Short CommentThe Point Men ล็อคเป้าตาย ค่าไถ่หยุดโลก (2023)เล่าเรื่องที่รู้จุดจบแล้วให้ออกมาเร้าใจด้วยรายละเอียดเพื่อเดินสู่ความระทึกในบั้นปลายวันนี้ลองมาว่ากันที่นักแสดงชั้นแนวหน้าของเกาหลีบ้างที่ดูไปบ่นไปก็ดูผลงานดูหนังดูละครเกาหลีพอพอสมควร ซึ่งคนดูหนังดูละครทุกคนจะรู้ว่าชื่อนักแสดงที่ขึ้นมาเป็นชื่อแรกในเครดิตก็คือชื่อที่จะเอามาขาย เพราะชื่อนักแสดงที่จะขายได้นั้นต้องมีปัจจัยมากมายที่จะให้คนดูซื้อตั๋วหรือเปิดดูเพราะชื่อนักแสดงแล้วหนึ่งในนักแสดงที่ชื่อขายได้ฝ่ายชายของเกาหลีก็คือฮยอนบิน แน่นอนชื่อของฮยอนบินเมื่อแปะโปสเตอร์หนังก็มีคนพร้อมจะซื้อตั๋วเขาไปสนับสนุนผลงานหรือเมื่อมีมาให้ดูทางช่องทางอื่นก็พร้อมเปิดดู ทว่าในวงการบันเทิงเกาหลีนั้นในสายงานภาพยนตร์นับว่าเป็นที่เลื่องลือกว่า นักแสดงในสายงานภาพยนตร์หลายคนที่คนดูละครดูซีรีส์อาจไม่ค่อยคุ้นหน้าชื่อไม่คุ้นหูดูไม่คุ้นใจแต่กลายเป็นว่าชื่อเสียงในบ้านเขาที่เกาหลีกลับเป็นที่ยอมรับกว่า เช่นเดียวกับหนังเรื่องนี้ที่คงเป็นหนังเพียงไม่กี่เรื่องที่ชื่อนักแสดงระดับฮยอนบินไม่ได้ขึ้นเครดิตเป็นชื่อแรกแต่เป็นฮวังจองมินที่ถ้าเป็นคนที่ดูหนังเกาหลีมาบ่อยๆจะคุ้นหน้ามากกว่า ทว่ามาตรฐานการแสดงของคนสองคนนี้เมื่อมาเจอกันก็ทำให้หนังเรื่องต่อไปนี้มีดีขึ้นมาอีกโขณ สมรภูมิอัฟกานิสถานหลังจากที่สหรัฐอเมริกาส่งกองทัพเข้าไปปราบกลุ่มตาลีบันจากเหตุการณ์ 911 รัฐบาลเกาหลีไต้ในขณะนั้นก็ได้ส่งกองกำลังทหารที่ไม่ร่วมรบเข้าไปในสมรภูมิด้วย แล้ววันหนึ่งคณะผู้เผยแผ่ศาสนาจากเกาหลีจำนวนยี่สิบสามคนที่ได้เข้าไปในอัฟกานิสถานแต่แล้วทั้งยี่สิบสามคนก็ถูกกลุ่มตาลีบันจับไปเป็นตัวประกัน ทางรัฐบาลเกาหลีไต้จึงส่งนักเจรจาต่อรองจากสำนักงานข่าวกรองจองแจโฮ (ฮวังจองมิน) มาเจรจากับรัฐบาลอัฟกานิสถานให้ปล่อยนักโทษตาลีบันเพื่อแลกกับตัวประกันชาวเกาหลี ทว่ารัฐบาลอัฟกานิสถานปฏิเสธทำให้เจ้าหน้าที่ NIS ประจำภาคพื้นตะวันออกกลางพัคแดชิก (ฮยอนบิน) เขามาแทรกแซงโดยมีคาซิม (คังกียอง) ชาวเกาหลีที่ลื่นเป็นปลาไหลผู้ใช้ชีวิตในอัฟกานิสถานมาเป็นล่าม แต่จองแจโฮก็ไม่พอใจพัคแดชิกที่เข้ามาจุ้นส่วนพัคแดชิกก็มองจองแจโฮเป็นพวกอ่อนไม่เคยออกภาคสนามจึงทำให้สองคนไม่ลงรอยกัน กระนั้นเมื่อมีตัวประกันถูกสังหารจากความผิดพลาดทั้งจองแจโฮและพัคแดชิกจึงต้องร่วมมือกันเพื่อช่วยตัวประกันกลับบ้านให้ได้โดยปลอดภัยเล่าด้วยรายละเอียดปลีกย่อยทำให้ระทึกมากกว่าเร้าใจในเรื่องที่รู้บั้นปลายอยู่แล้ว ไม่มีทางที่การดูหนังเรื่องนี้โดยที่ไม่คิดถึง Argo (2012) หนังออสการ์เรื่องนั้นเพราะโครงเรื่องแทบจะเป็นอันเดียวกันแต่คงไม่เอาไปเทียบกันเพราะเป็นคนละบริบท ซึ่งถ้าไม่ออกตัวว่าอ้างอิงจากเรื่องจริงผู้เขียนหรือคนดูทั่วไปก็คิดหว่าหนังตามสูตรอีกเรื่องหนึ่ง แต่เมื่อเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นจริงหนังจึงเลือกเล่ารายละเอียดในเรื่องที่คนดูรู้บั้นปลายรู้บทสรุปของเรื่องราวอยู่แล้วในเห็นอย่างถ่องแท้และออกมาสมจริง โดยแทบไม่มีส่วนไหนหลุดนอกจากเรื่องของสื่อมวลชนที่มาแล้วไปโดยที่ไม่ได้ทำอะไรทั้งที่ก่อเรื่องไว้ถึงชีวิตคน จึงเห็นชัดว่างานกำกับของยิมซุนรเย (Little Forest (2018)) เรื่องนี้ตั้งใจมาเล้าโลมอารมณ์คนดูด้วยความระทึกมากกว่าเร้าใจเพราะการเล่าอย่างละเอียดด้วยความสมจริงคือการกดอารมณ์ให้ขมึงตึง กระนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีความระห่ำเดือดมาให้ยังมีได้แต่ไม่ได้เดือดจนระอุคือเดือดตามเหตุการณ์ที่พลิกผัน ทำให้คนดูดูได้อย่างสุดเร้าใจเพราะความพลิกผันไปมาหลายตลบจนลืมนึกไปเลยว่ารู้บทสรุปอยู่แล้วค่อยๆบีบอารมณ์ไปจนถึงจุดสุดขีดทำให้ได้ฉากเจรจาต่อรองที่เข้มข้นถึงใจ เมื่อเล้าโลมอารมณ์คนดูไปเรื่อยๆด้วยความเร้าใจจนถึงเวลาที่อารมณ์ไปถึงจุดสุดขีดก็พาความลุ้นระทึกที่ถึงใจมาในฉากเจรจาบนโต๊ะในครึ่งชั่วโมงสุดท้ายที่ทั้งเข้มข้นอึดอัดกดดันจนหายใจไม่ทั่วท้อง ที่ทำให้มาถึงตรงนี้ได้เพราะการเล่าแบบเล้าโลมค่อยๆนวดค่อยๆบีบใส่ความพลิกผันผลักให้จนมุมครั้งแล้วครั้งเล่าจนรู้สึกมืดแปดด้าน แต่ความพลิกผันไม่ใช่การหักมุมเพราะเรื่องแบบนี้คือเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้กับการเจรจาต่อรองที่มองไม่เห็นทางออกไม่มีความหวังไม่เห็นแสงสว่าง ทุกอย่างจึงพามาสู่ไคลแม็กซ์สุดท้ายที่อาจไม่ใช่การดวลปืนกันอย่างสุดระห่ำแต่เป็นการชิงไหวชิงพริบชิงเหลี่ยมกันไม่ต่างต่างการเล่นพนันโป๊กเกอร์ในหนังการพนันชั้นดีหรือไม่ต่างจากการเล่นรัสเซียนรูเล็ต ซึ่งที่ต้องคารวะคือบทหนังที่พาคนดูมาถึงจุดนี้ด้วยอารมณ์ล้วนๆไม่ใช่การใส่ความเร้าใจที่ฉาบฉวยเข้ามา เพราะทุกการตัดสินใจทุกการกระทำหรือสิ่งที่กำลังจะเป็นไปคนดูจะคิดไม่ต่างจากเป็นคนที่ต้องตัดสินใจเองจนสามารถตรึงอารมณ์จนนั่งติดเก้าอี้ได้ตลอดน่าเสียดายที่ความเข้มข้นทางการเมืองและส่วนของตัวประกันเล่าน้อยไปทำให้พื้นหลังไม่หนักแน่น แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือมิติเชิงลึกที่ควรมีเพื่อเป็นรากฐานทางอารมณ์ นั่นคือเรื่องนี้เล่าด้วยเหตุการณ์ด้านเดียวทำให้คนดูลุ้นระทึกได้จริงแต่สิ่งที่หายไปคืออารมณ์เอาใจช่วยตัวประกันเพราะหนังไม่ได้ให้ความสำคัญตรงส่วนนั้นให้พอ หรือจะเป็นเรื่องเชิงการเมืองที่มีผลต่อความพลิกผันและความสูญเสียเพราะเชื่อว่าเรื่องแบบนี้มีแน่นอนเรื่องของเบื้องบนที่มีผลต่อระดับปฏิบัติการ และส่วนมากหนังแนวนี้เรื่องการเมืองแบบนี้จะทำให้ทวีความเข้มขึ้นแต่เรื่องนี้กลับมีแบบผิวๆ คนดูจึงไม่รู้สึกอะไรกับชะตากรรมของตัวประกันนอกจากตกใจแต่มิติเชิงอารมณ์ไม่ได้เพราะแม้ในฝั่งของทีมเจรจาจะเล่าได้อย่างถึงใจจนคล้ายคนดูมีส่วนในการคิดกลยุทธตามไปแต่ทางฝั่งตัวประกันกลับเหมือนไม่ใช่ส่วนสำคัญ ทำให้หนังออกมาเหมือนเป็นความจริงด้านเดียวจนถ้าไม่ออกตัวว่าสร้างจากเรื่องจริงจะทำลายความสมเหตุผลไปพอประมาณเพราะเหมือนมีอะไรที่บอกคนดูไม่หมด ทำให้หนังเรื่องนี้เป็นหนังทริลเลอร์ชั้นดีที่ไม่มีหัวใจการแสดงที่สร้างการเผชิญหน้าที่น่าจดจำตลอดเรื่อง อย่างที่บอกคือเรื่องนี้ชื่อฮวังจองมินเป็นชื่อนำและชื่อฮยอนบินเป็นชื่อสมทบและบทก็เป็นตามนั้นจริงเมื่อหนังเล่าเรื่องของนักเจรจาต่อรอง ทว่าแม้ฮวังจองมินจะแสดงได้อย่างสุดยอดเนียนตาอย่างที่เคยฮยอนบินก็ใช่ว่าจะถูกกลบฝังกลับกันคือมีบางช่วงที่เขาขโมยหนังมาไว้ในมือได้เป็นพักๆด้วยซ้ำ และแม้จุดเปลี่ยนจากความไม่ลงรอยกันมาเป็นซี้กันจะไม่ชัดแต่ด้วยความที่การแสดงของทั้งสองคนเป็นที่ต้องชื่นชมก็ทำให้คนดูอาจไม่ทันสังเกตจุดนั้น หนังจึงได้ฉากเชือดเฉือนกันทางบทสนทนาได้ทุกครั้งที่นักแสดงหลักปะทะประชันกันทั้งนี้รวมถึง Fahim Fazli ที่รับบทหัวหน้าตาลีบันที่ทำให้ฉากเจรจาในตอนท้ายกลายเป็นความเข้มข้นเหลือกำลังลาก แน่นอนจะไม่เอ่ยถึงคังกียอง (ทนายจองมยองซุกใน Extraordinary Attorney Woo) ที่ลื่นไหลและผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อในหนังที่ชวนเครียดแต่ไม่ใช่การพยายามตลก ความลื่นไหลของเขาทำให้หนังดูผ่อนคลายได้โดยไม่ตลกทำให้การแสดงของเหล่านักแสดงในเรื่องนี้ทำให้เรื่องนี้ดีขึ้นกว่าที่ควรเป็นที่ดีพอตัวอยู่แล้วหนังเป็นความบันเทิงทางอารมณ์ที่เข้มข้นลุ้นระทึกมากกว่าตื่นเต้นตูมตาม ความบันเทิงในการดูหนังบางครั้งก็มาจากความระห่ำตื่นเต้นตูมตามและบางครั้งก็มาจากความเข้มข้นลุ้นระทึกซึ่งเรื่องนี้เป็นอย่างหลัง ก็จริงที่ถ้ามาหวังความบู๊ระห่ำในความเป็นหนังแอ็กชันก็อาจจะไม่ตอบโจทย์จนอาจผิดหวังเพราะนี่คือหนังที่เฉือนกันที่สมองประลองเหลี่ยมด้วยการชิงไหวชิงพริบและการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่หนังก็กดอารมณ์คนดูได้จนดูได้โดยไม่ลุกไปไหนแต่ก็ใช่ว่าจะซับซ้อนจนละสายตาไม่ได้เพราะไม่ได้ตั้งใจมาแบบนั้น หนังมีดีที่การแสดงเป็นตัวเสริมที่อาจต้องยอมรับว่าฮวังจองมินเด่นกว่าฮยอนบินตามบทบาทแต่เอฟซีฮยอนบินไม่ต้องตกใจเพราะเขายังมีเวลาที่น่าจดจำอยู่ตลอดโดยเฉพาะความหล่อความเท่ที่ไม่มีใครกินเขาลง แน่นอนหนังเรื่องนี้อาจไม่ใช่หนังที่สมบูรณ์แบบยังมีอะไรบางอย่างที่ถ้ามีจะทำให้กลายเป็นหนังที่เข้าถึงเชิงอารมณ์มากกว่านี้ที่ถ้าใช้คำแรงคือความแห้งแล้งเพราะหัวใจไม่ได้ทำงานเลย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าชอบหนังที่เข้มข้นเชือดเฉือนแบบไม่หวือหวาตูมตามเรื่องนี้ก็คืองานดีที่ควรดูดูไปบ่นไปขอบคุณภาพประกอบภาพปก จาก sahamongkolfilm.comภาพที่ 1,2,3,4,5,6,7,8 จาก cgv.co.krจะฟังเพลงหรือดูหนัง ซีรีส์ใหม่สุดปัง โหลดเลยที่ App TrueID โหลดฟรี !ถ้าคุณชอบเรื่องนี้ คุณจะชอบเรื่องเหล่านี้https://entertainment.trueid.net/detail/369PAoa5gzA4https://entertainment.trueid.net/detail/BmJnE31r85lmhttps://entertainment.trueid.net/detail/Or4eGnxxlMJZhttps://entertainment.trueid.net/detail/2m66YNXL4Rqm