน้อยต่อคนดู มีการใส่ลูกเล่นหลอกล่อคนดูให้หลงเชื่อ ก่อนจะหักมุมในภายหลัง และโดยเฉพาในตอนท้าย ๆ ที่เป็นการเปิดเผยตัวคนร้าย ก็สามารถสร้างอารมณ์ลุ้นระทึกได้ ส่วนฉากฆาตกรรมนั้นก็ถูกนำเสนอออกมาได้น่าขนลุกขนผอง ทั้งศพของเหยื่อที่สะท้อนถึงความโหดร้ายป่าเถื่อน และการแฝงไปด้วยอารมณ์สยองขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ของซีรีส์เรื่องนี้ มันทำให้การสืบสวนดูเข้มข้นน่าติดตามมากยิ่งขึ้นนอกจากพลอตเรื่องการสืบสวนสอบสวนแล้ว ก็ยังมีพลอตรอง อย่างเรื่อง รักสามเศร้า เรื่องราวปมในจิตใจของแต่ละตัวละคร ที่มาเพิ่มสีสันให้เนื้อเรื่องมีชีวิตชีวา มีฉากโรแมนติกให้เราได้ยิ้มบ้าง ส่วน พลอตดราม่าซีรีส์ก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ทำให้เราได้เห็นถึงมิติของแต่ละตัวละครที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ทั้งตัว ไครซเลอร์ ที่มีปมปัญหาของตัวเองในอดีตที่ไม่ยอมให้ใครรู้ และจิตใจอันแปรปรวน ของเขาที่ทำให้เข้ากับคนอื่นไม่ได้ ด้าน จอหน มัวร์ ก็เป็นตัวละครที่เป็นชายโสด ผู้แอบหลงรักฮาววาร์ด ส่วนด้าน ฮาววาร์ด นั้นก็เป็นตัวละครหญิงที่เป็นตัวแทนการเรียกร้องพลังหญิงของเรื่อง ด้วยที่ในยุคนั้น ผู้หญิงมีบทบาทเพียงแค่อยู่ข้างหลังและเชื่อฟังผู้ชาย ซีรีส์ได้ถ่ายทอดให้เห็นถึงการพยายามพิสูจน์ตัวเองของเธอต่าง ๆ นานา ทำให้ตัวละครหญิงของซีรีส์เรื่องนี้ดูมีเสน่ห์และแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องชื่นชมนักแสดงนำทั้งสามที่สามารถรับส่งบทบาทและมีเคมีการแสดงที่เข้ากันอย่างลงตัว ทำให้สามตัวละครนี้เป็นผู้ขับเคลื่อนเรื่องราวของซีรีส์ได้อย่างลื่นไหลThe Alienist นับได้ว่าเป็นซีรีส์สืบสวนที่เข้มข้น น่าติดตามอีกเรื่องหนึ่ง ที่สามารถนำเสนอทั้งการสืบสวนที่น่าตื่นเต้น ตัวละครที่มีมิติน่าค้นหา และการนำแสนอเรื่องราวยุคศตวรรษที่ 19 ได้อย่างแนบเนียน ทำให้นอกจากการสืบสวนที่ซีรีส์พาเราไปร่วมค้นหาติดตามกับตัวละครแล้ว เราก็ราวกับได้นั่งไทม์แมชชีนย้อนอดีตไปสู่ยุคนั้น เพื่อไปเห็นวิถีชีวิตของคนในยุคนั้น ใครที่อยากสัมผัสการสืบสวยยุคเชอร์ล็อกโฮล์มส์ ยุคแจ้ค เดอะ ริปเปอร์ ซีรีส์เรื่องนี้ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งสามารถรับชม The Alienist บน Netflix ผ่านทางกล่อง True-id ได้แล้ววันนี้ ขอขอบคุณรูปภาพจาก : https://www.netflix.com/title/80244781